พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 71

ขณะที่หนีอีโจวกำลังอ่านสัญญา เฉียวอี้ก็ถามฉันขึ้น “ความรู้สึกที่ได้เจรจาธุรกิจกับสีชิงชวนเป็นไงบ้าง?”

“โคตรน่ากลัว” มาคิดตอนนี้ฉันยังรู้สึกขนหัวลุกอยู่เลย “มันเร็วมากเลย เขาไม่ให้เวลาฉันคิดเลยสักนิด”

“มันเป็นสไตล์ของสีชิงชวนเขาน่ะ” หนีอีโจวพูดขึ้น “ในสายงานเขาก็พูดกันว่าเทคนิคการเจรจาธุรกิจของเขาเป็นเทคนิคลมหมุน ทำให้คนมึนจนไม่สามารถโต้กลับได้”

เขาอ่านสัญญาเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉัน “ในสัญญาก็ดูไม่มีปัญหาอะไร ทั้งสองบริษัทแบ่งกันรับผิดชอบการก่อสร้างติ่งเยว่ซิงทาวน์คนละครึ่ง นี่น่าจะเป็นแค่สัญญาก่อสร้าง ไม่เกี่ยวกับการดูแลและพัฒนาหลังจากสร้างเสร็จ ถ้ามองแค่นี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร”

“งั้นฉันควรเซ็นไหม?”

“ตามหลักแล้วสีซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีศักยภาพในเมืองฮวามากที่สุด บริษัทอื่นไม่ได้มีทรัพยากรเท่าสีซื่อ”

“เหรอ?” ฉันกัดหัวปากกาอย่างขบคิด “งั้นถ้าฉันไม่เซ็น แล้วเขาไปเซ็นกับคุณน้าล่ะ?”

“ไม่ได้เด็ดขาด จะให้คุณน้ามาเกาะแข้งเกาะขาสีชิงชวนไม่ได้” เฉียวอี้พูดขึ้นทันที

“เราก็เป็นสีซื่อกรุ๊ปกันทั้งนั้น”

“เธอบื้อเหรอ!” เฉียวอี้กระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ “เธอกับแม่เลี้ยงของเธอเป็นศัตรูกัน ถ้าคุณน้าเกาะสีชิงชวนไว้ได้ ทุกคนในบริษัทจะต้องย้ายไปอยู่ข้างคุณน้า ต่อไปเธอก็จะอยู่ในเซียวซื่อกรุ๊ปได้ยาก”

คำพูดของเฉียวอี้และป๋ออวี่คล้ายๆ กัน “เธอเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ไง?”

“เรื่องพวกนี้มันเข้าใจยากเหรอ?” เธอถลึงตาใส่ฉัน “ไม่ต้องเรียนก็ได้”

“เฉียวอี้ ฉันว่าเธอเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจนะ เธอรีบไปช่วยพ่อเธอทำงานเถอะ อย่ามัวมาเสียเวลาไปเปล่าๆ แบบนี้เลย”

“เธอพอเถอะ ตอนนี้ชีวิตฉันก็ดีอยู่นะ ไม่ใช่ว่าท่านไม่ให้เงินฉันใช้สักหน่อย”

ฉันกับเฉียวอี้พูดไปพูดมาก็เริ่มออกนอกเรื่องแล้ว เราถูกดึงกลับมาอีกครั้งเพราะหนีอีโจวเคาะโต๊ะเรียกสติ “เฉียวอี้พูดถูก ต่อให้เราปล่อยสีซื่อกรุ๊ปไป ก็ให้คุณน้าร่วมมือทำกับเขาไม่ได้เด็ดขาด ถ้าไม่ได้สีซื่อกรุ๊ป คุณต้องไปร่วมมือกับบริษัทอื่นก่อนคุณน้าให้ได้”

“สีซื่อกรุ๊ปไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเหรอ?”

“คุณบอกว่าสีชิงชวนจะไม่เซ็นกับคุณแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่ ความสำเร็จมันขึ้นอยู่ที่ความพยายามของคน” ฉันกัดริมฝีปาก “ในเมื่อเขาเข้ามาเจรจากับฉันก่อน ก็แสดงว่าเขาตั้งใจจะร่วมงานกับฉัน”

หนีอีโจวมองฉันอย่างลึกซึ้ง “คุณจะทำอะไร?”

“วางใจเถอะค่ะพี่เสี่ยวฉวน เซียวเซิงคงไม่ขายตัวเพื่อแลกกับความมั่งคั่งหรอก”

เฉียวอี้แค่ล้อเล่นเท่านั้น แต่คำว่า ‘ขายตัว’ สองคำนี้มันช่างไม่ค่อยรื่นหูเอาซะเลย

ฉันตัดสินใจจะดึงปกเสื้อให้สูงขึ้นหน่อย ถึงรอยคิสมาร์กที่สีชิงชวนทำไว้ตอนฉันเมาคืนนั้นจะจางลงบ้างแล้ว แต่ถ้ามองดีๆ มันก็ยังเห็นอยู่บ้าง

คนแบบเขาน่ะ ฉันกัดเข้าที่หน้าอกจนเป็นรอยฟันเยอะขนาดนั้น เขาก็เลยทำคิสมาร์กคืนให้ฉันจนเต็มไปหมด

เมื่อหนีอีโจวตรวจดูสัญญาให้แล้วฉันรู้สึกก็วางใจ ฉันเอ่ยปากถามเขา “เมื่อไหร่คุณจะเข้ามาทำงานที่เซียวซื่อกรุ๊ป?”

“ผมร่างหนังสือว่าจ้างมาฉบับหนึ่ง คุณเซ็นตรงนี้”

เมื่อฉันเซ็นชื่อตัวเองลงไป หนีอีโจวและเฉียวอี้ก็กลายเป็นพนักงานของเซียวซื่อกรุ๊ปอย่างเป็นทางการแล้ว ฉันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ฉะนั้นการรับพนักงานเพิ่มสองคนไม่จำเป็นต้องผ่านการเห็นด้วยจากใคร

ในมือฉันถือโทรศัพท์แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ ยังไม่ทันได้รับช่วงต่ออย่างเป็นทางการก็รู้สึกว่าต้องเริ่มไปสู้รบแล้ว

เฉียวอี้ถามฉันตลอดว่าฉันเจรจากับสีชิงชวนยังไง เขาจะยอมรับมันไหม ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยอ่อยเขา เพราะยังไงซะฉันก็เคยนอนกับเขามาก่อน ไม่ต้องแคร์หรอกถ้าจะต้องนอนกับเขาอีกสักครั้ง แต่ฉันแคร์เหอะ ใครจะอยากนอนกับเขากันเล่า

ฉันกลับบ้านมาในช่วงค่ำ แต่สีชิงชวนยังไม่กลับมา เพราะเขาต้องไปงานเลี้ยงและคาดว่าน่าจะกลับมาถึงดึก

ทั้งเมืองฮวาน่าจะรู้กันหมดแล้วเรื่องที่ฉันชนะการฟ้องร้องคดี พี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองยังคงมองฉันด้วยสายตารังเกียจเหมือนเดิม แต่การพูดจากลับต่างจากแต่ก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)