พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 314

เซียวปี้เฉิงพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ดอกท้อในปีนี้บานเร็วขนาดนี้เชียวหรือ เหตุใดข้าถึงยังไม่เห็น?เจ้าเห็นดอกบ๊วยเป็นดอกท้อหรือเปล่า?”

อวิ๋นหลิง “...”

“จริงสิ พอเจ้าพูดถึงเริ่มฤดูใบไม้ผลิ ตอนนี้อีกไม่นานก็จะถึงเดือนมีนาคมแล้ว อีกไม่กี่วันอวี้จือก็จะกลับไปที่แคว้นตงฉู่กับองค์หญิงเก้าเพื่อทำงานแต่งงานให้เสร็จสิ้น”

อวิ๋นหลิงถามเขาว่า “อีกนานเท่าไรถึงจะกลับมา?”

เซียวปี้เฉิงนับคำนวณ “แคว้นตงฉู่ห่างจากแคว้นต้าโจวมาก ไปกลับเร็วมากที่สุดก็ต้องใช้เวลาประมาณสี่เดือน”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นำของที่อยากจะมอบให้กับน้องเล็กจัดเตรียมของทีละอย่างที่ให้ดี และมอบให้กับตี้หวู่เหยา

นั่งในวังอยู่สักประเดี๋ยวหนึ่ง จากนั้นขณะเดินทางกลับจวนจิ้งอ๋องฟ้าก็มืดแล้ว

“วันนี้ได้คุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับองค์หญิงเก้าตลอดครึ่งวันบ่าย นางยังบอกกับข้าว่าอ้ายเต๋อหัวยังไม่อยากกลับไปเร็วขนาดนั้น อยากจะอยู่ที่แคว้นต้าโจวต่ออีกสองเดือน ยังอยากจะเขียนสภาพชีวิตความเป็นอยู่ จารีตประเพณีและบันทึกการเดินทางอัตชีวประวัติของเขา”

เซียวปี้เฉิงพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “เขาอยากจะอยู่ก็อยู่ต่อ เกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย”

“องค์หญิงเก้าอยากจะฝากเขาไว้กับเราชั่วคราวก่อน ส่วนค่าอาหารและค่าที่พักจ่ายเป็นรายเดือน ข้าจึงรับปากไปแล้ว”

เซียวปี้เฉิงก็หน้าบึ้งขึ้นทันที พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิดว่า “เจ้ายังไม่ได้ปรึกษากับข้าเลยสักนิดก็รับปากไปแล้วงั้นหรือ?วังหลวงใหญ่ขนาดนั้นไม่ยอมอยู่ จะต้องอยู่จวนจิ้งอ๋องให้ได้?”

สำหรับเรื่องที่ปีศาจที่มีผิวขาวและตาสีฟ้าจะมาอยู่ที่จวนจิ้งอ๋องเป็นเวลาสองเดือน ร่างกายของเขาต่อต้านไปเสียหมด

“อ้ายเต๋อหัวไม่ได้คุ้นเคยกับภาษาท้องถิ่นของแคว้นต้าโจวมาก นอกจากข้าแล้วที่นี่ก็ไม่มีใครเข้าใจภาษาปะกิดอีก”

“ไม่เข้าใจภาษาท้องถิ่นแคว้นต้าโจว เขาไม่รู้จักเรียนเองหรืออย่างไร อีกทั้งเจ้าเองก็ไม่ได้สามารถพกเขาติดตัวได้ตลอดเวลา”

อวิ๋นหลิงเบิกตากว้างมองเขา “ท่านเป็นชายชาตรีใจกว้างหน่อยจะได้ไหม ที่ว่างให้คนอื่นพักบ้างจะเป็นอะไรไป นี่เป็นโอกาสแลกเปลี่ยนมิตรภาพกับต่างประเทศที่หายากเชียวหนา!”

นางมักจะรู้สึกว่าเซียวปี้เฉิงในบางจุดคิดเล็กคิดน้อยเป็นอย่างมาก

เซียวปี้เฉิงพึมพำเสียงเบาว่า “โอกาสในการแลกเปลี่ยนมิตรภาพกับต่างประเทศอะไร เจ้าก็แค่โลภอยากจะได้ค่าอาหารกับค่าที่พักเท่านั้นแหละ”

อวิ๋นหลิงกระตุกมุมปาก หลังจากถูกเปิดเผยความคิด “ข้าดูแล้วท่านอิจฉาที่อ้ายเต๋อหัวขาวกว่าท่าน วัน ๆเอาแต่คิดที่จะกำจัดเขา”

“ข้าจะไปอิจฉาเขาทำไม?ไอ้คนหน้าขาวก็ไม่ใช่คำที่ไพเราะอะไร” ถึงแม้ว่าจะพูดเช่นนี้ เซียวปี้เฉิงยังอดที่จะไปส่องกระจกไม่ได้ “อีกอย่างข้าเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองนั้นดำกระไร นี่ก็ขาวกว่าเมื่อก่อนมากไม่ใช่หรือ”

อวิ๋นหลิงที่คิดอยากจะหัวเราะเยาะเขา แต่กลับสังเกตพบว่าเขาดูเหมือนจะขาวกว่าเมื่อก่อนจริง ๆ

“ดูเหมือนว่าจะขาวกว่าเมื่อก่อนมาก เหตุใดถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้?”

ในใจของเซียวปี้เฉิงดีใจเป็นมาก แต่กลับไม่แสดงบนใบหน้า พูดอย่างเชิด ๆ ว่า “ตอนที่ข้าเกิดมาก็เป็นเช่นนี้ ก็แค่เมี่อก่อนออกรบในสนามรบนานมากไปก็เท่านั้นเอง บัดนี้ได้พักผ่อนมาสองปีแล้ว จึงค่อย ๆ ฟื้นคืนผิวดังเดิม”

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมรับว่า ว่าการที่ผู้ชายอย่างตัวเองขาวนั้นต้องแอบลองใช้สูตรในการบำรุงผิวเป็นอย่างมาก

จากคำพูดที่เซียวปี้เฉิงพูด ทำให้อวิ๋นหลิงสงสัยเป็นอย่างมาก “ข้ารู้จักเจ้านานขนาดนั้น เจ้าก็ดำมากมาตลอด ช่วงที่ขาวขึ้นก็แค่ช่วงสองเดือนนี้เท่านั้น”

เซียวปี้เฉิงร่างกายแข็งทื่อ จากนั้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “เรื่องอื่นไม่ต้องพูด เจ้ามองดูเสียว่าข้าหล่อขึ้นมากใช่หรือไม่?”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า “หล่อขึ้นมากเลยเชียว”

สุภาษิตกล่าวไว้ความขาวสามารถกลบความขี้เหร่ได้ เดิมทีเขาก็เกิดมารูปงามไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ครานี้ดึงดูดสายตาผู้คนมากขึ้นไปอีก

เซียวปี้เฉิงอดที่จะยิ้มขึ้นมาไม่ได้ พร้อมกับพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะไม่หอมสักจ๊วบหน่อยหรือ?” 

เหมือนกับเรื่องงานเลี้ยงที่ค่อนข้างสำคัญ เงินที่ใช้จ่ายก็จะหาห้องบัญชีแยกต่างหากเพื่อเบิกจ่าย

ลูฉีเบิกตากว้าง “อะไรกัน?เงินใช้จ่ายของท่านอ๋องในแต่ละเดือนแค่สิบชั่งเองหรือขอรับ?เมื่อไหนท่านบอกว่า เงินเดือนของท่านในแต่ละเดือนมีถึงสามสิบชั่งไงขอรับ?ข้าน้อยนึกว่าท่านลืมถึงไม่คืนให้เงินข้า ที่แท้ท่านก็ไม่มีเงินนี่เองถึงได้ลากยาวมาถึงตอนนี้!”

เซียวปี้เฉิงกระตุกมุมปาก ใบหน้าอึมครึม เงินส่วนตัวในกระเป๋าของเขา ไม่สามารถเอาออกมาจ่ายได้จริงๆจนลืมยาวมาถึงตอนนี้

ลูฉีพอตกใจ ก็รีบร้อนขึ้นทันที

“ท่านอ๋องจะทำแบบนี้ไม่ได้หนา!ข้าน้อยเก็บเงินแต่งเมียนั้นยากมาก ท่านจะมาทำตัวเป็นคนขี้โกงแบบนี้ไม่ได้นะขอรับ...”

สีหน้าของเซียวปี้เฉิงประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวแดง พูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “เจ้าเสียงดังเอ็ดตะโลทำกระไร เจ้าพูดเสียงดังเป็นคนเดียวหรือ!ข้าบอกแล้วว่าจะคืนเจ้าก็จะคืนเจ้าแน่นอน!”

อวิ๋นหลิงเหลือบมองเซียวปี้เฉิงอย่างเย็นชา จึงพูดกับลูฉีว่า “เอาสมุดบัญชีของเจ้ามาให้ข้าดูหน่อย”

เซียวปี้เฉิงร่างกายแข็งทื่อ จากนั้นก็มองลูฉีที่ยื่นสมุดบัญชีไปให้ ร้อนใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่กล้าห้าม

อวิ๋นหลิงกวาดสายตามองไป พร้อมกับขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เหตุใดท่านถึงได้ไปร้านเครื่องสำอางค์มากขนาดนั้น?”

เซียวปี้เฉิงอึ้งไปชั่วขณะ ลูฉีที่อยู่ด้านข้างก็ตอบขึ้นอย่างซื่อ ๆ ว่า “ท่านอ๋องบอกว่าจะซื้อให้พระชายาขอรับ”

“ซื้อให้ข้า?” อวิ๋นหลิงขมวดคิ้ว “ถ้าเช่นนั้นเหตุใดข้าถึงไม่ได้รับ?”

“ในเมื่อไม่ได้ซื้อให้ท่าน ถ้าเช่นนั้นท่านอ๋องซื้อให้ใคร?” ลูฉีตกใจ จากนั้นสายตาที่มองไปเซียวปี้เฉิงก็เปลี่ยนไป “จะว่าไป จู่ ๆ ข้าน้อยก็นึกถึงตอนที่เดินไปที่โรงยาของพระชายาก่อนหน้านี้ ท่านอ๋องยังแอบขโมยเอายาทดลองสองขวดนั้นที่ท่านวางไว้ในตู้ไป!”

ตงชิงที่ยกน้ำชาเข้ามาได้ยินคำนี้เองก็มีสีหน้าตกใจ

“ที่แท้ท่านอ๋องก็เป็นคนเอาไป?ข้ากับใต้เท้าเฉียวยังนึกว่าโรงยาถูกโจรปล้น...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ