คําสั่งของพระเจ้าหลวงดังก้องอยู่ข้างหูตลอดเวลา อวิ๋นหลิงที่ไม่เกรงกลัวอะไรมาตลอดยากที่จะนอนหลับเล็กน้อย
คืนนี้นางไม่ได้เอาลูกโยนให้แม่นมเฉินดูแล เจ้าลูกหมูสองคนกำลังนอนหลับปุ๋ยตะแคงข้างอยู่บนเตียง อวิ๋นหลิงดูการนอนหลับของพวกเขาเหม่อลอยอย่างต่อเนื่อง
เซียวปี้เฉิงพิงมาแล้วถามด้วยเสียงเบาว่า “เหตุใดถึงยังไม่นอนอีก?”
“เพียงแค่คิดว่าทุกที่ทุกมุมมีคนคอยแอบจ้องจะทำร้าย อยากจะทำร้ายพวกเราสองคน แล้วข้าจะนอนหลับได้อย่างไร” อวิ๋นหลิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ “เมื่อก่อนตอนที่พวกพี่ฉิงอยู่ ต่อให้มีภารกิจเดินทางอันตรายมากแค่ไหน ข้าจะไม่กังวลหรือเครียดเลยแม้แต่น้อย”
ตอนนั้นในใจของนางสงบมาโดยตลอด ไม่เคยแม้จะรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเลย
แต่บัดนี้มีลูกแล้ว นางถึงได้รู้ว่าที่แท้ตัวเองไม่ได้ไร้ที่ติอะไร ก็มีจุดอ่อนเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
เซียวปี้เฉิงเอื้อมมือไปกอดนางไว้ในอ้อมแขน พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็สู้จนสุดชีวิตเพื่อปกป้องพวกเจ้า”
สีหน้าของอวิ๋นหลิงดีขึ้นมาหน่อย ยกมืกขึ้นไปดีดหัวของเขา
“อะไรตายไม่ตายกัน มีข้าอยู่ซะคนพวกเขาอย่าคิดหวังจะสมปรารถนาได้ขนาดนั้น อย่างน้อยก็ยังมีพลังจิตที่อยู่กับตัว รอให้ถึงสถานการณ์ที่ฉุกเฉินจริง ๆ สามารถฆ่าพวกเขาได้ในอึดใจเดียว”
นางก็แค่รู้สึกโศกเศร้าเพียงเท่านั้น บรรดาเพื่อนร่วมทีมที่แข็งแกร่งมักจะทําให้นางรู้สึกปลอดภัยและความมั่นใจที่ไม่มีที่สิ้นสุด
แต่บัดนี้เมื่อไม่มีพวกนางอยู่ข้าง ๆ นางคนเดียวก็ต้องสู้ขึ้นมาให้ได้!
เซียวปี้เฉิงมุมปากยกขึ้นอย่างอบอุ่น ซึ่งเขาก็ชอบท่าทางน้อย ๆ ที่มั่นใจและหยิ่งผยองของอวิ๋นหลิงแบบนี้
“จริงสิ เจ้าเคยกล่าวไว้ว่าคนที่มีความสามารถทางพลังจิตจะพัฒนาความสามารถที่แตกต่างกันไป แต่เหตุใดข้าถึงยังไม่เห็นความปกตินั้นเลย?”
พลังจิตของเขาได้รับการกระตุ้นมานานกว่าครึ่งปีแล้ว ปกติก็ไม่เคยเกียจคร้านที่จะฝึกความสามารถมหัศจรรย์นี้เลย
แต่จนถึงตอนนี้ เขายังคงใช้พลังจิตเพื่อเสริมสร้างประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น การตรวจจับวิถีของกิจกรรมสัญญาณชีวิตโดยรอบ
เฉกเช่นประเภทที่ว่าใช้พลังจิตมาสังหารศัตรู ถึงแม้ว่าจะได้ฟังอวิ๋นหลิงเคยพูดพูดทฤษฎี แต่ยังไม่เคยมีการปฏิบัติเลย
“พวกเราได้รับพลังจิตผ่านการกระตุ้นฉีดยาเข้าไป หลังจากรอดชีวิตในช่วงใกล้ตายก็มีความสามารถในการเลื่อนขั้นทันที แต่พลังทางจิตของเจ้าเป็นตื่นตัวขึ้นตามธรรมชาติ ข้าคิดว่าอาจจะยังขาดโอกาสการเลื่อนขั้นอีกอย่างหนึ่งอยู่”
ศักยภาพของมนุษย์ล้วนระเบิดออกมาในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง หลังจากฉีดยาจะมีคนรอดชีวิตน้อยกว่าหนึ่งร้อยคน หลังจากแบกเคียวของมัจจุราชแล้วพวกเขาก็เป็นผู้โชคดีที่ได้รับของขวัญจากโชคชะตา
ส่วนต้าเป่าและเอ้อร์เป่าถือว่าเป็นกรณีพิเศษ บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุที่พ่อกับแม่มีพลังจิต เกิดมาก็มีความสามารถเลื่อนขั้นได้
อวิ๋นหลิงปลอบเขา “เรื่องเช่นนี้ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ ไม่แน่ว่าวันไหนก็ได้เลื่อนขั้นแล้ว”
หากความสามารถเลื่อนขั้นจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังถึงจะกระตุ้นได้ ถ้าเช่นนั้นนางก็ก็ยินดีที่จะอยู่ในสภาพเช่นนี้กับเซียวปี้เฉิงตลอดชีวิต
“ยิ่งไปกว่านั้นพลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งมาก ต่อให้จะไม่มีความสามารถเลื่อนขั้น แต่คนธรรมดาก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ในใจของวิ๋นหลิงก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย การตื่นตัวตามธรรมชาติและการกระตุ้นด้วยยานั้นแตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเติบโตของพลังจิตหรือความเร้วในการฟื้นตัว เซียวปี้เฉิงก็เร็วกว่านางอย่างเห็นได้ชัด
อีกประมาณสามถึงห้าปี บางทีก็อาจจะไล่ตามนางได้แล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ อวิ๋นหลิงก็อดที่จะรอคอยนิดหน่อยไม่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าหมูน้อยที่นอนกรนข้าง ๆ สองคน จะนำความแปลกใจแบบไหนมาให้นางในอนาคต
เซียวปี้เฉิงกลับมีจิตใจที่สงบลง พยักหน้าแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
ฝนตกปรอย ๆ ที่นอกหน้าต่าง แสงเทียนในบ้านก็ดับลง ภายใต้แสงสีเหลืองที่อบอุ่น เขากอดอวิ๋นหลิงและลูกน้อยอีกสองคนนอนหลับสนิท
......
คนที่ทำเช่นนี้ได้ มีเพียงเสียนอ๋องกับอันชินอ๋องที่เป็นพวกเดียวกันโดยมิต้องสงสัย
ในขณะที่ทุกคนยังไม่ได้สตินั้น แคว้นต้าโจวสูญเสียเมืองแห่งหนึ่งไปโดยไม่ทราบสาเหตุภายในสามวัน ไม่นานก็ทําให้เกิดความตื่นตระหนกและความโกรธของประชาชนเป็นอย่างมาก
หลังจากที่อวิ๋นหลิงตกใจก็ได้สติ จากนั้นก็เข้าใจเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
“พวกเขาอยากจะบีบให้เจ้าออกจากเมืองหลวง เหมือนกับครั้งที่แล้ว”
เซียวปี้เฉิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบความขุ่นเคืองและความโกรธในใจ ดวงตาทั้งสองข้างแดงกล่ำ
“ข้านึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าพี่สองต้องการบีบบังคับให้ข้าออกจากเมืองหลวง ถึงเอาเมืองสุยไปตกในมือของคนอื่นโดยไม่เสียดาย...”
เมืองสุยสำหรับเขาแล้วมีความหมายสำคัญมาก เขาลงสนามรบตั้งแต่อายุสิบห้า เมืองที่ยากจนซึ่งเดิมถูกรุกรานโดยชาวต่างชาติที่เร่ร่อน เขาใช้เวลาห้าปีเพื่อใช้เลือดและเหงื่อยิงทีละกระสุนทีละดอกแย่งมาจากมือของชาวทูเจวีย
ในตอนแรกเขาใช้ชีวิตมาปกป้องเมืองสุยถึงห้าปี บัดนี้เสียนอ๋องใช้เวลาเพียงสามวันก็เอาเมืองสุยมอบให้ไปได้!
อวิ๋นหลิงมองสีหน้าที่ร้อนระอุของเขา ในใจทั้งโกรธและปวดใจ อดที่จะด่าเสียนอ๋องอย่างแรงไม่ได้
ถ้าหากว่านางจำไม่ผิดล่ะก็ ตอนที่พระชายาเสียนอ๋องพูดคุยเล่นกับนางนั้นเคยพูดขึ้นมาว่า เดิมทีนางมีพี่ชายของญาติสนิทคนหนึ่ง เสียชีวิตในสงครามเพื่อปกป้องเมืองสุย
ถ้าหากว่านางรู้ความจริงข้อนี้ จะเจ็บปวดขนาดไหน
“เมือง ๆ หนึ่งก็ให้พวกเผ่าทูเจวียง่ายดายขนาดนั้น ไม่รู้การแลกเปลี่ยนระหว่างเสียนอ๋องกับพวกเขาคืออะไร เอาอะไรมาเป็นข้อต่อรอง...”
นางมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง ไม่ใช่แค่เสียเมืองหนึ่งที่ง่ายขนาดนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...