พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 62

ฉันวิ่งเข้าไป เขาชี้ไปที่ชิงช้าตัวนั้น “นั่งนี่สิ”

ฉันนั่งลงบนชิงช้า แกว่งมันไปมาสนุกมาก และยังลดความเก้อเขินของฉันลงไปหน่อยอีกด้วย

ฉันแสร้งทำเป็นเล่นชิงช้า แต่อันที่จริงแล้วสายตาของฉันกำลังจ้องมองไปที่รองเท้าผ้าใบสีขาวหิมะคู่นั้นที่อยู่บนเท้าของหนีอีโจว

เมื่อก่อนหนีอีโจวก็ชอบใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว สีขาวหิมะไม่มีรอยเปรอะเปื้อนเลย ฉันสงสัยมากว่าเขามีรองเท้ากี่คู่ ถึงได้รักษาความขาวสะอาดไว้ได้ขนาดนี้

“เซียวเซิง อย่าดื่มกาแฟเลย ดื่มชานมสักแก้วเถอะ ทำให้ท้องอุ่นหน่อย” หนีอีโจวพูดกับฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมา

“อ่า ทำไมฉันต้องทำให้ท้องอุ่นด้วยละคะ? ”

“ตอนนี้คุณโอเคดีไหม? ”

น้ำเสียงเป็นห่วงของหนีอีโจว ทำให้ฉันนิ่งงันไปสามวินาที และตำหนิเฉียวอี้อย่างโกรธเคืองในใจทันที

ยัยคนปากใหญ่อย่างเธอคนนี้ เธอต้องบอกกับหนีอีโจวเรื่องที่เมื่อวานฉันเกือบจมน้ำตายในอ่างอาบน้ำอย่างแน่นอน

ฉันยกมุมปากขึ้น “ฉันไม่เป็นไรค่ะ สบายมาก”

“เรื่องของคุณอาเซียว คุณอย่ากดดันตัวเองมากเกินไปเลย บางทีมันอาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับเรื่องนี้”

ฉันมองไปที่หนีอีโจว “คุณหมายถึงเรื่องที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของพ่อฉันเหรอคะ? ”

“บางที ให้คุณรู้เรื่องนี้เร็วขึ้นหน่อยก็อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร”

ฟังจากน้ำเสียงของหนีอีโจว ดูเหมือนว่าเขาก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

“คุณ รู้อยู่แล้วเหรอว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณพ่อของฉัน? ”

เขามองมาที่ดวงตาของฉัน แววตาของเขาเปิดเผยมาก “ผมเคยได้ยินแม่ของผมพูดอยู่ครั้งหนึ่ง คุณแม่ของคุณลังเลมากมาตลอดว่าควรจะบอกความจริงกับคุณดีไหม แต่คุณอาเซียวไม่เห็นด้วย”

ที่แท้ทุกคนก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว มีแค่ฉันที่โง่งมไม่รู้เรื่องอะไรเลย โอ้ ยังมีเฉียวอี้ยัยโง่คนนั้นอีกคน

“งั้นเมื่อวานทำไมคุณถึงยังให้ฉันไปตรวจดีเอ็นเออีก? ”

“ถึงยังไงการได้รู้ด้วยตัวเองก็ดีกว่าการได้ยินจากคำบอกเล่าของคนอื่น”

โอ้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง เขารู้ รู้มาโดยตลอด

ฉันยังคงสงบนิ่งมากอยู่เหมือนเดิม ชานมของฉันมาเสิร์ฟแล้ว ฉันยกแก้วขึ้นจิบเล็กน้อย

“ไม่อร่อย” ฉันเอ่ย “ขมมาก”

“เซียวเซิง”

“หือ? ” ฉันเงยหน้าจากแก้วชานมขึ้นไปมองเขา “เป็นอะไรไป? ”

“คุณนิ่งเกินไปแล้ว” เขาเอ่ย

“ฉันไม่เข้าใจ”

“เจอเรื่องแบบนี้มา คุณต้องระบายออกมาสิ ต้องร้องไห้ออกมาอย่างหนักหรือไม่ก็เอะอะโวยวายเสียงดัง มันถึงจะขับสารด้านลบพวกนั้นที่หลั่งอยู่ในสมองของคุณออกไปได้”

“ฉันร้องไปแล้ว” ฉันร้องไห้ไปแล้วจริงๆ ร้องกับคุณแม่เฉียว ร้องไห้จนแทบจะขาดน้ำแล้ว

“แต่ต่อหน้าผม คุณก็ยังทนเก็บมันไว้”

งั้นเหรอ? ก็อาจจะใช่

ฉันต้องเก็บมันไว้ เพราะจู่ๆ ระหว่างฉันกับหนีอีโจวก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมากมาย

เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากแยกห่างกันไปแปดปี เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มชุดขาวที่เพิ่งจะอายุได้สิบแปดปีเต็มคนนั้นอีกแล้ว และฉันก็ไม่ใช่เด็กสาวที่อายุสิบห้าปีแล้วเหมือนกัน

ฉันแต่งงานแล้ว และถูกสีชิงชวนปีศาจร้ายคนนั้นล่วงละเมิดอย่างไม่เป็นธรรมอยู่บ่อยๆ ฉันถูกแม่เลี้ยงฟ้องร้อง และคุณพ่อที่ฉันเรียกมาตลอดยี่สิบกว่าปีก็ไม่ใช่คุณพ่อแท้ๆ ของฉัน

ชีวิตของฉันมันยุ่งเหยิงอีนุงตุงนังไปหมด จะแก้ก็แก้ไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)