พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 327

คำพูดนี้เหมือนตีถูกปมเจ็บของฉู่อวิ๋นหาน นางรีบจับจมูกโดยอัตโนมัติ พลางมองอวิ๋นหลิงด้วยสายตาอันเกรี้ยวกราด

"ท่านพี่คงยังไม่รู้สภาพตัวเองในตอนนี้ดี นึกว่ายังเป็นพระชายาจิ้งอ๋องผู้สูงส่ง มีอำนาจบารมีอย่างงั้นหรือ?"

ฉู่อวิ๋นหานเอ่ยปาก น้ำเสียงเรียบเย็น แต่แฝงด้วยความแค้นที่พยายามอดกลั้นไว้

"เรื่องบาดหมายระหว่างเราทั้งหมด ถึงวันนี้ควรจะสะสางเสียที บัดนี้ทั้งฮ่องเต้และพระเจ้าหลวงยังเอาตัวไม่รอด อย่าหวังว่าพวกเขาจะมาปกป้องท่านได้อีก!"

ความอัปยศในงานเลี้ยงแข่งเรือคือจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิตของนาง หากไม่เพราะถูกอวิ๋นหลิงเตะเข้า นางคงไม่เสื่อมเสียชื่อเสียง จากชายารองของรุ่ยอ๋องกลายมาเป็นอนุที่ไม่ได้เชิดหน้าชูตาอีก

เสียตำแหน่งสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงยังพอว่า ยังกลายเป็นตัวตลกของผู้คน จนต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวมาถึงวันนี้

ทั้งหมดเหล่านี้ นางต้องเอาคืนเป็นสิบเท่าให้จงได้!

อวิ๋นหลิงวางถ้วยน้ำชาในมือลง เกิดเสียงกระแทกดังขึ้น

"เจ้านี่ทำไมชอบบ่นโน่นบ่นนี่เสียจริง วันก่อนข้าน่าจะตบให้ฟันร่วงหมดปากจะได้สิ้นเรื่อง"

อยากทำอะไรก็ทำไปซี่ จะมาอารัมภบทอะไรกันนักหนา ถ้าส่งไปปฏิบัติภารกิจแบบนี้คงตายไปนานแล้วมั้ง

สายตาของฉู่อวิ่นหานเต็มไปด้วยความอาฆาต และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "ข้าจะดูซิว่าท่านจะโอหังไปถึงเมื่อไหร่!"

นางตบมือเบา ๆ ฉับพลันก็มีทหารกบฏหลายสิบคนถือดาบเข้ามายังเรือนหลันชิง พร้อมกับล้อมอวิ๋นหลิงเอาไว้

ในขณะเดียวกัน เหล่าองครักษ์ลับนำโดยเย่อีก็ยกปืนคาบศิลาขึ้น พร้อมเล็งปากกระปองปืนไปที่ศีรษะของฉู่อวิ๋นหานโดยพร้อมเพรียงกัน

เห็นอวิ๋นหลิงเอามือไพล่หลังอยู่ เย่อีกล่าวเสียงเบาว่า "อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม"

เย่ชีที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าเล็กน้อย สายตาจับจ้องที่ร่างของฉู่อวิ๋นหานอย่างแน่วแน่

รอเพียงพระชายาส่งสัญญาณเท่านั้น ปืนทั้งสิบกระบอกจะยิงนางให้พรุนเลยทีเดียว

อวิ๋นหลิงกวาดสายตาไปโดยรอบ ใช้พลังจิตผ่านทางลมหายใจครอบคลุมจวนอ๋องไว้ทั้งหมด ทหารกบฏที่มารายล้อม บนหลังคามีคนของเย่อีที่เฝ้าอยู่นิ่ง ๆ ล้วนถูกพลังของนางตรึงไว้หมด

"อยู่ดี ๆ พาคนมาตั้งเยอะ กลัวจะจับข้าไม่ได้หรือยังไง?"

ทหารกบฎมีประมาณห้าสิบคนได้ ซึ่งล้วนแต่ร่างกายกำยำล่ำสัน ความปราดเปรียวว่องไหวเหนือกว่าคนทั่วไปมากนัก

จะใช้พลังจิตเอาชีวิตรวดเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าใช้พลังจิตซักครึ่งหนึ่ง อาจทำให้ทุกคนเข้าสู่ภาวะหมดสติซักครู่หนึ่งได้บ้าง

เมื่อมีคนหนุนหลัง สีหน้าฉู่อวิ๋นหานก็เพิ่งความยโสมากขึ้นไปอีก "ท่านพี่คงจะกลัวแล้วสิ ถ้ายอมคุกเข่าขอให้ข้าไว้ชีวิต ไม่แน่ข้าอาจลองคิดดู ให้ท่านไม่ต้องเจ็บตัวมากนัก"

อวิ๋นหลิงเหลือบมองนางเล็กน้อย พลางกล่าวเนิบ ๆ ว่า "แม่ข้ามีลูกสาวเพียงคนเดียว เจ้าอย่ามาเรียกพี่เรียกน้องหน่อยเลย แม่เจ้าไม่เคยสั่งสอนบ้างหรือ?"

ฉู่อวิ๋นหานโกรธและกล่าวอย่างเคียดแค้นว่า "อย่าทำจองหองนัก เดี๋ยวดูซิว่าเจ้าจะเก่งแค่ไหน ไป๋ลู่ จับนางมัดเอาไว้ก่อน แล้วตบปากหนึ่งร้อยที"

เสียนอ๋องมีคำสั่ง ห้ามพวกนางทำร้ายอวิ๋นหลิงจนถึงแก่ชีวิต แม้ว่าตอนนี้จะยังฆ่านางไม่ได้ แต่ขอคิดดอกเบี้ยหน่อยก็ยังดี

ที่นางเกลียดชังที่สุดก็คือปากคอเราะรายของอวิ๋นหลิง จนแทบอยากทำให้นางเป็นใบ้ซะ

เมื่อฉู่อวิ๋นหานออกคำสั่ง ไป๋ลู่ก็ปรากฏตัวเงียบ ๆ สายตาดุดันพร้อมถือเชือกเดินไปหาอวิ๋นหลิง

ทันใดนั้น ในเรือนหลันชิงก็มีเสียงคำรามที่ดังลั่นของเสือปรากฎขึ้น

"โฮ่ก!"

ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด แหงนมองไปตามเสียง ก็เห็นสัตว์ตัวใหญ่ชนิดหนึ่งไปอยู่บนหลังคาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

นัยน์ตาสีทองของเจ้าเสือขี้แยจ้องมองทุกคนที่อยู่ในเรือนอย่างเย็นชา ขนสีขาวดูเป็นเงางามภายใต้แสงแดดอันเจิดจ้า แม้ลำตัวจะดูอ้วนท้วน แต่ก็ไม่อาจบดบังความน่าเกรงขามโดยธรรมชาติของมันได้

มันสะบัดหางที่หยาบและยาว สายตาจ้องนิ่งที่ไป๋ลู่กับฉู่อวิ๋นหาน กรงเล็บแหลมคมขูดกับกระเบื้องหลังคาจนกลายเป็นเสียงบาดหู มีเสียงคำรามเบา ๆ พร้อมท่าทีที่เตรียมจะกระโจน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ