เมื่อคุยเรื่องคดีเสร็จ พวกเราทั้งสองต่างก็เงียบกันไปพักหนึ่ง
ฉันกำลังคิดว่าฉันควรจะขอตัวกลับก่อนดีไหม แต่ฉันก็ยังอยากนั่งกับหนีอีโจวต่อไปอีกสักพัก
หนีอีโจวมีบรรยากาศรอบตัวที่อ่อนโยนมาก เวลาที่ได้อยู่กับเขาจะรู้สึกสบายใจมาก
ไม่เหมือนกับสีชิงชวน เขาเหมือนมีเปลวไฟอยู่บนร่างกาย เข้าไปใกล้เพียงนิดเดียวก็ถูกแผดเผาให้ตายได้
พอฉันดื่มชานมหมดแล้ว ฉันก็สั่งน้ำลิ้นจี่เย็นมากอีกแก้วหนึ่ง เย็นฉ่ำอร่อยมาก
ฉันใช้ช้อนเล็กๆ ควานหาเนื้อลิ้นจี่ที่อยู่ในแก้วขึ้นมากิน และได้ยินหนีอีโจวเอ่ยว่า “เซียวเซิง คุณไม่เหมือนกับตอนเด็กๆ แล้ว”
“อ่า” นึกไม่ถึงเลยว่าฉันจะได้ยินเขาวิจารณ์ฉันแบบนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขาทันที “ฉันหน้าตาไม่เหมือนเดิมเหรอคะ? ”
“เปล่า” เขาส่ายหัว “หน้าตายังเหมือนกับตอนเด็กๆ แต่ตัวตนทั้งหมดของคุณไม่เหมือนเดิม”
“ตรงไหน? ” ฉันงุนงง
“คุณ ไม่ได้เปิดเผยตัวเองมากเท่าตอนเด็กๆ ”
“ฉันโตแล้วไง ไม่ได้โง่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
“ไม่ใช่แบบนั้น” น้ำเสียงของเขาแทบจะถอนหายใจออกมา “คุณเปลี่ยนไปหลบซ่อนตัวเอง ปิดกั้นตัวเอง เสียใจแต่ก็ไม่ร้องไห้ เศร้าใจแต่ก็ไม่ระบายออกมา เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นถังขยะใบหนึ่ง”
ฉันมองไปที่เขาอย่างตะลึงงัน และหมดเรี่ยวแรงที่จะโต้แย้ง
เฉียวอี้เองก็พูดแบบนี้อยู่บ่อยๆ เหมือนกัน เธอบอกว่าคนอื่นจะเอาสิ่งสกปรกอะไรมาเทใส่ตัวฉัน ฉันก็ยอมรับมันมาทั้งหมด
เป็นไปได้ว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตในตระกูลเซียวของฉัน ฉันมักจะบอกกับตัวเองว่าถ้าไม่อดทนในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็จะทำให้เสียการใหญ่
ตอนที่คุณแม่กำลังจะจากไปแม่แทบจะล้างสมองของฉัน ท่านขอให้ฉันอย่าทำให้คุณพ่อต้องลำบาก
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณพ่อ ดังนั้นคุณแม่จึงรู้สึกผิดมากๆ ที่พาฉันมาฝากฝังให้คุณพ่อดูแล แต่มันก็ไม่มีทางอื่นแล้ว
ฉันเอามือเท้าคาง ความคิดล่องลอยไปไกลอีกครั้ง
เมื่อโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ความคิดของฉันถึงจะถูกดึงกลับมา
เป็นสายโทรเข้าจากป๋ออวี่ “คุณเซียว คุณสีให้ผมบอกกับคุณว่าคืนนี้มีงานเลี้ยงให้คุณไปกับเขาด้วย ตอนนี้ผมมารับคุณครับ”
“หา? ” ฉันงงงันเล็กน้อย ฉันกับสีชิงชวนแต่งงานกันมากว่าครึ่งปีแล้ว ไม่ว่าจะงานเลี้ยงเล็กๆ หรืองานเลี้ยงใหญ่เขาก็ไม่เคยพาฉันไปด้วยเลย นอกเสียจากครั้งก่อนที่คุณย่าดึงดันให้ฉันไป ครั้งนี้เขาจะเล่นลูกไม้อะไรอีก?
“ผมจะไปถึงในอีกสิบนาที คุณรอผมอยู่หน้าประตูก็พอครับ”
“ทำไม...”
“วางสายแล้วนะครับ” ป๋ออวี่วางสายไปเสียดื้อๆ
ฉันดูนาฬิกา เพิ่งจะสี่โมงเย็นนิดๆ จะไปงานเลี้ยงเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
หนีอีโจวมองมาที่ฉัน “มีธุระต้องไปทำเหรอครับ? ”
“อ่า ใช่ค่ะ” ฉันมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มอย่างเคลิบเคลิ้ม “อาจจะต้องไปแล้ว”
“ใครโทรหาคุณ สีชิงชวนเหรอ? ”
“ผู้ช่วยของเขา” ฉันหยิบน้ำลิ้นจี่เย็นที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นดื่มจนหมด ความเย็นทำให้ฉันตัวสั่น จากนั้นฉันก็ลุกขึ้นยืน “งั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ฉันรีบเดินไปที่ประตู เมื่อผลักประตูเปิดออกไปจึงนึกขึ้นได้ว่าแม้แต่คำบอกลาฉันก็ยังไม่ได้พูดกับเขาเลยด้วยซ้ำ
ฉันเพิ่งจะเดินออกประตูมา ป๋ออวี่ก็ขับรถมาแล้ว เขาลงจากรถมาเปิดประตูรถด้านหลัง และรอให้ฉันขึ้นรถไปอย่างสุภาพเรียบร้อย
ก่อนที่จะขึ้นรถฉันยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองอีกครั้ง หนีอีโจวกำลังมองมาที่ฉันโดยมีหน้าต่างกระจกกั้นเอาไว้ ฉันนึกถึงบทพูดที่เกินจริงประโยคหนึ่ง ระหว่างพวกเราเหมือนมีภูเขาและแม่น้ำมากมายมาขวางกั้นเอาไว้
“คุณเซียวครับ พวกเราต้องไปทำสปาก่อน รีบหน่อยครับ” ป๋ออวี่เอ่ยเร่งฉันอย่างสุภาพ
ฉันจึงได้แต่เดินขึ้นรถไป เขานั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ส่วนฉันนั่งอยู่ที่ท้ายรถอันกว้างขวางเพียงลำพัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...