ครั้นเห็นสภาพกลาดเกลื่อนบนพื้น ทั้งเย่ว์อิ่นกับซิงเฉินต่างก็มองสบตากันอย่างบอกไม่ถูก ยืนกระซิบกระซาบกันอยู่ใต้ต้นไม้
“เหตุใดพระสนมจึงเรียกคนผู้นั้นว่าน้องเขยสาม ทั้งที่แม่ทัพฟงมีบุตรสาวเพียงคนเดียวชัดๆ”
“ดูท่าพวกเขาไม่เพียงถูกฝูงหมาป่าโจมตีเท่านั้น แต่ยังถูกศัตรูไล่ล่าอีกด้วย...”
“มิน่าเล่าที่จู่ๆ ก็เข้ามาในภูเขาเสียกลางดึก ที่แท้พระสนมมาช่วยคนนี่เอง ว่าแต่ได้ข่าวขอความช่วยเหลือตั้งแต่เมื่อใด ทำไมข้าถึงไม่รู้”
เย่ว์อิ่นกับซิงเฉินรู้สึกเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ ในตัวพระสนมฟงผู้นี้เองก็มีความลับตั้งมากมาย มักจะกระทำเรื่องที่คาดไม่ถึงอยู่บ่อยๆ
หลิวฉิงสะบัดคราบโลหิตบนกระบี่ออก ก่อนเก็บเข้าฝัก “น้องเขยสาม เหตุใดเจ้าไม่พูดอะไรเลย”
นางรู้สึกว่าพลังจิตอันวุ่นวายของอีกฝ่ายได้สงบลงแล้ว
อาการวิงเวียนศีรษะในสมองส่วนลึกของเซียวปี้เฉิงยังไม่บรรเทาลงอย่างสมบูรณ์ จึงรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับการเปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับ
ความสงสัยลึกๆ หลั่งไหลประดังประเดเข้ามาในใจ เขาช้อนตาขึ้นมองผู้มาเยือนให้กระจ่าง แต่ดวงตากลับถูกคราบเลือดติดเกรอะกรังจนสายตาพร่ามัว จึงมองเห็นไม่ชัด
เวลานี้มีเงาร่างคลุมเครืออีกคนเดินเข้ามาหา น้ำเสียงที่คุ้นเคยเจือความห่วงใยอยู่หลายส่วน
“ปี้เฉิง เจ้าถูกโจมตีบนภูเขาได้อย่างไร”
รูม่านตาของเซียวปี้เฉิงหดเล็กฉับพลัน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ “ฉางเซิน!”
บุรุษที่ถามไถ่มิใช่ใครอื่น นั่นคือกู้ฉางเซิน ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแห่งแคว้นเป่ยฉินที่ไม่ได้พบเขาบ่อยนักแต่รู้จักกันดี
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยร่วมต่อสู้ด้วยกันที่ชายแดนถึงสามเดือนเลย
หลังจากจำสหายเก่าได้ สถานะของสตรีอีกคนก็ถูกเปิดเผย
เซียวปี้เฉิงเช็ดคราบโลหิตบนใบหน้าออก มองประเมินหลิวฉิงหลายครั้ง เป็นดวงหน้าของฟงเสี่ยวเม่ยในความทรงจำจริงๆ แต่ท่าทีแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ราวกับเป็นคนละคน
เซียวปี้เฉิงเอ่ยปากลองหยั่งเชิงถาม “...ศิษย์พี่ของหลิงเอ๋อร์?”
เย่ว์อิ่นกับซิงเฉินต่างก็ประหลาดใจเช่นกัน ศิษย์พี่หรือ
พวกเขารู้ว่าพระสนมฟงมีศิษย์น้องหญิงร่วมสำนักผู้หนึ่งที่อยู่ห่างไกลในแคว้นซีโจว อีกฝ่ายก็คือพระชายาจิ้งอ๋อง ผู้ที่พวกเขาดั้นด้นเทียวหาหมอยอดฝีมือกับยาชั้นดีมารักษาในครั้งนี้นี่เอง
เช่นนั้นบุรุษที่อยู่ตรงหน้าก็คือจิ้งอ๋องแห่งแคว้นซีโจวน่ะสิ?
น้ำเสียงของหลิวฉิงอ่อนโยนอย่างหาได้ยากนัก “เป็นคนครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ไม่ต้องเรียกห่างเหินขนาดนั้นหรอก”
กล้ามเนื้อและเส้นประสาททั่วร่างของเซียวปี้เฉิงผ่อนคลายลง หายใจด้วยความโล่งอก แล้วพยักหน้าพลางทำไม้ทำมือถามนางว่า
“ไม่ทราบว่ายามปกติพวกหลิงเอ๋อร์เรียกท่านว่าอย่างไร”
ถึงแม้ในใจเขาจะเคยอิจฉาคนผู้นี้มาก่อน แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นสตรี ทั้งยังเป็นพี่น้องที่ร่วมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของอวิ๋นหลิงอีกด้วย ดังนั้นย่อมต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้
“พี่ใหญ่เรียกข้าว่าเอ้อร์หลีว์ เจ้าสามเรียกข้าว่าพี่ฉิง ส่วนน้องเล็กเรียกข้าว่าท่านปู่รอง” หลิวฉิงยืนถือกระบี่ด้วยสีหน้าเป็นมิตร “เจ้าอยากเรียกอะไรก็เรียกได้เลย ข้าไม่ถือสา”
หลิวฉิงเป็นคนเถรตรงไม่ชอบอ้อมค้อม แถมมีนิสัยดื้อรั้น หลงเย่มักจะคิดว่านางดื้อรั้นเหมือนลา ฉะนั้นจึงมักเรียกนางว่า ‘เอ้อร์หลีว์’
ขณะที่อวิ๋นหลิงเองต้องเล่นเป็นสามีภรรยา คู่รัก หรือพี่ชายกับน้องสาวถึงแปดในสิบครั้งทุกครั้งที่ไปทำภารกิจ จึงเรียกนางว่า ‘พี่ฉิง’ หรือ ‘พี่ชายฉิง’ เป็นส่วนมาก จนเรียกติดปากไปเสียแล้ว
สำหรับเสวียนจี เป็นคนซุกซนประเภทที่ว่าสามวันไม่ถูกตีก็จะปีนหลังคาเลาะกระเบื้อง จึงมักถูกนางทุบตีบ่อยครั้งจนต้องเรียกหาท่านปู่ จากนั้นก็ร่ำไห้ไปขอความช่วยเหลือจากอวิ๋นหลิงท่านย่าสาม
สิ้นเสียงของหลิวฉิง ในอากาศก็เกิดความเงียบชั่วครู่
คนอื่นๆ “...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...