องครักษ์ลับเย่ว์อิ่นโน้มตัวไปกระซิบถาม “ท่าน...”
ทันทีที่เขาโพล่งออกมาคำหนึ่ง ก็ถูกหลิวฉิงเงื้อมือขึ้นทุบทีหนึ่ง “อย่าเอ็ดไป”
เย่ว์อิ่นเจ็บจนเห็นดาวต้องเอามือปิดจมูกไว้ พระสนมฟงนี้เอะอะก็ลงมือทุบตีคนอยู่ร่ำไป ไม่คิดจะเปลี่ยนนิสัยบ้างเลยหรือไร
ดวงตาของเขาเผยความน้อยใจและงุนงง แต่ไม่กล้าเอ่ยส่งเดชอีกต่อไป อีกสองคนเห็นเช่นนี้ก็จงใจผ่อนลมหายใจเบาๆ
สายตาของหลิวฉิงจับจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง รวบรวมสมาธิพยายามรับรู้ถึงพลังที่ผันผวนเส้นนั้น
ศีรษะของนางเคยถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก บาดแผลเก่าทำให้โคจรพลังจิตติดขัดจนช้าลง ความสามารถในการรับรู้ก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่นี้เป็นภาพลวงตาด้วยหรือไม่
หลิวฉิงนั่งนิ่งเงียบทำสมาธิ บุรุษรูปงามที่อยู่ไม่ไกลนักก็ทอดสายตามองมายังนาง
เครื่องหน้าของบุรุษผู้นั้นซีดเซียวคล้ายมีอาการป่วยอยู่บ้าง รูปร่างสูงโปร่งสง่างามราวกับต้นไผ่เขียว ถึงแม้จะสวมเสื้อสีขาวธรรมดา แต่ไม่อาจปกปิดความสูงศักดิ์ได้
“มีอะไรผิดปกติหรือ”
เมื่อเขาเอ่ยปาก เสียงก็หวานใสกังวานราวกับป้ายหยกรูปวงแหวนกระทบกัน
หลิวฉิงมุ่นคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ตอบทันที ผ่านไปครู่หนึ่งจึงส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่เสียสมาธิไปเท่านั้นเอง”
หลังจากพลังที่ผันผวนเส้นนั้นพลันผ่านพ้นไป บริเวณโดยรอบก็ไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด
เย่ว์อิ่นกระซิบงึมงำ “พระสนมทรงสองมาตรฐานเกินไปแล้ว เหตุใดถึงตีเพียงกระหม่อมไม่ตีท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการบ้าง”
“เจ้าน่าเกลียดอย่างไรเล่า น่าเกลียดมากเสียจนข้าอยากจะทุบตีเจ้าแม้จะไม่เอ่ยวาจาสักคำก็ตาม”
ซิงเฉิน องครักษ์ลับอีกคนหนึ่งเอ่ยพูด เขาหน้าเด็ก แถมเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงเด็กๆ แลดูอ่อนเยาว์ยิ่งนัก
เย่ว์อิ่นโมโหแค่นหัวเราะหยัน “ไม่ว่าข้าจะน่าเกลียดสักแค่ไหนก็ยังหล่อกว่าเจ้า ไอ้เด็กสารเลวปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
สีหน้าของซิงเฉินพลันแปรเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ อายุจริงของเขาคือยี่สิบต้นๆ แต่รูปโฉมภายนอกและเสียงพูดดูราวกับเพิ่งสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น ทำให้ยังครองตัวเป็นโสดอยู่จนถึงบัดนี้
พอได้ยินคำพูดจี้ใจดำ เขาก็กระโดดพรวดขึ้นตรงนั้นเลย
ครั้นเห็นทั้งสองกำลังจะทะเลาะกันอีก หลิวฉิงก็จัดการทั้งสองขั้นเด็ดขาดจนเงียบกริบลงทันที
“บอกแล้วว่าอย่าส่งเสียงดัง พวกเจ้าสองคนไปยืนท่าทหารอยู่ตรงทางเดินด้านนอกประตูเดี๋ยวนี้!”
ภายใต้สายตาที่เยือกเย็นและเผด็จการของนาง เย่ว์อิ่นกับซิงเฉินถูกไล่ตะเพิดออกไปอย่างเงียบๆ
หลิวฉิงหับประตูลง จากนั้นก็หน้าถอดสี จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างจริงจัง
กู้ฉางเซินกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง “เจ้าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างหรือ”
หลิวฉิงพยักหน้า เมื่อครู่มีคลื่นพลังจิตอีกระลอกหนึ่งอยู่ในระยะไกล คราวนี้นางรู้สึกได้จริงๆ
พลังจิตสายนี้แปลกมากทีเดียว นางไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน และไม่ใช่ของทั้งสามคนในองค์กรด้วย
ในใจนางรู้สึกประหลาดใจ ในโลกนี้ยังมีผู้ใช้พลังจิตคนอื่นๆ ด้วยหรือ
แต่ไม่นานก็นึกถึงคำที่อวิ๋นหลิงพูดถึงในจดหมาย เรื่องที่พลังจิตของจิ้งอ๋องตื่นขึ้นเองตามธรรมชาติ พลันบังเกิดความคิด
“น้องเขยสามนำทหารกรีธาทัพออกรบ จะผ่านละแวกนี้หรือไม่”
กู้ฉางเซินค่อนข้างคุ้นเคยกับแผนที่ของแคว้นซีโจว จึงพยักหน้า “จากเมืองหลวงแคว้นต้าโจวไปยังด่านอวี้เหมินกับเมืองสุยนั้น จะต้องผ่านเส้นทางสายนี้”
เขาโชกโชนอยู่ในสมรภูมิรบมาหลายปี รอดตายจากปากเหยี่ยวปากกามาได้อย่างหวุดหวิด อาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้ยังไกลหัวใจ
เฉียวเย่ถอนใจ ท่าทางดูวิตกกังวล “ทั้งที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนี้ ไม่นึกว่าจะมีทหารทูเจวียมากมายถึงเพียงนี้”
เซียวปี้เฉิงฟังแล้วก็ฉายแววกรุ่นโกรธที่หว่างคิ้ว
จากเมืองหลวงถึงด่านชายแดนต้องผ่านเมืองลี่ และหากใช้เส้นทางหลวงจะต้องผ่านเส้นทางไม้สะพานเชือกยาวหนึ่งร้อยเมตรที่เชื่อมระหว่างยอดเขาทั้งสอง
ตอนข้ามสะพานเชือกยามเที่ยง พวกเขาพบกับกลุ่มนักฆ่าที่รอดักซุ่มมานานแล้ว อีกฝ่ายบุกโจมตีกะทันหัน จนทำลายสะพานเชือกในระหว่างต่อสู้ห้ำหั่นกันทันที
เซียวปี้เฉิงพาผู้ติดตามมาไม่ถึงสิบคน ต่างพากันมองหน้าไปมาตรงหน้ายอดเขาทั้งสอง พร้อมกับทหารชั้นยอดห้าพันนายที่ไล่กระชั้นอยู่ข้างหลัง
ที่ปลายอีกด้านของเส้นทางไม้ พวกเขาถูกคนเรือนร้อยสกัดปิดล้อมสังหารอย่างฉับไว คนกลุ่มนั้นอำมหิตดุร้าย เมื่อดูจากกระบวนวิชายุทธ์และสำเนียงพูดแล้ว ล้วนเป็นเผ่าทูเจวียทั้งสิ้น
เซียวปี้เฉิงได้ประมือกับเผ่าทูเจวียมาหลายปีแล้ว คุ้นเคยกับกระบวนท่าของคนกลุ่มนี้เป็นอย่างดี จึงจับพิรุธของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
อีกฝ่ายเห็นเช่นนี้ก็แสยะยิ้ม กล่าวอย่างอวดดีว่า “ใช่แล้ว พวกเรามาเด็ดหัวออกจากคอท่านตามคำสั่งของท่านแม่ทัพเกอซูปู้!”
เกอซูปู้ หนึ่งในสิบแม่ทัพใหญ่แห่งเผ่าทูเจวีย รั้งอันดับห้า ก็เป็นแม่ทัพที่ปราชัยใต้เงื้อมมือของเซียวปี้เฉิงเช่นกัน
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เขาต้องโคจรพลังจิตเพื่อจู่โจมศัตรูตามที่อวิ๋นหลิงสอนเขาไว้
เขาไม่มีประสบการณ์ใช้พลังจิตฆ่าผู้คนมาก่อน ไอสังหารจึงรุนแรงมากเสียจนเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ไปชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากบีบคอคนหลายคนติดต่อกัน พลังจิตก็หมดลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายเขาก็รู้สึกเวียนหัว รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงคล้ายถูกเข็มทิ่มแทง
เฉียวเย่ประคองเขาไว้อย่างเป็นห่วง “ท่านอ๋อง เสียนอ๋องสมคบคิดกับเผ่าทูเจวีย หรือว่าเขาจะส่งคนเหล่านั้นมาขอรับ?”
เซียวปี้เฉิงนวดหน้าผากพลางส่ายศีรษะ ปฏิเสธการคาดเดาของเขา “ถ้าเสียนอ๋องหมายจะฆ่าข้า ก็ไม่ต้องทำเกินความจำเป็น กองทหารนับหมื่นของเมืองลี่ได้ยอมอยู่ใต้อาณัติของเขาแล้ว รอกระทั่งข้าไปถึงเมืองลี่ก่อนแล้วค่อยลงมือจะไม่ดีกว่าหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...