คุณแม่สีหลุบตาลงแล้วช่วยฉันลูบชุดนอนที่ยับยู่ยี่ ฉันดูไม่ออกว่าเธออารมณ์เสียเพราะอะไร
“สื่อบางที่มันก็ปากพล่อยแบบนี้แหละ พูดออกมาได้ยังไงไม่รู้ว่าเป็นพันธุ์ทางที่ไม่รู้ประวัติที่มาที่ไป” คุณแม่สีคือคุณหนูในชาติตระกูลสูงศักดิ์อย่างแท้จริง คำพูดตอนท้ายเธอไม่ได้พูดออกมา น้ำเสียงของเธอเจือความโกรธเคืองไว้ด้วย “ล้วนเกิดจากท้องแม่กันทั้งนั้น พูดไม่มีศีลธรรมซะเลย”
ฉันไม่ได้อ่านข่าว จึงไม่รู้ว่าเขียนเช่นไรบ้าง
“หนูไม่ต้องกังวลเรื่องสู้คดีในศาลหรอกนะ ชิงชวนจะช่วยหนูแน่นอน เขามีกลุ่มทนายเก่งๆ เยอะเชียวนะ”
“ที่ปรึกษาทนายของคุณพ่อแนะนำให้หนูแล้วค่ะ” ฉันกล่าว “แต่คดีจะชนะหรือเปล่า หนูไม่ค่อยใส่ใจมากหรอกค่ะ”
ไม่ว่าสีชิงชวนจะหาว่าฉันเสแสร้งก็ตาม แต่ฉันคิดแบบนี้จริงๆ
“เซียวเซิง หนูอย่าคิดว่าสละสิทธิ์แล้วจะเป็นการเคารพคุณพ่อหนูสิ แม่ถามอะไรหนูหนึ่งประโยคสิ คุณพ่อหนูไม่เคยรู้เลยหรือว่าหนูไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา?”
“แม่บุญธรรมของหนูบอกว่าคุณพ่อรู้ค่ะ รู้มาโดยตลอดเลยค่ะ”
“งั้นก็ถูกแล้วไง เขารู้แล้วยังแบ่งสมบัติส่วนใหญ่ให้หนู หนูจึงต้องใช้เหตุและผลไปสู้คดี แบบนี้ต่างหากถึงจะเป็นการเคารพการตัดสินใจของคุณพ่อหนู” คุณแม่สีลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะมองฉันด้วยแววตาอ่อนโยน “หนูสบายใจได้ คนที่พูดปากไม่มีหัวรูดในบ้านนี้ ไม่ใช่เจ้าบ้าน พูดไปก็ไม่มีน้ำหนักหรอก แต่แม่ก็ไปปิดปากทุกคนไม่ได้ คนเราเกิดมาก็ต้องแบกรับความกดดันด้วยตัวเองบ้าง ตอนนี้ก็ดูว่าหนูจะผ่านมันไปได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง”
นับแต่ฉันแต่งเข้าบ้านตระกูลสี วันนี้เป็นวันที่คุณแม่สีคุยกับฉันมากที่สุด
หากเธอพูดพอเป็นพิธีฉันก็ไม่รู้สึกอะไร ทว่ากลับพูดอย่างจริงใจจนฉันน้ำตาคลอเบ้าเลย
ฉันพบว่าตัวเองร้องไห้ง่ายๆ ทุกที
เฉียวอี้มาหาฉันในขณะที่ฉันนั่งกินโจ๊กหอยเป๋าฮื้อฝีมือป้าสวี มันสดใหม่มาก
เฉียวอี้ซื้อขนมอบกรอบมาฝากฉันเป็นโขยง เธอนั่งข้างเตียงฉัน ฉันเตรียมเธอว่าจะกินโจ๊กไหม จะได้ให้ป้าสวีตักมาให้ แต่จู่ๆ เธอก็ตีฉันแรงๆ ตีจนน้ำตาฉันแทบพุ่งกระฉูด
“ทำอะไรน่ะ?” ฉันนวดแขนที่เจ็บแปลบจากฝีมือเธอ
“เมื่อวานเธอต้องฝืนเข้มแข็งแน่ ฉันถามเธอว่าจะให้อยู่เป็นเพื่อนไหม แต่เธอตอบว่าไม่ต้อง แล้วผลสุดท้ายเธอก็มาเล่นไม้นี้นี่น่ะ?”
“เล่นอะไร?” ฉันรู้สึกแปลกใจจนลืมเคี้ยวหอยเป๋าฮื้อในปากไปเลย
“ถ้าเธอตาย เธอจะกล้าสู้หน้าพ่อเธอบนสวรรค์ไหม แล้วไม่ละอายใจต่อฉัน ไม่ละอายใจต่อแม่ฉันบ้างเหรอ?” เธอฟาดใส่แขนฉันสุดแรงเหวี่ยง เธอเป็นคนร่างสูงและตัวใหญ่ ฉันจึงใกล้โดนเธอตบตายไปแล้ว
“ฉันทำอะไรเหรอ?” ฉันหลบการโจมตีของเธอไปพลาง ปกป้องโจ๊กในมือไปพลาง
“บนโลกใบนี้มีอะไรที่ผ่านไปไม่ได้บ้าง? แม่บุญธรรมเธอรู้ว่าเธอจะฆ่าตัวตายก็เกือบวูบไปเลย ท่านกอดฉันร้องไห้อยู่นาน”
“ฉันไม่ได้ฆ่าตัวตาย ฉันหลับในอ่างอาบน้ำจริงๆ” ฉันวางถ้วยบนโต๊ะ
“อย่ามาหลอกกันให้ยากเลย” เธอจ้องเขม็งใส่ฉัน
“ใครบอกเธอ?”
“สีชิงชวน”
“สีชิงชวนงั้นเหรอ?”
“อืม เขาโทรบอกให้ฉันใส่ใจเธอให้มากๆ เขาบอกว่าช่วงนี้เธอทำท่าว่าจะฆ่าตัวตาย”
“บ้าบอ ไอ้...” ฉันไม่ได้พูดประโยคตอนท้ายออกมา เพราะป้าสวีถือถาดมาเสิร์ฟน้ำชาให้เฉียวอี้พอดี
“อย่าไปฟังเขา ฉันจะฆ่าตัวตายได้ยังไง” ฉันกดเสียงพูด
ป้าสวีวางถาดบนโต๊ะ “คุณเฉียวคะ ห้องครัวพึ่งจะอบคุ๊กกี้อัลมอนด์ค่ะ คุณชอบกินไหมคะ?”
“เดี๋ยวหนูค่อยกินค่ะป้าสวี ขอเคลียร์กับแม่นางคนนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“เชิญพวกคุณคุยกันตามสบายเลยค่ะ” ป้าสวียิ้มแล้วเดินออกจากห้องที่พวกเราอยู่
เฉียวอี้ยัดคุ๊กกี้อัลมอนด์เต็มปาก พลางใช้หางตาเขม็งใส่ฉัน มองจากมุมนี้แล้วรู้สึกขนาดดวงตาของเธอมีปัญหาอย่างรุนแรง
“เธอไม่ได้ฆ่าตัวตายจริงๆ หรือ?”
“เปล่าจริงๆ”
“แล้วทำไมถึงจมน้ำตอนอาบน้ำได้ล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...