พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 320

สรุปบท ตอนที่ 320 หลินซินที่น่าสงสัย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

อ่านสรุป ตอนที่ 320 หลินซินที่น่าสงสัย จาก พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

บทที่ ตอนที่ 320 หลินซินที่น่าสงสัย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติกโบราณ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Anchali อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หลังจากอาบน้ำอย่างเร่งรีบก็พักผ่อนอย่างเร็ว แต่สองสามีภรรยากลับไม่ง่วงนอนแม้แต่น้อย

เวลานี้เจ้าหมูน้อยทั้งสองคนควรจะนอนหลับปุ๋ยไปแล้ว แต่คืนนี้กลับนอนอยู่บนเตียงไม้เล็ก ๆ เบิกตากลมเป่าน้ำลายมองพวกเขา

ต้าเป่าเหยียดเท้าถีบ อ้อแอ้เรียก “อ๊ะ~อ๊ะ!”

เซียวปี้เฉิงเคยชินกับการใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำลายที่มุมปากของลูกชาย อดไม่ได้ที่เช็ดน้ำลายด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งอย่างอ่อนโยน

“คืนนี้ถือว่าเชื่อฟัง ไม่ร้องไห้และก็ไม่งอแงด้วย”

ต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าอายุได้ห้าเดือนเต็มแล้ว ไม่ตัวเล็กเหมือนตอนเพิ่งคลอด อ้วนจ้ำม่ำขึ้นมาก

ความอ่อนโยนในใจของเขา เมื่อนึกว่าพรุ่งนี้จะต้องออกไปตั้งแต่เช้า ผลัดกันกอดลูกชายสองคนไว้ในอ้อมแขนอย่างอดไม่ได้

ยากมากที่เอ้อร์เป่าจะนอนอยู่ในอ้อมแขนของเซียวปี้เฉิงอย่างเชื่อฟัง ดวงตาสีดำเข้มของเขามีสีฟ้าอ่อน ๆ เล็กน้อย จากนั้นก็มองเซียวปี้เฉิงเงียบ ๆ อยู่นาน พร้อมกับผล้อยหลับไป

ผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยความปลื้มปรีติว่า “เจ้าลูกคนนี้ในที่สุดช่วงนี้ก็ให้ข้าอุ้มเขามากขึ้น”

อวิ๋นหลิงอดที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “เมื่อก่อนตอนที่ท่านอยากจะอุ้มเขา ถ้าเขาไม่ร้องไห้ก็งอแง ภายหลังท่านยุ่งมากจนไม่มีเวลาสนใจเขา เขากลับอยากจะเข้าใกล้ชิดท่านขึ้นมา”

เซียวปี้เฉิงอดใจไม่ได้ที่จะบีบจมูกเล็ก ๆ ของเอ้อร์เป่าที่นอนหลับอยู่เบา ๆ

เขาเอาลูกที่นอนหลับปุ๋ยวางไว้บนเตียงเล็ก จากนั้นดับไฟและนอนกอดอวิ๋นหลิงแน่น พร้อมกับพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“อีกไม่นานข้าจะกลับมา ช่วงเวลาที่ไม่อยู่ เจ้าจะต้องดูและตัวเองและลูกให้ดี”

อวิ๋นหลิงมุดเขาไปในอ้อมแขนของเขา ในน้ำเสียงแฝงด้วยพลังในการทำให้จิตใจสงบ “ในเมืองหลวงมีข้าอยู่ ท่านวางใจได้ ข้าจะปกป้องพวกเขาทุกคนอย่างสุดความสามารถ”

เซียวปี้เฉิงกดความกังวลและความไม่ลังเลที่ก้นบึ้งของหัวใจ พร้อมกับตอบเบา ๆ และไม่พูดอะไรมาก ทั้งสองคนนอนกอดและหลับไป

......

เช้าตรู่วันถัดมา ณ ประตูเมืองหลวงทหารสามพันนายพร้อมที่จะออกเดินทาง

บนถนนคึกคักไปด้วยผู้คน เสียงอึกทึกครึกโครม ทั้งสองด้านเต็มไปด้วยประชาชนในเมืองหลวงที่ส่งต่อกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลิงเห็นเซียวปี้เฉิงสวมเกราะเหล็ก เขายืนอยู่หน้าม้าในชุดเกราะสีเงินสดใส ร่างกายผงาดอย่างสบาย ๆ ความแข็งแกร่งของเขาแข็งแรงเหมือนดวงอาทิตย์ที่หยิ่งผยอง

ภายใต้คิ้วที่ดำหนา ดวงตาทั้งสองข้างที่เย็นชาสะท้อนร่างของนาง

“รอข้า”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า เซียวปี้เฉิงเมื่อครู่เหลือบมองนางเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นขึ้นม้าและหันไปถือปืน พร้อมกับนำทหารทั้งสามพันนายขี่ม้าไปในสนามรบ

จนกระทั่งมองไม่เห็นร่างของเซียวปี้เฉิง อวิ๋นหลิงยังไม่ละสายตา

รู้จักกันและอยู่ด้วยกันนานขนาดนี้ ทั้งสองคนจะต้องแยกจากกันชั่วคราวเป็นครั้งแรก แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ออกรบจริง แต่ก้นบึ้งของหัวใจนางยังคงลังเลและอดไม่ได้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

นี่เพิ่งจะผ่านไปได้แค่ครึ่งกาน้ำชาเอง นางก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขาจนจะตายอยู่แล้ว

ประชาชนที่อยู่ริมถนนต่างแยกย้ายกันกลับ ส่วนอวิ๋นหลิงยังคงยืนแข็งถือเหมือนถูกสาปที่หน้าประตูเมือง

ตงชิงอดที่จะเดินไปด้านหน้าเพื่อสวมจัดผ้าคลุมให้นางอยู่ครู่หนึ่ง “พระชายา ในต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศหนาว พวกเรารีบกลับไปที่จวนอ๋องกันเถิด ประเดี๋ยวจะป่วยเอาเจ้าค่ะ”

นางเพิ่งจะพูดจบ จู่ ๆ ด้านหลังก็มีเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ

“เฮ้อ...คิดไม่ถึงเลยว่าพี่เขยจะต้องรีบเดินไปทางเร็วขนาดนี้ ทำให้ท่านพี่ต้องลำบากเลี้ยงลูกอยู่ในวังเพียงลำพัง”

อวิ๋นหลิงจึงหันหลังไป ฉู่อวิ๋นหานเป็นนอยู่เงียบ ๆ เป็นเวลานานแล้ว

วันนี้อีกฝ่ายแต่งตัวงดงามนัก คงจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หางตาและปลายคิ้วเปล่งประกายเล็กน้อย

ในใจของอวิ๋นหลิงก็ไม่ค่อยมีความสุขอยู่แล้ว จึงทำสีหน้าไม่ดีใส่นาง พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีว่า

“วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี รบกวนเจ้าช่วยสงบเสงี่ยมหน่อย มิเช่นนั้นข้าไม่รับประกันว่าตัวเองจะทำอะไรออกไป”

ฉู่อวิ๋นหานสายตาอึมครึม ทั้งหงุดหงิดและเกลียดชั่งท่าทางหยิ่งหยองของอวิ๋นหลิงแบบนี้มาก

หลินซินมีสีหน้าซีดขาว ตัวนางแทบจะเสียสติ เมื่อเห็นสายตาของอวิ๋นหลิงที่ประกายออกมาก็รู้สึกกระสับกระส่าย

“ข้าอยากจะพบเฟิงเอ๋อร์ เขาไม่ได้กลับจวนอู๋อันมาตั้งนานแล้ว พระชายารู้หรือไม่ว่าช่วงนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ เหตุใดถึงไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา?”

อวิ๋นหลิงสังเกตนางเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่ จึงพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ที่ชายแดนจู่ ๆ ก็เกิดเรื่องสงครามขึ้น ท่านอ๋องจึงสั่งให้เดินทาง ดังนั้นช่วงนี้เจ๋อเฟิงจึงยุ่งมาก ถ้าหากว่าอาจารย์หลินซินอยากจะเจอเจ๋อเฟิง ข้าจะสั่งให้ลูฉีไปบอกเขาให้”

หลินซินรีบพยักหน้า “...ขอบคุณพระชายามาก”

อวิ๋นหลิงยิ้มและพูดด้วยความห่วงใยว่า “อาจารย์หลินซินเกรงใจแล้ว ขอถามว่าช่วงนี้เจอเรื่องอะไรมา ท่านถึงดูมีท่าทางกระสับกระส่าย”

สีหน้าของหลินซินแข็งทื่อเล็กน้อย ยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว

“ไม่มีอะไรมากไปกว่าการกังวลเกี่ยวกับท่านพ่อของเฟิงเอ๋อร์ พระชายาเองก็รู้ว่าท่านพ่อของเฟิงเอ๋อร์ประจำการอยู่ที่ค่านทหารเมืองสุยมาโดยตลอด บัดนี้เกิดเรื่องที่ชายแดน ข้าเองก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก กินไม่ลงนอนไม่หลับเลย”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า พูดด้วยเสียงปลอบใจว่า “ถึงแม้ปี้เฉิงบอกว่าเมืองสุยจะเสียไป แต่ว่าพวกเขาก็ถอยร่นได้ทันเวลา จึงไม่มีความน่ากังวลเรื่องชีวิต ท่านวางใจได้”

“เช่นนั้นก็ดี” หลินซินยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ พูดขึ้นอีกว่า “จริงสิ บัดนี้ปี้เฉิงไม่อยู่ พระชายาจะต้องเลี้ยงลูกและก็ต้องดูงานในจวนด้วย ถ้าหากว่ายุ่งมาก ข้าสามารถช่วยเหลือได้ไม่มากก็น้อย”

อวิ๋นหลิงที่ได้ยินดังนั้นก็เหลือบมองนาง มุมปากดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

ปกติคนที่เกลียดและไม่ชอบนาง จู่ ๆ จะแสดงความเป็นมิตรหวังดีกับนางหรือ?

“ขอบคุณอาจารย์หลินซินที่หวังดี มีแม่นมเฉินอยู่ข้ารับมือกับเรื่องในจวนได้”

นางไม่เคยลืมหลินซินที่ใกล้ชิดไปมาหาสู่กับฉู่อวิ๋นหานตลอดเวลา ผู้หญิงคนนี้เป็นเป้าหมายที่นางและเซียวปี้เฉิงติดตามให้ความสำคัญมาโดยตลอด

อวิ๋นหลิงไม่ไว้ใจนางเลยแม้แต่น้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ