พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 322

จวนจิ้งอ๋อง วันนี้อากาศกำลังดี

อวิ๋นหลิงนอนเอนสบายอยู่บนเก้าอี้หวาย ด้านข้างคือเจ้าเสือขี้แยซึ่งนับวันจะอ้วนท้วนสมบูรณ์

เจ้าเสือขี้แยนอนพาดครึ่งตัวอยู่บนอกของนาง อวิ๋นหลิงลูบไปตามแนวขนของมันแล้วเกาเบา ๆ เจ้าเสือขี้แยนอนอย่างแสนสบายจนหลับตาพริ้ม

เยี่ยเจ๋อเฟิงยืนอยู่เบื้องหน้าอวิ๋นหลิง ทอดเสียงต่ำรายงานเหตุการณ์ที่กลับบ้านเมื่อคืน พร้อมความเคลื่อนไหวของหลินซินเมื่อเช้านี้ให้นางได้รับฟัง

“เหตุการณ์เมื่อคืนก็อย่างที่บอก ส่วนเช้านี้แม่ข้าไปโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง คนที่พบกับนางก็คือสาวใช้ชื่อไป๋ลู่ในอดีต...”

นับแต่คราวก่อนที่พบว่าหลินซินกับฉู่อวิ๋นหานมีการติดต่อ เขาก็ทำตามคำสั่งของอวิ๋นหลิง คอยจับตาความเคลื่อนไหวของหลินซินอยู่ตลอด

แต่นึกไม่ถึงว่า นางไปพบปะกับสาวใช้คนสนิทของฮูหยินเหลียนซึ่งมีนามว่าไป๋ลู่ ทำเอาเยี่ยเจ๋อเฟิงมีสีหน้าครุ่นคิดและวิตกเป็นอย่างมาก ด้วยเกรงว่ามารดาจะถูกอีกฝ่ายหลอกใช้

อวิ๋นหลิงหรี่ตาเล็กน้อยและพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปดูนางต่อไป”

แบมือออกเห็นขนเสือสีขาวเลอะเต็มมือ อวิ๋นหลิงรีบผลักเจ้าเสือขี้แยที่กำลังผลัดขนออกไป พลางกวักมือไปทางเยี่ยเจ๋อเฟิง

“เจ๋อเฟิง เจ้าตามข้ามา จะตรวจสุขภาพให้เจ้าหน่อย”

อวิ๋นหลิงสั่งให้สือจิ่วเอาเข็มเงินมา แล้วให้เยี่ยเจ๋อเฟิงถอดเสื้อออก ค่อย ๆ ตรวจดูร่างกายเขาจนทั่ว สุดท้ายกลับขมวดคิ้วเบา ๆ

แผลที่แขนซ้ายฟื้นฟูได้ดี แทบไม่เห็นร่องรองถูกพิษอีกแล้ว

“เมื่อคืนนางกดจุดที่ตรงไหน เจ้าถึงบอกว่าเจ็บมาก?”

“ตรงนี้”

เยี่ยเจ๋อเฟิงเอามือกดตรงตำแหน่งที่หน้าอก อวิ๋นหลิงฝังเข็มบริเวณรอบ ๆ นั้น หัวใจยังทำงานเป็นปกติดี

ผ่านไปครู่หนึ่ง อวิ๋นหลิวจึงเก็บเข็มเงินขึ้น พร้อมสั่งเสียงเบาว่า “ตงชิง เจ้าไปเชิญท่านอู่อันกงมาพบข้าที่นี่หน่อย”

ที่นางเชี่ยวชาญคือการแพทย์สมัยใหม่ ไม่ใคร่มีความรู้เกี่ยวกับยุคโบราณนี้มากนัก บางครั้งหากจำเป็น ก็ต้องเชิญอู่อันกงผู้ซึ่งเปรียบเหมือนสารานุกรมเคลื่อนที่ให้มาร่วมตรวจดูด้วย

อู่อันกงพอรู้ข่าว ก็รีบมายังจวนจิ้งอ๋องทันที

อวิ๋นหลิงบอกเล่าอาการให้ฟัง พร้อมกับถามว่า “อู่อันกง ตามความเห็นของท่าน คิดว่าเจ๋อเฟิงจะถูกพิษประเภทกลิ่นสลายวิญญาณหรือเปล่า?”

ในยุคนี้มียาบางตัวต้องใช้กระสายยา จึงจะทำให้เกิดเป็นพิษร้ายแรง ซึ่งอู่อันกงก็เคยศึกษามาแล้ว

อู่อันกงเลิกคิ้วเล็กน้อย “อืม...ข้าว่าไม่ค่อยเหมือนนะ”

เขาค่อย ๆ พลิกดูเปลือกตาและลิ้นของเยี่ยเจ๋อเฟิง สำรวจตามจุดต่าง ๆ ทั่วร่างอยู่นาน ซักพักสีหน้าก็แปรเปลี่ยน และมีผลสรุปออกมา

“แย่แล้วซี ดูอาการหมอนี่ท่าจะถูกพิษกู่เข้าแล้ว”

อวิ๋นหลิงพูดด้วยความประหลาดใจ “พิษกู่?”

ศาสตร์แห่งกู่นั้น สำหรับอวิ๋นหลิงถือเป็นคำที่คุ้นเคยแต่ทว่าก็ห่างเหินเช่นกัน

เพราะนางเกิดในศตวรรษที่ยี่สิบสาม เวลาเปิดอ่านตำราประวัติศาสตร์ มักเห็นข้อมูลบันทึกเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้

ว่ากันว่าในสมัยโบราณ มีชนกลุ่มน้อยบางเผ่านิยมใช้ศาสตร์ชนิดนี้ เพื่อให้เกิดผลต่าง ๆ นานา การบันทึกดูมหัศจรรย์พันลึก ไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ

ตอนอวิ๋นหลิงอยู่ว่าง ๆ ก็เคยไปเข้าคอร์สเกี่ยวกับหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง แต่ก็เพื่อเรียนสนุก ๆ ฆ่าเวลาเท่านั้น

สำหรับในองค์กรของนางแล้ว การเลี้ยงกู่ยังไม่มีประโยชน์พอแก่การศึกษา เพราะว่าโดยธรรมชาติของมันจริง ๆ อย่างมากก็แค่ใกล้เคียงกับตัวปรสิตหรือพยาธิที่อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์จนก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ ก็เท่านั้น

จากความรู้ที่พวกเขามี ขอเพียงไม่ใช่พวกจุลินทรีย์ การจะฆ่าตัวพยาธิเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แทบไม่ต้องใช้ยาก็ยังได้...

“อู่อันกง เจ๋อเฟิงถูกหนอนพิษกู่อะไร? ถ้าถูกแล้วจะเป็นยังไงบ้าง?”

เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลิงได้เห็นตัวพยาธิในสมัยโบราณ ย่อมเกิดความสนใจใคร่รู้ จนอดไม่ได้ที่จะซักถามอย่างประหลาดใจ

เทียบกับท่าทีเรียบเฉยของนางแล้ว อู่อันกงกลับขมวดคิ้วแน่น สีหน้าตึงเครียดพร้อมกับตรวจดูร่างกายเยี่ยเจ๋อเฟิงอีกหลายแห่ง ทั้งยังเจาะเลือดที่หน้าอก แขนขา และปากจมูกของเขาออกมาตรวจสอบด้วย

ผ่านไปเนิ่นหนาน สีหน้าอู่อันกงยิ่งดูเคร่งเครียด แววตามีความตกใจและกังวลอย่างไม่อาจควบคุมได้

“ซากหนอนกู่...เขาได้รับพิษซากหนอนกู่เข้า!”

เห็นสีหน้าเขาเช่นนี้ เยี่ยเจ๋อเฟิงก็พลอยตื่นเต้นขึ้นบ้าง “ท่านปู่บุญธรรม ซากหนอนกู่คืออะไร?”

อู่อันกงกล่าวเสียงหนักแน่น “เป็นหนึ่งในสิบหนอนพิษที่น่ากลัวที่สุดในแถบหนานเจียง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ