พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 311

ตกได้ดี ตกได้เยี่ยม!

ในเวลานี้ นี่คือความคิดเพียงหนึ่งเดียวในใจองค์ชายห้า

เบื้องลึกในใจคือแอบลิงโลด แต่เบื้องหน้าพยายามเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยน สีหน้าแลดูกระอักกระอ่วน

เขาเจตนาทอดเสียงให้อ่อนลง “ไม่เป็นไร เมื่อครู่เพราะข้าไม่ระวังไปชนถูกมันเข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไว้ค่อยซ่อมแซมใหม่ก็ได้ มีเวลาอีกมาก ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก”

น้ำเสียงองค์ชายห้าอ่อนโยนราวกับปุยเมฆที่พัดผ่านใจคน จนเซียวปี้เฉิงแทบอยากถลึงตาใส่แรง ๆ

ซึ่งมันก็น่าแปลก ก่อนหน้านี้น้องห้าเสแสร้งเป็นหนุ่มสำราญเจ้าเสน่ห์ เขาก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะพูดจาหวานเลี่ยนซะตรงไหน

แต่เดี๋ยวนี้พอเอ่ยปากทีไร เขากลับรู้สึกระคายหูมากกว่า

ถ้าตอนนี้มีอวิ๋นหลิงอยู่ด้วย นางคงจะถ่ายทอดความรู้ให้เซียวปี้เฉิงมากขึ้นอีก ให้รู้ว่าอะไรคือ “พูดจาเสียงสอง”

“ขอบพระทัยองค์ชายมากเพคะ”

จื่อเถารู้สึกเหมือนอยากตายมากกว่า เพราะมองแล้วว่านกไม้ตัวนี้ซ่อมสามเดือนก็น่าจะไม่เสร็จดี!

หลังจากองค์ชายห้าออกไปแล้ว จื่อเถาก็ค่อยเบาใจหน่อย พร้อมกับนั่งจ้องไม้แกะสลักด้วยสีหน้าอมทุกข์

นางเดาความคิดองค์ชายห้าไม่ออกจริง ๆ ก็ไหนว่าเข้าใกล้ผู้หญิงไม่ได้ไง แล้วทำไมยังหมั่นหาเรื่องมาใกล้ชิดนางอยู่เรื่อย?

ขณะนั่งคิดเพลินอยู่ ข้างหูก็มีเสียงทุ้มดังขึ้น “แม่นางจื่อเถา”

จื่อเถาสะดุ้งเมื่อเห็นการปรากฏตัวของลู่ฉี เห็นอีกฝ่ายถือห่อขนมมาด้วย สายตาก็มีแววลำบากใจและเหนื่อยหน่าย

องค์ชายห้าเพิ่งไปไม่ทันไร ลู่ฉีก็มาแทนที่ ชายทั้งสองคนล้วนทำให้นางปวดเศียรเวียนเกล้านัก

เห็นทีจวนจิ้งอ๋องจะอยู่นานไม่ได้เสียแล้ว

“องครักษ์ลู่ ท่านไม่ต้องสิ้นเปลืองเช่นนี้ทุกวันหรอกนะ”

นับแต่นางเข้าจวนมา ลู่ฉีก็หมั่นแวะเวียนหาของกินของใช้มากำนัลนางอยู่เรื่อย

น้ำใจที่เขามอบให้ นางจะปฏิเสธเย็นชาก็ไม่ดี บางครั้งยอมรับขนมไว้บ้างก็ต้องหาของตอบแทนกลับไป แต่หากเป็นเครื่องประทินโฉมต่าง ๆ นางจะไม่ยอมรับไว้เด็ดขาด

“พักนี้เห็นเจ้าป่วยนานไม่หายเสียที เพราะมีเรื่องกลัดกลุ้มอะไรหรือเปล่า?”

จื่อเถามีเรื่องให้เครียด ลู่ฉีจึงไม่เคยซักไซ้ให้มากความ

ทุกครั้งที่มา ถ้าไม่คุยให้ฟังว่าพุทราเชื่อมที่เฉินตงอร่อยกว่าเฉินซี ก็จะเล่าว่าห่านย่างที่เฉินหนานหอมยิ่งกว่าเฉินเป่ยหลายเท่า

“ข้า...ไม่มีอะไรกลุ้มใจหรอก”

จื่อเถาสะอึกเล็กน้อย ถ้าจะบอกว่ากลุ้มใจ ก็คงเป็นลู่ฉีชอบเอาโน่นเอานี่มามอบให้ และเหตุผลที่นางจะใช้ปฏิเสธก็ใกล้จะหมดแล้ว

ลู่ฉีไม่ได้ถามมากความ แค่เอาขนมวางไว้บนโต๊ะ พร้อมจ้องมองจื่อเถาด้วยสายตาอันลึกซึ้ง

อวิ๋นหลิงมองดูลู่ฉีด้วยสีหน้าประหลาด “จำได้ว่าหน้าต่างห้องจื่อเถาหันไปทางกำแพง แสดงว่าเจ้าหมอบอยู่บนกำแพงแอบดูอย่างงั้นหรือ?”

ลู่ฉีสีหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออกเสียดื้อ ๆ

หลายวันนี้เพราะจื่อเถาล้มป่วย เขารู้สึกเป็นห่วงนาง แต่จนใจที่องค์ชายห้ามาคลุกคลีเกือบทั้งวัน เมื่อหมดหนทางจึงต้องปีนขึ้นกำแพงแล้วแอบดูซะ

ที่ไหนได้กลับเห็นเหตุการณ์ที่บาดตาเป็นยิ่งนัก

เซียวปี้เฉินหน้าง้ำและกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เจ้านี่มันร้ายนัก กล้าปีนกำแพงไปแอบดูห้องของสาวใช้ในจวน มีอย่างที่ไหนกัน รีบไปรับโทษโบยสิบครั้งจากเฉียวเย่เดี๋ยวนี้!”

ในใจยังแอบคิด ปกติลู่ฉีเป็นคนซื่อไม่กล้าออกนอกลู่นอกทาง ไฉนจึงทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอายุย่างเข้ายี่สิบเอ็ดแล้ว ยังเป็นหนุ่มพรหมจรรย์อยู่ จนวันนี้ยังไม่เคยสัมผัสมือของหญิงสาวคนไหน หรือเป็นเพราะอายุมากแล้ว จนอยากมีเมียเต็มแก่?

ลู่ฉีร้อนใจนัก “ท่านอ๋อง แม้จะลงโทษบ่าว ๆ ก็ยินดีรับ แต่ยังไงก็ไม่ควรปล่อยให้แม่นางจื่อเถาเดินเข้าปากเสือง่าย ๆ ล่ะ”

“องค์ชายห้านิยมเที่ยวสถานเริงรมย์มาแต่ไหนแต่ไร พบเห็นผู้หญิงมามาก ต้องการสาวสวยประเภทไหนก็มี โปรดอย่าทำลายผู้หญิงดี ๆ เช่นแม่นางจื่อเถาเลยนะ”

ในความคิดของลู่ฉี องค์ชายห้าคือหนุ่มเจ้าสำราญที่มักมากในกามคุณ เพราะเท่าที่เขาเคยทำงานให้ท่านอ๋องมา ก็มักเห็นองค์ชายห้าเข้าออกหอนางโลมอยู่บ่อยครั้งแล้ว

แม้ว่าหลัง ๆ จะเปลี่ยนไปบ้าง ไม่ค่อยไปสถานที่อโคจรอีก แต่ภาษิตว่าสันดอนเปลี่ยนง่ายสันดานเปลี่ยนยาก จื่อเถาหน้าตาสะสวย ใครจะรู้ว่าองค์ชายห้ามีความคิดอย่างไรกับนาง?

เซียวปี้เฉิงกุมขมับเล็กน้อย แสร้งทำหน้าขรึมและกล่าวว่า “น้องห้าไม่ใช่คนอย่างที่เจ้าคิด สิ่งที่เห็นเมื่อครู่เป็นเพียงอุบัติเหตุ ข้าว่าเจ้าคงถูกความหึงหวงบังตาและคิดมากเกินไปด้วย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ