เสียงเคาะประตูห้องประชุมดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมองทางนั้นทันที นิ้วของฉันสั่นเทาอยู่ในฝ่ามือของเฉียวอี้ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อประตูเปิดออกแล้วฉันจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
ไม่นานประตูก็เปิดออก ตรงประตูบานนั้นมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ เขาอยู่ในชุดแจ็กเก็ตสีเทาและกางเกงสีน้ำเงิน เสื้อผ้าของเขายับย่นไม่เรียบร้อย
“ประธานเฉิ่ง” คนส่งข่าวพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนและโค้งคำนับให้จนจบ
“คุณเจี่ยง คุณมาแล้วเหรอ” คุณน้ากวักมือเรียกเขาอย่างนุ่มนวล “เข้ามาสิ!”
คนคนนั้นเดินจากด้านนอกเข้ามาข้างใน เมื่อเขาเข้ามาใกล้ ฉันก็ได้เห็นหน้าเขาอย่างชัดๆ เต็มตาในที่สุด บอกตามตรงว่าฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะหน้าตาเขาคุ้นมาก คิดไม่ถึงว่าเขาจะคล้ายกับฉัน
ดูเหมือนเขาน่าจะอายุราวๆ 50 กว่าปี มองออกเลยว่าตอนเขายังหนุ่มก็คงเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีคนหนึ่ง แต่คงจะมีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะเขาดูค่อนข้างมีอายุ
เขายิ้มแล้วพยักหน้าให้กับทุกคนที่นั่งอยู่ “ผู้จัดการใหญ่ทุกคน สวัสดีครับๆ”
เขาพยักหน้ารัวๆ ด้วยท่าทางมีมารยาทและถ่อมตัว
“คุณเจี่ยง ฉันแนะนำให้คุณรู้จักหน่อยดีกว่า ท่านนี้ที่อยู่ข้างหน้าคุณก็คือประธานของเซียวซื่อกรุ๊ป เธอชื่อเซียวเซิง”
“อ้อ หนูก็คือเสี่ยวเซิงเหรอ” เขามองฉันอย่างประหลาดใจ
ฉันจับจ้องเขาที่เรียกชื่อเล่นของฉันออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมกับปลายนิ้วที่เย็นเยียบ
“โอ๊ะ พอสองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกันแล้วเหมือนกันมากเลยนะเนี่ย!” แม่เลี้ยงปรบมืออย่างมีความสุข “ฉันยังไม่ได้แนะนำให้ทุกคนรู้จักใช่ไหมคะ ท่านนี้ก็คือพ่อแท้ๆ ของลูกเลี้ยงคนดีของฉันเอง เพราะงั้นเซียวหยวนของเราก็เลยช่วยคนอื่นเลี้ยงลูกมาตั้ง 20 กว่าปีแน่ะ!”
ฉันจับโต๊ะไว้อย่างอ่อนแรง โดยมีเฉียวอี้ลุกขึ้นมาพยุงฉันอีกที
คนคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ฉันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเซิง โตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี ครั้งล่าสุดที่พ่อเจอหนู หนูยังตัวเท่านี้อยู่เลย”
เขายกมือขึ้นมาเทียบส่วนสูงให้ฉันดู จากนั้นก็ยื่นมือมาทางฉัน แต่จิตใต้สำนึกมันสั่งให้ฉันหลบมือนั้นของเขาโดยอัตโนมัติ ฉันไม่รู้จักเขา อีกอย่างการปรากฏตัวของเขามันกะทันหันเกินไปจนฉันไม่สามารถตั้งรับได้ทัน
ฉันหันหน้าไปมองเฉียวอี้ เธอหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาให้ฉันแล้วพูดขึ้น “การประชุมถูกขัดจังหวะแบบนี้ งั้นก็เลิกประชุมไปก่อนเถอะ”
ฉันกำลังจะเดินออกไป แต่คุณน้าก็พูดขึ้นก่อน “คุณเจี่ยง ลูกสาวที่คุณพยายามตามหามาทุกวิถีทางก็อยู่ตรงหน้าคุณนี่ไง ตอนนี้เธอเป็นท่านประธานของสีซื่อกรุ๊ปเลยนะ เธอมีเงินมากมายจนสามารถแก้ปัญหาที่คุณกำลังเดือดร้อนอยู่ได้พอดีเลย”
“เสี่ยวเซิง” เขายื่นมือมาทางฉัน “พอดีพ่อมีปัญหานิดหน่อย ติดหนี้อยู่จำนวนหนึ่ง หนูช่วยพ่อก่อนนะ”
“ทำอะไรคะ คุณเป็นใครเนี่ย?” เฉียวอี้ดึงตัวฉันไปไว้ด้านหลังเธอ “มาถึงก็ขอเงินกันเลย คุณเป็นใคร เรารู้จักกันเหรอ?
“เฉียวอี้ มันไม่เกี่ยวกับเธอ เธอไม่ต้องยุ่ง คุณเจี่ยงคนนี้เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของเซียวเซิง”
“คุณบอกว่าใช่ก็คือใช่งั้นสิ?”
“ไม่เชื่อเหรอ? คุณเจี่ยง รบกวนคุณเอาหลักฐานออกมาหน่อยสิ”
คนคนนั้นล้วงบางอย่างในกระเป๋าออกมา จากนั้นก็ส่งกระดาษยับยู่ยี่ใบหนึ่งมาให้ฉัน แต่ฉันหลบอยู่ด้านหลังเฉียวอี้ เธอจึงรับมันมาแทน จากนั้นฉันก็เริ่มอ่านข้อความบนกระดาษใบนั้น
มันคือสูติบัตรของฉัน มันเขียนว่าฉันเกิดที่โรงพยาบาลซานอี โดยมีชื่อของแม่ฉันเขียนอยู่ในช่องมารดา และช่องบิดามีชื่อ ‘เจี่ยงเทียน’ เขียนอยู่ในนั้น
เฉียวอี้โยนกระดาษใบนั้นให้เขา “สร้างกระดาษเน่าๆ นี่ขึ้นมาเพื่อจะขู่ใครเหรอ?”
“เซียวเซิง พ่อเป็นพ่อของลูกจริงๆ นะ หลังจากที่แม่ของลูกแต่งงานกับพ่อก็ได้ให้กำเนิดลูก จากนั้นพ่อที่รวยๆ ของลูกก็โผล่มา เฮ้อ ใครให้พ่อเป็นคนไม่มีอนาคตกันล่ะ”
ฉันรู้สึกสับสนมาก แต่ตอนนี้ฉันรู้แค่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่คุณน้าตั้งใจวางแผนขึ้นมา ไม่ว่าคนคนนี้จะเป็นพ่อของฉันหรือไม่ แต่เขาต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับฉันแน่ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...