พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 332

บางทีเสียนอ๋องอาจต้องการบีบให้เขาออกไป แต่จะไม่ปลิดชีพเขาในทันที

“สถานการณ์บริเวณชายแดนตึงเครียด เขายังต้องการให้ข้าไปปลอบขวัญประชาชนไว้ชั่วคราว หากข้าตายไป ขวัญกำลังใจในกองทัพจะระส่ำระสาย จะไม่เป็นผลดีกับเขาแต่อย่างใด”

ต่อให้อยากฆ่าเขา แต่ก็จะไม่มีวันเลือกเวลาเช่นนี้เป็นอันขาด

สีหน้าของเฉียวเย่แปรเปลี่ยนเล็กน้อย “เช่นนั้นก็เป็นแผนลับของเผ่าทูเจวีย พวกเขาหมายจะปลิดชีวิตของท่านอ๋องนะขอรับ!”

ถ้ากำจัดเสี้ยนหนามอย่างจิ้งอ๋องไปได้ เผ่าทูเจวียจะได้ผลประโยชน์สูงสุด

“หากท่านอ๋องสิ้นพระชนม์ ก็จะไม่มีใครปกปักรักษาชายแดน แม้กองกำลังพันธมิตรของตระกูลฟงจะมาถึงทันเวลา แต่จิตใจของผู้คนในแคว้นต้าโจวก็จะว้าวุ่น หากฮูหยินเหลียนเคลื่อนไหวในเมืองหลวงอีกละก็ ผลที่ตามมาคงยากจะคาดเดา!”

เซียวปี้เฉิงแค่นหัวเราะเย็นชา “เสียนอ๋องประเมินความทะเยอทะยานของเผ่าทูเจวียต่ำไป หากตั้งใจจะร่วมมือกับอีกฝ่าย ก็ไม่ต่างอะไรกับการชักศึกเข้าบ้าน”

ไม่รู้ว่าเสียนอ๋องตกลงตามคำขอของอีกฝ่ายอะไรไปบ้าง ซ้ำยังช่วยแอบซ่อนกองกำลังในเมืองลี่กับเมืองหลวงไปตั้งเท่าไรแล้ว

คาดว่ากองกำลังเผ่าทูเจวียที่ฮูหยินเหลียนเป็นตัวแทนนั้น ยามนี้อาจอยู่กับเสียนอ๋องอย่างสงบสุขร่มเย็นและแต่ละฝ่ายก็ได้รับสิ่งที่ตนต้องการ

แต่ถ้าเผ่าทูเจวียรู้ถึงข่าวการตายของเขา ก็จะพลิกหน้ากลายเป็นศัตรูกันทันที

อวิ๋นหลิง พระเจ้าหลวงและคนอื่นๆ ยังคงอยู่ในเมืองหลวง เขาต้องรีบกลับไปที่หมู่บ้านน้ำพุร้อนโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันการเกิดเหตุไม่คาดฝัน!

“เฉียวเย่ ดูแผนที่สิ จะไปต่ออย่างไรดี ต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะไปถึงเมืองหลวง”

เฉียวเย่อาศัยแสงไฟเปิดม้วนตำรา แล้วพิจารณาอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง “เดินอ้อมเขาไปทางทิศตะวันออกสักสามสิบลี้แล้วเลี้ยววกกลับไปยังเส้นทางหลวงก็ได้ เร็วสุดจะใช้เวลาประมาณหกวัน”

หกวัน...ยังช้ากว่าเวลาที่วางแผนจะกลับไปยังหมู่บ้านน้ำพุร้อนตั้งสองวัน

ทิ้งม้าไว้ชั่วคราว แต่ในระหว่างทางมีโรงเตี๊ยมกับศาลาพักม้าหลายแห่ง ถึงจะจัดการง่าย แต่กังวลว่าจะมีเผ่าทูเจวียดักซุ่มโจมตีและไล่ตามไปตลอดทาง

“ดับไฟแล้วพักผ่อนก่อนเถอะ”

เฉียวเย่พยักหน้า ใช้เท้าเหยียบดับไฟทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไล่ตามหลังมาเห็นแสงไฟแล้วจะสังเกตเห็นพวกเขาเอาได้

เร่งรีบเดินทางมาหลายวัน ซ้ำยังพบกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเฉียดตายได้ทุกขณะ ทุกคนล้วนหมดเรี่ยวแรงไปตามๆ กัน

เวลานี้เซียวปี้เฉิงรู้ดีว่าควรผ่อนคลายและทำสมาธิโดยเร็วที่สุด แต่ยังทนกับอาการเจ็บปวดที่ศีรษะ ก่อนใช้พลังจิตปกคลุมรอบกายให้ห่างออกไปหลายร้อยเมตร เพื่อให้แน่ใจว่าตอนมีคนมาค้นหานั้นจะได้รู้ตัวทันที

ไม่รู้ว่าค่ำคืนอันยาวนานผ่านไปนานแค่ไหน

ภายใต้พระจันทร์เต็มดวงที่สุกสกาว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหมาป่าหอน ดังสะท้อนกึกก้องกังวานไปทั่วหุบเขาอันไกลโพ้น

ระหว่างสะลืมสะลือ เซียวปี้เฉิงพลันเบิกตากว้าง หน้าเผือดสีเล็กน้อย

“เฉียวเย่ ตื่นๆ!”

เมื่อครู่นี้ ภายในรัศมีการตรวจจับพลังจิตของเขาพลันปรากฏสิ่งมีชีวิตที่กระโดดโลดเต้นอยู่หลายสิบตัว และกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

จากการสัมผัสพอตัดสินได้ว่าไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็น...

เฉียวเย่ตกใจตื่นขึ้นมารีบคว้ากระบี่ไว้ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “โจรเผ่าทูเจวียไล่ตามมาหรือขอรับ”

ทันทีที่เขาพูดจบ หมาป่าหลายตัวก็หอนดังระงมอยู่ในป่าเขาที่โล่งเตียน เสียงสะท้อนดังสนั่นหวั่นไหวไม่ขาดสาย ชวนให้ผู้คนหวาดหวั่นพรั่นพรึง

“บรู๊ว...”

ดวงตาสีเขียวเป็นมันขลับคู่หนึ่งเริ่มปรากฏขึ้นรอบบริเวณ เจือประกายกระหายเลือด

ทหารที่ติดตามมามีอาการชาไปถึงหนังศีรษะ ขนลุกซู่ไปทั้งตัว “ท่านอ๋อง เป็นฝูงหมาป่าขอรับ!”

“เอ่อ...จู่ๆ หมาป่าตั้งมากมายมารวมตัวกันได้อย่างไร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ