พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 18

ตอนที่ 18 ดื่มเหล้าพิษ

ดังนั้นเขาจึงพูดกับหย้วนพ่านว่า “ไต้เท้าเพราะว่าเกี่ยวกับความเป็นความตายของอ๋องเหลียง ดังนั้นจึงไม่อาจมาลองผิดลองถูกกันได้ มิเช่นนั้น หากเกิดผิดพลาดขึ้นมาตอนนั้นจะลองก็คงลองมิได้แล้ว”

ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นในใจก็สับสนไปหมด หยิบลูกประคำขึ้นแล้วเดินไปข้างๆเตียง จ้องมองใบหน้าที่ดำคล้ำไปหมดของอ๋องเหลียง เขาหายใจลำบาก ปากพะงาบๆ ถึงจะสลบอยู่ แต่เขาก็ยังตัวสั่น มีน้ำลายไหลออกมาทางมุมปาก นางไม่รู้วิชาแพทย์แต่รู้ว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่

องค์ราชทายาทพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ยังไงก็ไปเชิญเสด็จอามาแล้ว งั้นก็ไปพาตัวเสี้ยหลีโม่เข้าวังมาด้วยเลย ถึงนางจะไม่รู้วิชาแพทย์อะไร และไม่รู้จักหมอเทวดาที่ไหนก็เสียหายอะไร แต่หากนางรู้ล่ะ นั่นก็เท่ากับว่าสามารถช่วยเสด็จพี่ได้”

ฮองเฮาคิดๆดูก็มีเหตุผลจึงได้เรียกคนเข้ามา “นำราชโองการของข้าไปที่จวนเฉิงเสี้ยงแล้วไปพาตัวเสี้ยหลีโม่มา”

มามารับคำสั่งแล้วรีบออกจากวังหลวงไป

ซือถูเย้นกำลังคุยงานกับไต้เท้าในจวนของตน ได้ยินคนจากวังหลวงมาบอกว่าอ๋องเหลียงป่วยหนักและอยู่ในอันตรายเขาจึงรีบสั่งคนเตรียมรถม้าแล้วเข้าวังทันที

ขณะที่กำลังเดินทางเข้าวังหลวง ทันใดนั้นเขาก็เปิดม่านขึ้นแล้วพูดกับจิ่นเฉิงว่า “จิ่นเฉิงเจ้ารีบไปที่จวนเฉิงเสี้ยง ไปพาเสี้ยหลีโม่เข้าวังไปด้วยกัน”

จิ่นเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องเกรงว่าฮองเฮาจะไม่อนุญาต

“อ๋องเหลียงอาการหนักไม่ต้องรอให้นางอนุญาตหรอก” ซือถูเย้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ท่านอ๋องโปรดคิดไตร่ตรองใหม่ ตอนนี้หมอหลวงทุกคนคงอยู่ล้อมรอบอ๋องเหลียง หากแม้กระทั่งหมอหลวงยังไม่มีวิธีเสี้ยหลีโม่ก็คงไม่มีวิธีเช่นกัน นางเป็นเพียงแค่หญิงสาวคนหนึ่งจะไปรู้วิชาการแพทย์ได้อย่างไรและจะเก่งไปกว่าหมอหลวงได้อย่างไร”

ซือถูเย้นปิดตาลงแล้วนึกถึงคำพูดในวันนั้นที่เสี้ยหลีโม่พูด นางจะรู้วิชาการแพทย์หรือเปล่าเขาเองก็ไม่รู้แต่เขารู้ได้จากคำพูดของนางในวันนั้นว่านางต้องคุ้นเคยกับการฝังเข็มแน่

“ไม่ต้องไปสนใจสั่งคนไปเชิญเดี๋ยวนี้ หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะรับผิดชอบเอง” ซือถูเย้นกล่าว

จิ่นเฉิงเห็นเขาพูดออกมาเช่นนี้ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ เขาหยุดรถม้าแล้วรีบวิ่งไปทางจวนเฉิงเสี้ยง

กลับมาทางจวนเฉิงเสี้ยง หลีโม่รับก้าเหล้าพิษมา สีหน้าราบเรียบแล้วมองดูทุกคนตรงนั้นสุดท้ายมาจบที่หน้าของเฉิงเสี้ยงเสี้ย

นางไม่อยากจะถามอะไรเขาแล้วจริงๆ เพราะรู้แล้วว่าสิ่งที่ได้คือความสิ้นหวัง แต่ความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมยังคงอยู่ในใจและราวกับว่าจะต้องถามให้ได้

ดังนั้นนางจึงถือแก้วเหล้าพิษในมือแล้วถามเฉิงเสี้ยงเสี้ยว่า “ท่านพ่อข้าจะถามท่านเป็นครั้งสุดท้ายท่านจะไม่ไยดีข้าเลยจริงๆหรือ”

หลีโม่คิดว่าหากเห็นความลังเลสักเล็กน้อยหรือความเห็นใจจากสายตาของเขา นางจะเห็นแก่ความรู้สึกที่เจ้าของร่างเดิมมีให้เขาไม่ทำให้เขาลำบาก

หลีโม่คิดว่าความคิดนี้ของนางมันช่างโง่เขลานัก แต่นางก็ต้องเคารพความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิม

เฉิงเสี้ยงเสี้ยก็แสดงให้เห็นว่าความคิดนี้ของหลีโม่มันช่างโง่เขลาจริงๆ เขามองนางด้วยสายตาที่เย็นชาสีหน้าหมดความอดทน “ข้าเคยใจอ่อนกับเจ้า แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่รู้จักรักษาให้ดี หากเจ้าเชื่อฟังแล้วขึ้นเกี้ยวของอ๋องเหลียงไปก็คงไม่มีเรื่องในวันนี้ เจ้าเป็นคนก่อเองผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรเจ้าก็ต้องรับเอง”

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หน้าต่างมีนกกระเต็นตัวหนึ่งบินมาเกาะอยู่ตรงนั้น

พอเฉิงเสี้ยงเสี้ยพูดจบนกตัวนั้นก็กระพือปีกแล้วบินจากไป

ได้ยินเสียงร้องของนกดังมาแต่ไกล เสียงร้องดังอย่างเจ็บปวดรวดร้าวถึงแม้จะเป็นเวลากลางวันแต่พอได้ยินเสียงร้องนี้ก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บน่าขนลุกได้

เสี้ยโล่เย่วมองดูเสี้ยหลีโม่ด้วยสีหน้าที่สะใจนางอยากเห็นสีหน้าที่สิ้นหวังและเจ็บปวดของหลีโม่ยิ่งนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม