“ลองชิมชานมดูสิ” เขาพูดด้วยไมตรีจิต
ตอนแรกฉันไม่อยากดื่มหรอกนะ ทว่าเขาต้อนรับดีขนาดนี้ ฉันคงต้องดื่มไปตามมารยาทหนึ่งคำ ฉันกลัวว่าเขาจะใส่พวกยาเสน่ห์ลงไปเหลือเกิน ฉันมีความมั่นใจว่าเขาเป็นคนประเภททำเรื่องพรรค์นั้นเป็น
ตัวชานมไม่เลวหรอก ทว่าฉันดื่มแล้วบอกรสชาติของมันไม่ถูกเอง
ฉันวางชานมแล้วมองเขา “ฉันไม่ยอมมอบหุ้นหรือว่าขายหุ้นของตัวเองให้คุณหรอกนะ ต่อให้คุณฆ่าฉัน ฉันก็ไม่ยอม”
“อย่าเห็นผมเป็นโจรสิ” ไม่รู้ว่าเขาใส่แว่นตาไร้กรอบเมื่อไหร่ โบกมืออย่างคนสุภาพเรียบร้อย
เขาสวมแว่นตาแล้วหล่อมาก เหมือนพวกเดนมนุษย์มาก
“แล้วคุณต้องการจะทำอะไร?”
“คุยธุรกิจไง” เขายื่นเอกสารให้ฉันหนึ่งฉบับ “บริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปของพวกคุณได้โปรเจกต์ติ่งเยว่ซิงทาวน์ และคุณในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของบริษัท คุณมีสิทธิ์ตัดสินใจเลือก ตอนนี้บริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปของพวกคุณกำลังตามหาผู้ร่วมงานอยู่”
ฉันเปิดเอกสารดูแล้วพบว่าเป็นสัญญาลงนามร่วมงานกัน
ฉันมองเขาด้วยความสงสัย เขาอธิบายให้ฉันฟังว่า “ทั่วทั้งเมืองฮวา ผู้ร่วมงานที่ดีที่สุดก็คือบริษัทสีซื่อกรุ๊ปของพวกผมแล้ว”
ฉันไม่มีประสบการณ์ด้านงานสักนิด ฉันรู้เพียงว่าบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปมีโปรเจกต์ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ติ่งเยว่ซิงทาวน์คือคาสิโนแนวโบราณ ตอนนี้บริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปรับซื้อไว้ ส่วนเรื่องจะเอามาทำอะไร ฉันเองก็ไม่รู้ แล้วทำไมสีชิงชวนถึงคิดจะร่วมงานด้วยล่ะ?
ฉันเลียริมฝีปาก “คือว่าฉันยังไม่รู้เรื่องกิจการภายในบริษัท ฉันกลับไปศึกษาดูก่อน”
“คุณจะไปศึกษากับใคร? กับทนายคนนั้นเหรอ? เขาถนัดด้านกฎหมาย ไม่ถนัดการค้าขายหรอก” ทันใดนั้นเขานั่งด้านข้างฉันแล้วโอบไหล่ฉัน พลางยิ้มราวกับดอกบัวเบ่งบาน “คุณเป็นภรรยาของผม ผมไม่มีเหตุผลที่จะเอาเปรียบด้านธุรกิจกับคุณ ถ้าคุณไม่ร่วมงานกับผม แม่เลี้ยงของคุณก็จะมาหาผม ชวนให้ผมร่วมงานกับเธอ ผมกำลังให้คุณมีโอกาสขยายอำนาจ โอกาสดีๆ แบบนี้ คุณจะพลาดได้ไง”
ฝ่ามือของเขาร้อนระอุมาก มีเสื้อกันหนาวกั้นระหว่างกึ่งกลาง แต่ฉันก็ยังสัมผัสความร้อนซ่านนั้นได้
สมองฉันยุ่งเหยิงไปหมด จ้องเขาด้วยความงวยงง “สีชิงชวน ฉันเข้าใจเรื่องงานในบริษัท ฉันยังตอบตกลงไม่ได้”
“คุณรู้ไหมว่าแววตาของคุณเหมือนอะไร?” เขาหรี่ตาจ้องฉัน
ฉันส่ายหน้า
“เหมือนปัญญาอ่อน” เขาทอดถอนใจ “คุณพ่อคุณดูผิดคนแล้ว ไม่ควรมอบภาระหนักๆ ให้คุณ ผมรับรองว่าภายในหนึ่งปีนี้ หุ้นส่วนร้อยละสามสิบของคุณ คุณจะโดนหลอกไปหมดเกลี้ยง”
สายตาแดกดันของเขาชวนให้โมโหยิ่งนัก ทว่าตอนนี้ฉันไม่มีสิทธิ์โมโหอะไรทั้งนั้น ฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้โง่ แค่ยังไม่ได้ทำความเข้าใจด้านนี้เท่านั้น
“สีชิงชวน วันนี้ฉันพึ่งขึ้นศาลเสร็จ ยังไม่ได้เข้าไปรับช่วงต่อในบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปเลย แต่คุณก็จะคุยเรื่องงานกับฉันแล้ว อันนี้ไม่ใช่การปล้นหรอกหรือ”
“ฮ่าๆๆ” ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะเสียงดังกังวานจนฉันใจหายใจคว่ำไปหมด
“ก็ได้ พรุ่งนี้ผมไปที่บริษัทเซียวซื่อกรุ๊ป เมื่อคุณเห็นท่าทางที่แม่เลี้ยงคุณแสดงต่อผม คุณก็จะเข้าใจว่าผมไม่ได้ปล้น” เขาเอามือที่โอบไหล่ฉันออก จากนั้นก็ยกสองมือขึ้นสูง “ผู้บริหารต้องรู้ความสามารถของอีกฝ่ายอย่างหมดเปลือก จากนั้นก็ตัดสินใจเลือกอย่างถูกวิธี ตอนนี้คุณเสียโอกาสทองที่จะทำให้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้าแล้ว
เขาหยิบหนังสือสัญญากลับไปแล้วสะบัดให้ฉันดู “พรุ่งนี้สัญญาเล่มนี้จะอยู่ในมือแม่เลี้ยง เมื่อกี้คุณไม่เลือกผมเป็นคนร่วมงานกับคุณ งั้นตอนนี้ผมก็กลายเป็นศัตรูของคุณแล้ว”
ฉันกำลังมึนงงอยู่ ทว่าเขากลับเรียกชื่อป๋ออวี่ซะแล้ว “ป๋ออวี่ ส่งแขก”
เมื่อกี้ยังปั้นหน้ายิ้มอย่างมีน้ำใจอยู่เลย ตอนนี้กลับไล่ฉันด้วยใบหน้าเย็นชา
ป๋ออวี่ส่งฉันมาถึงหน้าลิฟต์ ฉันยังคงอยู่ในสภาพมึนตึ้บ ตอนที่ป๋ออวี่ช่วยฉันกดลิฟต์ ฉันไปจับมือของเขา “สีชิงชวนคิดจะทำอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...