อวิ๋นหลิงไม่ได้อ่อนแอเหมือนพี่ใหญ่ สมองทำงานได้เร็วกว่านาง ควบคุมอารมณ์ได้เก่งมาก แถมยังมีรูปโฉมงดงามยิ่งที่อาจหลอกศัตรูให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มได้ง่าย
ส่วนน้องเล็กไม่ต้องพูดถึง หากไม่มาช่วยในทุกภารกิจได้จะขอบคุณฟ้าดินเลย
หลิวฉิงเคยนึกสงสัยไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งว่าน้องเล็กเป็นไส้ศึกที่ศัตรูส่งเข้ามา ทุกครั้งที่ออกไปทำภารกิจ ขอเพียงมีนางอยู่ด้วย สถานการณ์ที่สู้กันสี่ต่อสี่ก็จะพลิกผันเป็นสามต่อห้าได้อย่างง่ายดาย
ในภารกิจกลุ่ม นางกับอวิ๋นหลิงเป็นคู่หูที่เข้าขารู้ใจกันมากที่สุด อัตราความสำเร็จของภารกิจแบบสองคนสูงถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อใดที่มีน้องเล็กรวมอยู่ด้วยนั้นจะน้อยกว่าสิบเปอร์เซ็นต์
แค่คิดก็โมโหแล้ว แทบอยากจะดีดมะกอกน้องเล็กสักสองทีแล้วอยู่ให้ห่างสักหนึ่งแสนแปดพันลี้ในทันที
กู้ฉางเซินทอดสายตาไปทางนาง ใบหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย ในดวงตาผุดรอยยิ้มพรายจางๆ
“น้อยนักที่จะเห็นเจ้ามั่นใจในคนคนหนึ่งถึงเพียงนี้ เห็นทีปี้เฉิงจะได้แต่งงานกับพระชายาที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว”
เขาเริ่มอยากรู้จักอวิ๋นหลิงมากขึ้นเรื่อยๆ อยากพบสหายของหลิวฉิงที่มาจากอีกโลกหนึ่งโดยเร็วที่สุดอย่างอดไม่ได้
เซียวปี้เฉิงฟังคำพูดของหลิวฉิงแล้ว ก็อดสงบสติอารมณ์ที่ว้าวุ่นลงเล็กน้อยไม่ได้
เขาเหลือบมองสีหน้าท่าทางของกู้ฉางเซิน รู้สึกว่าสายตาที่เขามองหลิวฉิงนั้นไม่ใคร่ปกตินัก สหายสนิทในความทรงจำนั้นมักจะมีท่าทีเย็นชาห่างเหิน แย้มยิ้มไปไม่ถึงดวงตา
แต่หลังจากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างกู้ฉางเซินกับตระกูลฟงแล้ว เซียวปี้เฉิงก็รู้สึกโล่งใจ
ได้ยินว่าตอนที่กู้ฉางเซินตกอยู่ในเงื้อมมือของสตรีแคว้นเหมียวในหนานเจียงนั้นก็ได้แม่ทัพอาวุโสฟงช่วยชีวิตไว้ ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์พิเศษกับตระกูลฟง
ด้วยบุญคุณในการช่วยชีวิตครั้งนี้ กู้ฉางเซินจึงดูแลพี่น้องตระกูลฟงทั้งสามคนมาอย่างดีตลอด
เซียวปี้เฉิงไม่คิดมากอีกต่อไป
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บตามเนื้อตามตัวแล้ว เฉียวเย่ก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านอ๋อง! หากคนเหล่านี้ไม่กลับไปรายงานภารกิจ จะต้องส่งคนมาค้นหาอย่างแน่นอน ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีขอรับ”
เซียวปี้เฉิงกวาดตามองซากศพรอบตัวแวบหนึ่ง นัยน์ตาหม่นแสงลงเล็กน้อย
หากชายหนุ่มชุดเทายังไม่กลับไปรายงาน เผ่าทูเจวียจะส่งคนมาค้นหาเป็นแน่ ขืนรู้ว่าเขายังไม่ตาย ก็จะคิดหาสารพัดวิธีมาขัดขวางไม่ให้เขากลับเมืองหลวงแน่ๆ
คิดถึงตรงนี้ สุดท้ายเขาก็เลือกศพที่มีขนาดใกล้เคียงกับตัวเขา และเปลี่ยนชุดเกราะบนร่าง โดยทิ้งหอกพู่ยาวที่เป็นสัญลักษณ์แสดงศักดิ์ฐานะไว้ด้วย
กู้ฉางเซินพยักหน้าน้อยๆ “ได้ยินจากเจ้าของโรงเตี๊ยมว่าในป่าเขาละแวกนี้มีสุนัขจิ้งจอก หมาใน กับหมาป่าจำนวนมาก หากคนถูกโจมตีอยู่ในป่า วันรุ่งขึ้นจะเหลือเพียงกระดูกอย่างเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ เผ่าทูเจวียคงคิดว่าพวกท่านถูกฝังอยู่ในป่าไปหมดแล้ว”
เซียวปี้เฉิงจ้องมองไปยังศพอื่นๆ สายตาเจ็บปวดรวดร้าวใจเป็นอย่างยิ่ง “น่าเสียดายทหารหลายนายของแคว้นต้าโจว”
หลิวฉิงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะช่วยเจ้าขุดหลุมฝังพวกเขาเอง”
“ขอบคุณ”
ท้ายที่สุดแล้วเซียวปี้เฉิงก็ไม่อยากให้ทหารของแคว้นต้าโจวเหล่านี้ถูกสุนัขจิ้งจอก หมาใน และหมาป่ากัดกิน ด้วยความช่วยเหลือของพวกหลิวฉิง จึงขุดหลุมลึกขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรแล้วฝังคนไว้ในนั้น
เขาจดจำตำแหน่งและทิศทางโดยรอบ เพื่อวันหน้าจะได้นำดวงวิญญาณของทหารเหล่านี้กลับไปยังบ้านเกิดของพวกเขา
หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จก็เกือบจะรุ่งเช้า
เฉียวเย่เดินเหินไม่สะดวก เย่ว์อิ่นกับซิงเฉินจึงช่วยแบกเขากลับไปที่โรงเตี๊ยม ทุกคนรีบพักผ่อน ตัดสินใจออกเดินทางไปยังหมู่บ้านน้ำพุร้อนโดยเร็วที่สุด
ระหว่างทาง ฉวยจังหวะตอนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่อยู่ หลิวฉิงก็ถามเซียวปี้เฉิงเป็นการส่วนตัวเงียบๆ ว่า
“น้องเขยสาม ก่อนหน้านี้พลังจิตของเจ้าปั่นป่วน แล้วตอนนี้มีอะไรแปลกๆ บ้างหรือไม่”
เซียวปี้เฉิงหยุดกึกไปชั่วครู่ “ก็ไม่มีอะไรนะ เหมือนยามปกติเลย”
ถือได้ว่าโชคดีในเคราะห์ร้าย ตอนนั้นพลังจิตของเขาหมดสิ้นไม่เหลือหลอ มาบัดนี้เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าหลังจากฟื้นตัวอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ดูเหมือนเขาจะรู้สึกว่าพลังจิตของตนแปรเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ เล็กน้อย
หลิวฉิงเลิกคิ้ว “เจ้าไม่รู้สึกหิวเลยหรือ”
เซียวปี้เฉิงส่ายหน้า ในใจยังคงรู้สึกหนักอึ้งอยู่บ้าง “กินไม่ลง”
หลิวฉิงตกใจเล็กน้อย การโคจรพลังจิตจะใช้พลังงานทั้งกายและใจมหาศาล หากพลังจิตหมดไปแล้วเติมไม่ทันเวลา ก็มีตัวอย่างผู้ที่หิวโหยจนตายทั้งเป็นอยู่มากมาย
เมืองหลวง
แสงตะวันในยามวสันต์สาดส่องมายังตำหนักกระทบกำแพงสีแดงและกระเบื้องสีเขียว ดอกท้อที่บานสะพรั่งในต้นฤดูใบไม้ผลิของเดือนสามก็พลิ้วไหวน้อยๆ
บรรยากาศในวังหลวงอึมครึมและหนักอึ้ง ไม่มีผู้ใดสนใจจะเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพยามฤดูใบไม้ผลิ
หลังจากอวิ๋นหลิงตามคนของเสียนอ๋องเข้าวังมานั้น อีกฝ่ายก็พานางไปพำนักอยู่ในตำหนักก่อน จากนั้นจึงรีบออกไป
สาวใช้ที่ปรนนิบัตินางชื่ออิ๋งชุน เป็นคนของจวนเสียนอ๋อง
“ข้าจะไปพบเสด็จพ่อได้เมื่อใด”
อิ๋งชุนย่อกาย แล้วตอบด้วยความเคารพ “พระชายาจิ้งอ๋องโปรดอดทนรอคำสั่งของนายท่าน หากท่านรู้สึกเบื่อหน่ายในตำหนัก บ่าวจะพาท่านเดินไปรอบๆ วังได้เพคะ”
อวิ๋นหลิงนิ่วหน้าเล็กน้อย ก่อนคลายออกอย่างรวดเร็ว “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็พาข้าออกไปเดินเล่นสิ”
ก่อนหน้านี้เย่อีเคยส่งข่าวมาว่า บัดนี้นางสนมในวังล้วนถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนักของแต่ละคน ห้ามออกไปข้างนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต
เสียนอ๋องไม่ได้ห้ามเท้าของนาง อนุญาตให้นางเดินไปรอบๆ วังบางส่วนได้ เพียงแต่ไม่ว่าจะไปที่ไหน อิ๋งชุนกับองครักษ์สองคนจะติดตามนางไปด้วย
อวิ๋นหลิงเดินไปรอบๆ บริเวณ แล้วสังเกตสถานการณ์โดยรอบวังหลวงอย่างเงียบเชียบ
ขณะเดินไปถึงมุมทางเดิน นางก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาผสมกับเสียงสะอื้นที่น่าหวาดกลัวของสตรีผู้หนึ่ง
“แม่ทัพเกอซูปู้ ท่านเสียนอ๋องมีคำสั่ง ท่านอย่า...”
“ออกไป!” ผู้ชายแปลกหน้าที่อารมณ์ฉุนเฉียว พูดด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน “แค่นางกำนัลตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แม่ทัพอย่างข้าชมชอบนาง ถือเป็นบุญของนางแล้ว!”
อวิ๋นหลิงเหลือบมองไปยังทิศทางนั้น เป็นเสียงที่ดังมาจากทางตำหนักหย่งเล่อ ซึ่งเป็นตำหนักนอนของสนมลี่ผิน มารดาบังเกิดเกล้าขององค์ชายหก
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนหันกลับเดินไปทางตำหนักหย่งเล่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...