พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 334

ครั้นเห็นสภาพกลาดเกลื่อนบนพื้น ทั้งเย่ว์อิ่นกับซิงเฉินต่างก็มองสบตากันอย่างบอกไม่ถูก ยืนกระซิบกระซาบกันอยู่ใต้ต้นไม้

“เหตุใดพระสนมจึงเรียกคนผู้นั้นว่าน้องเขยสาม ทั้งที่แม่ทัพฟงมีบุตรสาวเพียงคนเดียวชัดๆ”

“ดูท่าพวกเขาไม่เพียงถูกฝูงหมาป่าโจมตีเท่านั้น แต่ยังถูกศัตรูไล่ล่าอีกด้วย...”

“มิน่าเล่าที่จู่ๆ ก็เข้ามาในภูเขาเสียกลางดึก ที่แท้พระสนมมาช่วยคนนี่เอง ว่าแต่ได้ข่าวขอความช่วยเหลือตั้งแต่เมื่อใด ทำไมข้าถึงไม่รู้”

เย่ว์อิ่นกับซิงเฉินรู้สึกเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ ในตัวพระสนมฟงผู้นี้เองก็มีความลับตั้งมากมาย มักจะกระทำเรื่องที่คาดไม่ถึงอยู่บ่อยๆ

หลิวฉิงสะบัดคราบโลหิตบนกระบี่ออก ก่อนเก็บเข้าฝัก “น้องเขยสาม เหตุใดเจ้าไม่พูดอะไรเลย”

นางรู้สึกว่าพลังจิตอันวุ่นวายของอีกฝ่ายได้สงบลงแล้ว

อาการวิงเวียนศีรษะในสมองส่วนลึกของเซียวปี้เฉิงยังไม่บรรเทาลงอย่างสมบูรณ์ จึงรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับการเปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับ

ความสงสัยลึกๆ หลั่งไหลประดังประเดเข้ามาในใจ เขาช้อนตาขึ้นมองผู้มาเยือนให้กระจ่าง แต่ดวงตากลับถูกคราบเลือดติดเกรอะกรังจนสายตาพร่ามัว จึงมองเห็นไม่ชัด

เวลานี้มีเงาร่างคลุมเครืออีกคนเดินเข้ามาหา น้ำเสียงที่คุ้นเคยเจือความห่วงใยอยู่หลายส่วน

“ปี้เฉิง เจ้าถูกโจมตีบนภูเขาได้อย่างไร”

รูม่านตาของเซียวปี้เฉิงหดเล็กฉับพลัน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ “ฉางเซิน!”

บุรุษที่ถามไถ่มิใช่ใครอื่น นั่นคือกู้ฉางเซิน ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแห่งแคว้นเป่ยฉินที่ไม่ได้พบเขาบ่อยนักแต่รู้จักกันดี

ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยร่วมต่อสู้ด้วยกันที่ชายแดนถึงสามเดือนเลย

หลังจากจำสหายเก่าได้ สถานะของสตรีอีกคนก็ถูกเปิดเผย

เซียวปี้เฉิงเช็ดคราบโลหิตบนใบหน้าออก มองประเมินหลิวฉิงหลายครั้ง เป็นดวงหน้าของฟงเสี่ยวเม่ยในความทรงจำจริงๆ แต่ท่าทีแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ราวกับเป็นคนละคน

เซียวปี้เฉิงเอ่ยปากลองหยั่งเชิงถาม “...ศิษย์พี่ของหลิงเอ๋อร์?”

เย่ว์อิ่นกับซิงเฉินต่างก็ประหลาดใจเช่นกัน ศิษย์พี่หรือ

พวกเขารู้ว่าพระสนมฟงมีศิษย์น้องหญิงร่วมสำนักผู้หนึ่งที่อยู่ห่างไกลในแคว้นซีโจว อีกฝ่ายก็คือพระชายาจิ้งอ๋อง ผู้ที่พวกเขาดั้นด้นเทียวหาหมอยอดฝีมือกับยาชั้นดีมารักษาในครั้งนี้นี่เอง

เช่นนั้นบุรุษที่อยู่ตรงหน้าก็คือจิ้งอ๋องแห่งแคว้นซีโจวน่ะสิ?

น้ำเสียงของหลิวฉิงอ่อนโยนอย่างหาได้ยากนัก “เป็นคนครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ไม่ต้องเรียกห่างเหินขนาดนั้นหรอก”

กล้ามเนื้อและเส้นประสาททั่วร่างของเซียวปี้เฉิงผ่อนคลายลง หายใจด้วยความโล่งอก แล้วพยักหน้าพลางทำไม้ทำมือถามนางว่า

“ไม่ทราบว่ายามปกติพวกหลิงเอ๋อร์เรียกท่านว่าอย่างไร”

ถึงแม้ในใจเขาจะเคยอิจฉาคนผู้นี้มาก่อน แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นสตรี ทั้งยังเป็นพี่น้องที่ร่วมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของอวิ๋นหลิงอีกด้วย ดังนั้นย่อมต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้

“พี่ใหญ่เรียกข้าว่าเอ้อร์หลีว์ เจ้าสามเรียกข้าว่าพี่ฉิง ส่วนน้องเล็กเรียกข้าว่าท่านปู่รอง” หลิวฉิงยืนถือกระบี่ด้วยสีหน้าเป็นมิตร “เจ้าอยากเรียกอะไรก็เรียกได้เลย ข้าไม่ถือสา”

หลิวฉิงเป็นคนเถรตรงไม่ชอบอ้อมค้อม แถมมีนิสัยดื้อรั้น หลงเย่มักจะคิดว่านางดื้อรั้นเหมือนลา ฉะนั้นจึงมักเรียกนางว่า ‘เอ้อร์หลีว์’

ขณะที่อวิ๋นหลิงเองต้องเล่นเป็นสามีภรรยา คู่รัก หรือพี่ชายกับน้องสาวถึงแปดในสิบครั้งทุกครั้งที่ไปทำภารกิจ จึงเรียกนางว่า ‘พี่ฉิง’ หรือ ‘พี่ชายฉิง’ เป็นส่วนมาก จนเรียกติดปากไปเสียแล้ว

สำหรับเสวียนจี เป็นคนซุกซนประเภทที่ว่าสามวันไม่ถูกตีก็จะปีนหลังคาเลาะกระเบื้อง จึงมักถูกนางทุบตีบ่อยครั้งจนต้องเรียกหาท่านปู่ จากนั้นก็ร่ำไห้ไปขอความช่วยเหลือจากอวิ๋นหลิงท่านย่าสาม

สิ้นเสียงของหลิวฉิง ในอากาศก็เกิดความเงียบชั่วครู่

คนอื่นๆ “...”

ตั้งแต่นั้นมาพิษต่างๆ ในกายของกู้ฉางเซินได้ผสมปนเปกันจนรวมตัวเป็นพิษประหลาด ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถแก้ได้ จึงได้แต่ใช้ยาระงับไว้ตลอดทั้งปีเท่านั้น

พอคิดถึงตรงนี้แล้ว เซียวปี้เฉิงก็มุ่นคิ้วพลางถามอีกฝ่ายว่า “ฉางเซิน พิษของท่านมาได้อย่างไร?”

“ตกหลุมพรางของคนสารเลวมาระยะหนึ่งแล้ว ยาก่อนหน้านี้ไม่อาจระงับพิษในกายของข้าได้อีก ได้ฟังหลิวฉิงเล่าว่าชายาของท่านได้เพาะปลูกสายพันธุ์แปลกๆ ที่สูญพันธุ์ไปนานแล้วตั้งมากมาย สามารถกำจัดพิษในกายข้าได้พอดี จึงตั้งใจมาขอพบท่านหมอโดยเฉพาะ”

“ข้าไม่สามารถโคจรพลังยุทธ์ได้เนื่องจากพิษกำเริบ หลิวฉิงตามหาศิษย์น้องหญิงของนางมานานแล้ว จึงคุ้มกันพาข้ามาส่งถึงที่นี่ตลอดทาง”

เหตุที่พิษของเขาไม่สามารถกำจัดให้หมดไปในตอนนั้นได้ ก็เพราะว่าสายพันธุ์แปลกใหม่จำนวนมากที่ต้องเอามาใช้เป็นยาได้สูญพันธุ์ไปแล้ว

กู้ฉางเซินอธิบายต้นสายปลายเหตุอย่างไม่รีบร้อนด้วยดวงตาแน่วนิ่ง และไม่มีร่องรอยความโศกเศร้าบนเครื่องหน้าอันหล่อเหลาคมคายแม้แต่น้อย

ในใจเซียวปี้เฉิงรู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย ทั้งที่เป็นยอดมือกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้าแท้ๆ แต่ต้องมาทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส ช่างย่ำแย่กว่าเขามากนัก

ก้นบึ้งดวงตาของกู้ฉางเซินฉายแววสิ้นหวังจางๆ “แต่ดูจากยามนี้ ดูเหมือนพวกเราจะมาผิดเวลา เมื่อสองวันก่อนตอนผ่านเมืองลี่นั้น ได้ยินว่าท่านกำลังกรีธาทัพออกศึก”

เซียวปี้เฉิงหยิบขวดยากระเบื้องเคลือบรักษาบาดแผลขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เล่าสถานการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ของแคว้นต้าโจวให้ฟังอย่างละเอียด

“ตอนนี้หลิงเอ๋อร์พักอยู่ในจวนจิ้งอ๋องตามลำพัง จึงต้องรีบกลับไปที่หมู่บ้านน้ำพุร้อนโดยเร็วที่สุด เพื่อนำทหารที่เหลือของค่ายปืนไฟมาสนธิกำลังกับกองหนุนของรัฐทายาทเจิ้นกั๋วกงที่สั่งการอยู่ในเมืองหยวน เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงบ่อยครั้ง”

กู้ฉางเซินพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ต้องช่วยแคว้นต้าโจวให้ผ่านพ้นช่วงคับขันในยามนี้ไปให้จงได้ มิฉะนั้นจะไม่เป็นผลดีกับแคว้นเป่ยฉิน

สีหน้าของหลิวฉิงเรียบเฉย น้ำเสียงเจือความแน่วแน่และไว้เนื้อเชื่อใจอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “เชื่อมั่นน้องหลิง มีนางอยู่ในเมืองหลวงจะไม่มีปัญหาแน่นอน และไม่จำเป็นต้องกังวลความปลอดภัยของนาง ต่อให้ต้องต่อสู้กับกองทหารนับหมื่นจริงๆ นางก็สามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดาย”

บรรดาสี่คนในกลุ่ม ในแง่สติปัญญาผู้ที่โดดเด่นที่สุดคือพี่ใหญ่ ในแง่พละกำลังผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือนาง

อวิ๋นหลิงดูเหมือนจะไม่โดดเด่น แต่ความสามารถโดยรวมของนางนั้นถือว่าเก่งที่สุด ในชาติก่อน อัตราความสำเร็จในภารกิจเดี่ยวของนางติดอยู่ในอันดับแรกของกลุ่ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ