“ครื่ด ๆ ๆ!”
“กรึ่ก ๆ ๆ!”
ลู่ฉีวางชามนมที่ใส่ส่วนผสมบางอย่างลงบนพื้น หมูน้อยสองตัวรีบกินอย่างตะกรุมตะกรามไม่นานก็หลับปุ๋ยลง
เขาอุ้มหมูน้อยสองตัวขึ้นมา จับห่อผ้าไว้อย่างแน่นหนา
......
เมื่อถึงยามค่ำคืน อวิ๋นหลิงให้แม่นมเฉินและตงชิงมาพบในห้อง พร้อมบอกเล่าถึงแผนการและกำชับอย่างหนักแน่น
“เดี๋ยวซักพักพอรถม้าของหลินซินมาถึง แม่นมกับตงชิงออกจากเมืองก็มุ่งไปทางทิศตะวันออก เจ๋อเฟิงจะพาองครักษ์คอยคุ้มกัน ระหว่างทางจะมีคนของหมู่บ้านน้ำพุร้อนไปคอยรับ”
รอจนพวกนางไปแล้ว ค่อยให้ลู่ฉีกับสือจิ่วปลอมตัว พาต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าออกจากเมืองไปทางทิศใต้ มุ่งไปยังหมู่บ้านน้ำพุร้อน
“พวกเจ้าต้องระวังหลินซิน ห้ามแพร่งพรายข่าวใด ๆ กับนางเป็นอันขาด”
แม่นมเฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น “บ่าวจะจำไว้เจ้าค่ะ”
ตงชิงกลับมองอวิ๋นหลิงด้วยความห่วงใย หากทุกคนไปกันหมด ในจวนมิเหลือแต่พระชายาคนเดียวหรอกหรือ?
“พระชายา ถ้าเราไปกันหมดแล้วท่านจะทำยังไง? หรือจะให้แม่นมเฉินไปก่อน บ่าวขออยู่เคียงข้างกับท่านเอง”
อวิ๋นหลิงฟังแล้วก็ซาบซึ้งยิ่งนัก แต่ก็ปฏิเสธนาง “เจ้ารีบไปเถอะ ถ้าทุกคนอยู่นี่หมด ข้าจะยิ่งลำบากมากกว่า”
ตงชิง “...”
นางสะอึกเล็กน้อย พร้อมมองอวิ๋นหลิงด้วยน้ำตาคลอเบ้า รู้สึกเหมือนถูกพระชายาทอดทิ้งอย่างไรชอบกล?
ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักออก ลู่ฉีอุ้มหมูน้อยสองตัวที่อยู่ในห่อผ้าเดินเข้ามา แบ่งให้ตงชิงกับแม่นมเฉินคนละตัว
“รถม้าที่หลินซินเตรียมไว้มาถึงหน้าจวนแล้ว พวกมันกินยาของพระชายาลงไป อย่างน้อยก็จะหลับไปชั่วยามกว่า เพียงแต่ต้องระวังอย่าให้หลินซินพบเห็นเข้า!”
ตงชิงเหลือบตามองดูหมูน้อยที่หลับปุ๋ยอยู่ในห่อผ้า ความรู้สึกดูจะสับสนวุ่นวาย
และก่อนไป นางยังไม่วายจ้องมองอวิ๋นหลิงด้วยความห่วงใยอีก
อวิ๋นหลิงสีหน้าผ่อนคลายลง ปลอบโยนเสียงอ่อนว่า “วางใจเถอะ ข้าอยู่นี่คนเดียวไม่มีปัญหาหรอก ถัดจากนี้พวกเขาจะหาข้ออ้างให้ข้าเข้าวังไปดูอาการของเสด็จพ่อ”
ก่อนหน้านี้นางเคยช่วยนั่วเอ๋อร์และพระชายาเสียนอ๋องถึงสองครั้ง เชื่อว่าเสียนอ๋องน่าจะยังมีจิตสำนึก ไม่กล้าแตะต้องนางส่งเดช
“อีกอย่างข้ายังมีอาจารย์คอยคุ้มครอง ใครก็ทำอะไรข้าไม่ได้”
ได้ยินดังนี้ ตงชิงก็ค่อยเบาใจลงหน่อย แต่ก็เดินไปหันหลังไปกว่าจะออกจากเรือนหลันชิงได้
ด้านนอกจวนจิ้งอ๋อง มีรถม้าสองคันจอดเงียบ ๆ อยู่ข้างริมทาง
เยี่ยเจ๋อเฟิงเปิดผ้าม่านขึ้น กล่าวเสียงต่ำว่า “แม่นม ตงชิง ขึ้นรถเร็วเข้า!”
รถม้าหนึ่งคันนั่งได้เพียงสองคน หลินซินยืนอยู่ในที่ไม่ไกลนัก สายตาจับจ้องอยู่ที่ห่อผ้าในอ้อมแขนของคนทั้งสอง ในใจว้าวุ่นยิ่งนัก
แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร มีแต่ความไม่สบายใจและก้าวขึ้นรถม้าคันหลัง
ล้อรถเริ่มขยับ รถม้าค่อย ๆ วิ่งไปทางประตูเมือง ไม่นานก็ลับหายไปกับความมืดของยามราตรี
ภายในจวนจิ้งอ๋อง อวิ๋นหลิงหลับตาลงเบา ๆ สีหน้าสงบนิ่ง อยู่ในภาวะของการใช้ความคิด
เจ้าเสือขี้แยอยู่ข้าง ๆ เบิ่งตาจ้องมองนาง ไม่เอะอะโวยวาย แต่ร่างอันอ้วนท้วนก็ยึดครองเตียงนอนไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง
พลังจิตค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้น จนทั่วทั้งจวนอ๋องทุกซอกทุกมุมล้วนถูกอวิ๋นหลิงควบคุมไว้หมด
นอกเรือนยังมีนกกระจอกที่โผบิน แมวดำที่วิ่งปรี่อยู่บนหลังคา ล้วนอยู่ในการรับรู้ของนางทั้งสิ้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่ไม่อยู่ในอาณาเขตของจวนจิ้งอ๋องก็ได้หนีหายไปหมด อวิ๋นหลิงจึงค่อยเอ่ยปากเรียบ ๆ
“ออกมาได้แล้ว”
สิ้นเสียงของนาง บนหลังคาก็ปรากฏองครักษ์ลับสิบคน ด้านหลังล้วนมีปืนคาบศิลาที่แลดูน่าเกรงขามอยู่คนละกระบอก
“พวกเจ้าคอยคุ้มกันการเดินทางของลู่ฉีกับสือจิ่ว ออกนอกเมืองไปทางใต้สามลี้จะมีคนมารับ”
“ถ้าระหว่างทางมีคนคิดร้าย ให้ยิงปืนได้โดยไม่ต้องลังเล และถ้ายิงปืนแล้ว ก็ต้องสังหารศัตรูให้สิ้น อย่าปล่อยให้หนีรอดได้”
องครักษ์ทั้งสิบท่วงท่าสำรวม น้ำเสียงเข้มดุ
“ขอรับ!”
อวิ๋นหลิงพยักหน้าเบา ๆ พลางอุ้มลูกน้อยสองคนที่หลับอุตุออกมา ครั้งนี้นางไม่ได้ปิดกั้นพลังจิตของลูกชายอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...