ความหมายในคำพูดของป๋ออวี่มีปณิธานที่มุ่งมั่นปรารถนาเล็กน้อย แต่ฉันกลับรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก
ฉันรู้ว่าคำพูดนี้ของเขาเป็นไปได้มากว่าเขาอาจจะเคยพูดกับฉันแค่คนเดียว
เขาเป็นแค่ผู้ช่วยข้างกายของสีชิงชวน งานของเขาแค่ต้องรับผิดชอบงานที่สีชิงชวนมอบหมายให้เขาให้สำเร็จก็พอแล้ว ซึ่งน่าจะไม่ได้รวมถึงการปลอบใจฉัน
ฉันซาบซึ้งใจมากที่เขาเอ่ยคำพูดนี้กับฉัน ฉันคิดว่าฉันควรจะจำทุกคำพูดเอาไว้
ฉันพยักหน้าอย่างจริงจัง “ฉันกำลังยอมรับมัน ฉันจะเข้าใจมันได้”
เขายิ้มแล้ว ฟันขาวเปล่งประกายแวววาวท่ามกลางแสงไฟที่มืดสลัว
เหอะ ต้องบอกเลยว่าสีชิงชวนช่างมีตาหามีแววไม่ ป๋ออวี่เป็นคนดีมาก ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ภายนอกหรือบุคลิกลักษณะ เขาก็เหนือกว่ามากทั้งหมด
“งั้นคุณไม่ได้เจอกับพ่อแม่แท้ๆ แล้วใช่ไหม? ”
“แม้ว่าจะปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่แท้ๆ ของผม แต่เมื่อก่อนพวกเขาทอดทิ้งผมไปจริงๆ คนที่เลี้ยงดูให้ผมเติบโตมาคือพ่อแม่บุญธรรมของผม เป็นธรรมดาที่ผมจะไม่กลับไปอยู่กับพวกเขา”
“อ้อ” ฉันพยักหน้า “ก็เข้าใจได้”
“อันที่จริงก็เจอในห้างสรรพสินค้าบ่อยๆ พวกเขาประกอบธุรกิจแบบเดียวกันกับสีกรุ๊ป”
“ธุรกิจที่ทำใหญ่มากไหม? ”
“หลงกรุ๊ป”
คำสองคำนี้ดังก้องจนหูแทบหนวก ในเมืองฮวาหากหลงกรุ๊ปกระทืบเท้าเพียงครั้งเดียว ทั้งเมืองฮวาก็จะสั่นสะเทือนไปสามครั้ง
นึกไม่ถึงเลยว่าภูมิหลังของคนที่อยู่ข้างกายสีชิงชวนจะไม่ธรรมดาแบบนี้
“หลังจากนี้ไปต้องให้สีชิงชวนดีกับคุณหน่อยแล้ว” ฉันกระซิบ “ไม่อย่างนั้นคุณก็กลับไปรับมรดกนับแสนล้านของคุณเถอะ ไม่ต้องเป็นผู้ช่วยให้เขาแล้ว”
เขายิ้มจนดวงตาเป็นเส้นโค้ง ดวงดาวทั้งหมดซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา “คุณสีดีกับผมมาก”
ก็น่าจะใช่แหละ สีชิงชวนใส่ใจเขามาก ฉันดูออก
พอมาคิดๆ ดูแล้วนี่มันก็ตลกมาก หากวันนั้นป๋ออวี่ถูกสีชิงชวนทำให้เจ็บช้ำน้ำใจและกลับบ้านไปเป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูล จากนั้นทั้งสองคนก็มาพบกันใหม่อีกครั้งในห้างสรรพสินค้า ถ้าเป็นแบบนั้นจะต้องเป็นละครที่สนุกมากแน่นอน
ฉันพิงใบหน้าลงบนโซ่เหล็กเย็นๆ นิ่งคิดและยิ้มออกมา ป๋ออวี่เองก็อมยิ้มมองมาที่ฉันเช่นกัน
แต่ทว่าเวลาที่เงียบสงบนี้ก็ถูกเสียงจากนรกทำลายลง
“ไม่ทราบว่าพวกคุณคิดอะไรกันอยู่เหรอ? ”
สีชิงชวน เป็นสีชิงชวน
ฉันเงยหน้าขึ้นมองอย่างลุกลี้ลุกลน และเห็นสีชิงชวนยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเรา ฉันไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไร
ป๋ออวี่ยืนขึ้น “คุณสี”
“ภรรยาของผมกับผู้ช่วยของผมมานั่งเล่นชิงช้าอยู่ที่สวนดอกไม้กันสองคนในตอนที่งานเลี้ยงยังไม่จบ” เขาเอ่ยเสียงเย็น เดิมทีฉันเริ่มอบอุ่นขึ้นมาบ้างแล้วจากเสื้อคลุมที่คลุมไหล่ของอยู่ พอเขามาพูดแบบนี้ฉันก็รู้สึกหนาวขึ้นมาอีกครั้ง
“ตอนแรกฉันอยู่ที่นี่คนเดียว ผู้ช่วยป๋อเอาเสื้อคลุมมาให้ฉัน” เดิมทีฉันคิดที่จะช่วยพูดให้ป๋ออวี่ แต่เมื่อพูดออกมาแล้วกลับรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ
สีชิงชวนชี้นิ้วมาที่จมูกของฉัน “ไปอวยพรนายท่านกับผม”
“อืม” ฉันลุกขึ้นจากชิงช้า สีชิงชวนหมุนตัวเดินกลับไปทางคฤหาสน์แล้ว
เขาเดินเร็วมาก ฉันได้แต่เดินกะโผลกกะเผลกตามเขาไป
ทันใดนั้นเขาก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน จนฉันชนเข้ากับแผ่นหลังของเขา
โชคดีที่เมคอัพของฉันไม่เยิ้ม ไม่อย่างนั้นเมคอัพทั้งใบหน้าคงจะหลุดออกมาเหมือนในวิดีโอสั้นๆ แล้ว
“อะ อะไร? ” ฉันมองไปที่เขาอย่างหวาดกลัว
เพราะสีชิงชวนเป็นคนอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายมากเกินไปจริงๆ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเขาจะอารมณ์เสียขึ้นมาตอนไหน
“แม้ว่าผมจะไม่อยากยอมรับว่าคุณเป็นภรรยาของผม แต่คุณช่วยแสดงออกว่าคุณเป็นหน่อยได้ไหม? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...