พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 325

สีหน้าฉู่อวิ๋นหานปรากฏแววผิดหวัง กล่าวอย่างเสียดายว่า “หนอนพิษที่หายากถึงเพียงนี้ ไม่น่าไปใช้กับเยี่ยเจ๋อเฟิงเลย ต้องไปใช้กับนังสารเลวนั่นถึงจะสาสม”

หรือแม้ไม่ใช้กับฉู่อวิ๋นหลิง ใช้กับลูกของนางก็คงจะวิเศษไม่น้อย

ฮูหยินเหลียนกล่าวเนิบ ๆ ว่า “เจ้าก็อย่าดูหมิ่นเยี่ยเจ๋อเฟิงนัก เขาเป็นยอดฝีมือระดับแถวหน้าของเมืองหลวง วรยุทธ์ด้อยกว่าแค่จิ้งอ๋องเท่านั้น ถ้าเราสามารถจับตัวเขาได้ คนอื่นก็ไม่น่าเกรงขามอีก”

อาจารย์ที่ถ่ายทอดวรยุทธ์ให้จิ้งอ๋องก็คือบิดาของเยี่ยเจ๋อเฟิง เยี่ยเจ๋อเฟิงก็มีความเก่งกาจด้านการต่อสู้ไม่น้อย เพียงแต่จิ้งอ๋องมีพรสวรรค์ที่เหนือกว่า จึงถูกบัดบังรัศมีมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ควรประมาทเช่นกัน

“อีกทั้งเยี่ยเจ๋อเฟิงมีฐานะพิเศษ ถ้าเราจับตัวเขาไว้ได้ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก”

“ท่านแม่กล่าวถูกแล้ว”

ฉู่อวิ๋นหานยอมรับโดยดุษณี เดินขนาบซ้ายขวาฮูหยินเหลียนพร้อมกับไป๋ลู่ออกมาจากโรงเตี๊ยม

และที่หน้าโรงเตี๊ยมนั้น รถม้าสองคันได้ถูกล้อมหน้าล้อมหลังไว้หมดแล้ว

“ลากตัวคนในรถลงมาให้หมด!”

พร้อมกับคำสั่งของผู้เป็นหัวโจก ลูกน้องอีกนับสิบก็ชักดาบที่คมกริบออกมา เดินอย่างดุดันเข้าใกล้ตู้รถม้า

เยี่ยเจ๋อเฟิงสีหน้าตึงเครียด ตวาดลั่น “คุ้มกันรถม้าให้ดี!”

ทันทีที่สั่งการ ทหารที่คุ้มกันมาก็ชักกระบี่เตรียมพร้อมปะจันบาน ไม่นานค่ำคืนที่เงียบสงบก็เกิดเสียงฟาดฟันของคมอาวุธ พร้อมเสียงม้าร้องขึ้นมาอย่างตกใจ

ฉวยโอกาสที่เหล่าองครักษ์กำลังรับมืออยู่ เยี่ยเจ๋อเฟิงรีบหยิบพลุไฟสัญญาณที่เตรียมมาก่อนล่วงหน้า พร้อมดึงเชือกเพื่อให้เกิดประกายไฟ

หลังจากเกิดเสียงระเบิดอันกึกก้องขึ้น ท้องฟ้าก็เกิดพลุสวยงามราวกับดอกไม้ที่ร้อนแรงดอกหนึ่ง จนเกิดความสว่างจ้าขึ้นในมุมเล็ก ๆ แห่งยามราตรี

ฉู่อวิ๋นหานเห็นเข้าก็ได้หัวเราะหยัน "คิดจะตามคนมาช่วยงั้นหรือ ยังไม่รีบจับพวกมันให้ข้าอีก!"

ฮูหยินเหลียนก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กล่าวเสียงดังว่า "ขอเพียงยอมให้จับแต่โดยดี รับรองว่าเราจะไม่ทำร้ายชีวิตพวกเจ้า"

เห็นศัตรูยิ่งเพิ่มกำลังในการจู่โจม เยี่ยเจ๋อเฟิงเม้มปากแน่น การต่อสู้ยิ่งรุนแรงมากขึ้น เพื่อปกป้องรถม้าไว้อย่างดีที่สุด

องครักษ์ลับที่ส่งมาช่วยพวกเขายังอยู่ห่างไปอีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าเห็นพลุไฟคงจะเร่งรีบมาช่วยเหลือ

ตงชิงมองผ่านหน้าต่างเห็นเงาของฉู่อวิ๋นหาน นางกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตาว่า "สวรรค์ เหลียนอี๋เหนียงกับคุณหนูรองก็เป็นพวกเดียวกับเสียนอ๋องหรือนี่ งั้นจวนกั๋วกงก็มีอันตรายน่ะสิ?"

อวิ๋นหลิงไม่เคยเปิดเผยชาติกำเนิดของฉู่อวิ๋นหานกับมารดาว่าเป็นชาวทูเจวีย แค่บอกตงชิงกับแม่นมเฉินว่า เบื้องหลังคนที่ก่อกบฎจริง ๆ คือเสียนอ๋องต่างหาก

เมื่อเห็นฝ่ายตนมีกำลังมากกว่าครึ่งหนึ่งยังไม่สามารถยึดรถม้าได้ ไป๋ลู่ก็ให้ไม่พอใจนัก หันไปมองหลินซินอย่างบึ้งตึง

"ถ้าไม่อยากให้ลูกตาย ก็รีบลงมือซะ!"

เมื่อสิ้นเสียงลง หลินซินซึ่งนิ่งเงียบมาตลอดก็เกิดอาการลนลาน

นางกัดฟันแน่น พลางหยิบผงยาออกจากแขนเสื้อมาห่อหนึ่ง และสาดไปทางรถม้าที่อยู่ด้านหลังพร้อมเหล่าทหารของจวนจิ้งอ๋องอย่างแรง

"แย่แล้ว เป็นผงเอ็นนิ่ม!"

เยี่ยเจ๋อเฟิงกับพวกพอได้ยินก็สีหน้าเปลี่ยน รีบเอามือปิดจมูกไว้ทันที ทำให้ฝ่ายศัตรูสบช่อง

ตงชิงรีบเอามือปิดจมูก แต่ด้วยกลิ่นฉุนของผงเอ็นนิ่มทำให้แสบจนน้ำตาไหลและไอไม่หยุด

ด้วยความวุ่นวายที่เกิดขึ้น รบกวนจนหมูน้อยสองตัวที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นมา เกิดเสียงร้องขึ้นเบา ๆ แต่กลับถูกเสียงต่อสู้อันดังลั่นกลบเสียหมด

และในชั่วอึดใจนั้นเอง ห่อผ้าที่อยู่ในอ้อมแขนของตงชิงก็ถูกไป๋ลู่ซึ่งฝ่าวงล้อมมาแย่งชิงเอาไป ในขณะที่หลินซินก็ชิงเอาห่อผ้าที่อยู่ในอ้อมแขนของแม่นมเฉินเช่นกัน เมื่อแย่งไปแล้วยังผลักแม่นมเฉินอย่างแรง จนเกือบตกจากที่นั่งเสียด้วยซ้ำ

ตงชิงมือไวรีบคว้าตัวแม่นมเฉินเอาไว้ก่อน และมองหน้าหลินซินด้วยความโกรธและตกใจ

"อาจารย์หลิน ท่าน...นี่ท่าน..."

แม้พระชายาจะเตือนนานแล้วว่าให้ระวังหลินซิน แต่ตงชิงก็ไม่คาดคิด ว่าหลินซินจะมาทรยศในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้

สีหน้าหลินซินส่อแแววเจ็บปวดและละอายใจ "ข้ามีความจำเป็น ทำเพราะไม่มีทางเลือก..."

เยี่ยเจ๋อเฟิงอดกลั้นต่อความโกรธและถอยกลับมายังหน้ารถม้า พร้อมโยนขวดยาสีขาวขวดหนึ่งให้แก่ตงชิง

"ยาที่พระชายาคิดค้นขึ้น รีบกินซะ จะช่วยแก้ฤทธิ์ของผงเอ็นนิ่มและยาสลบได้!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ