พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 349

สรุปบท ตอนที่ 349 กำราบเกอซูปู้: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนที่ 349 กำราบเกอซูปู้ – ตอนที่ต้องอ่านของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 349 กำราบเกอซูปู้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

อวิ๋นหลิงเดินตามหลังนางกำนัล มาถึงตำหนักร้างแห่งหนึ่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หน้าประตูมีทหารเฝ้าอยู่สามถึงห้าคน

บนโต๊ะมีกาเหล้าอยู่สองกา จัดวางพร้อมกับอาหารเลิศรส กำลังกรุ่นด้วยไออุ่น น่าจะเพิ่งส่งมาจากทางห้องเครื่อง

นางกำนัลพานางเดินเข้าไป พร้อมโค้งคำนับ “พระชายาโปรดรอซักครู่ ไม่นานท่านเสียนอ๋องจะรีบมาพบ”

เป็นใครก็ดูออกว่านี่คือหลุมพราง อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ในใจแอบคิดว่าคงเป็นฝีมือเจ้าคนถ่อยเกอซูปู้แน่นอน

นางพยักหน้ารับคำ “รู้แล้ว เจ้าออกไปก่อน”

ในเมื่ออยากหาเรื่องใส่ตัว งั้นนางก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน

เพียงไม่นาน ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเป็นจังหวะ อวิ๋นหลิงหันหน้าไปดู ก็เห็นเกอซูปู้พาทหารกบฏหลายคนเดินมาถึงหน้าประตูตำหนักจริง ๆ

สายตาของอวิ๋นหลิงไปอยู่ที่ทหารด้านหลังเขาคนหนึ่ง สองฝ่ายประสานสายตากันแวบหนึ่ง พร้อมกับเบนไปทางอื่นโดยไม่ต้องนัดหมาย

ในยามกลางวัน คนของเย่ซื่อได้แฝงตัวมาอยู่ในกองทัพกบฏเรียบร้อยแล้ว

“อ้างชื่อของเสียนอ๋องหลอกข้ามานี่ แม่ทัพเกอซูปู้ต้องการอะไรแน่?”

อวิ๋นหลิงแอบถอนใจเบาๆ สีหน้าปรากฏแววไม่สู้พอใจนัก ถามออกไปทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

“ฮ่า ๆ ๆ กลัวว่าพระชายาจิ้งอ๋องจะไม่ยอมให้เกียรติ ข้าจึงต้องใช้วิธีเช่นนี้”

เกอซูปู้หัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็ปรบมือ ให้คนข้างหลังเอาของออกมา อวิ๋นหลิงปรายตาดู สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เพราะเห็นเหล่าทหารนำสิ่งของสามอย่างที่นางคุ้นเคยอย่างที่สุดเข้ามา

ชุดเกราะที่เปื้อนโลหิต ป้ายคำสั่งสลักคำว่าจิ้ง และทวนสีเงินที่เปล่งประกายแวววาว

เกอซูปู้มองดูสีหน้าอวิ๋นหลิงด้วยความพึงพอใจ ยิ้มพลางเดินขึ้นหน้ามา “ของสามสิ่งนี้ เชื่อว่าพระชายาจิ้งจอกน่าจะรู้จักดี”

อวิ๋นหลิงกำผ้าเช็ดหน้าแน่น สายตามองที่เขาอย่างโกรธเคือง น้ำเสียงสั่นระริก “เจ้าไปเอามาจากไหน? เขาเป็นยังไงบ้าง?”

“เฮ่ย...ใครเลยจะไปถึง ว่าเทพสงครามจิ้งอ๋องแห่งต้าโจว ออกศึกทุกครั้งไม่เคยปราชัย สุดท้ายกลับต้องตายอยู่กลางป่า ปล่อยให้สัตว์รุมแทะจนเหลือแต่กระดูก”

เกอซูปู้พูดเนือย ๆ แต่แฝงด้วยน้ำเสียงอาลัยอาวรณ์ ใบหน้าคมเข้มนั้นมีรอยยิ้มมากขึ้น โดยไม่มีความเสียใจแม้แต่น้อย

“น่าเสียดาย...เสียดายนัก!”

อวิ๋นหลิงแอบด่าในใจ โง่แล้วยังพล่ามเยอะอีก

จากนั้นก็ทำตัวอ่อนทรุดไปนั่งกับเก้าอี้ จ้องมองเขาด้วยน้ำตาคลอ แววตาเต็มไปด้วยความแค้นและไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

“ไม่...เป็นไปไม่ได้ เจ้าหลอกข้า ท่านอ๋องจะต้องไม่เป็นอะไร!”

นัยน์ตากลมโตเต็มไปด้วยหยาดน้ำวาวใส ราวกับมีม่านหมอกมาปกคลุม ใบหน้าเรียวมนตกใจจนซีดเผือด สันจมูกกลับกลายเป็นแดงเรื่อขึ้น

อารมณ์ตื่นเต้นหวาดกลัวผสมผสานกับความอดทนแข็งแกร่ง ทำเอาเกอซูปู้เกิดความรุ่มร้อนในใจ จ้องมองนางอย่างตะลึงลาน จนเกือบลืมไปว่าต้องพูดอะไรอีก

ชาติที่แล้วอวิ๋นหลิงเคยใช้หน้าตาและฝีมือการเล่นละครของนาง ทำให้หนุ่มหลายคนเคลิบเคลิ้มไหลหลง ชนิดที่ว่า “ต้องการสไตล์ไหน ฉันจะจัดให้หมด”

แต่ในชีวิตจริงนางกลับเป็นคนขวานผ่าซากตรงไปตรงมา จึงไม่มีใครรู้ว่านางก็เล่นละครเก่งเหมือนกัน

เมื่อเห็นความเคลิ้มของเกอซูปู้แล้ว อวิ๋นหลิงก็ให้นึกขำในใจ แต่สีหน้ายังคงเรียบเฉยอยู่

“อยู่ต้องพบคน ตายต้องเห็นศพ ข้าไม่เชื่อว่าท่านอ๋องจะตายแล้วจริง ๆ!”

เกอซูปู้เหมือนถูกนางสะกดจิตเข้า ต้องมนต์จนวิญญาณแทบจะออกนอกร่าง จนพักใหญ่ถึงได้ตั้งสติกลับมา

“ร่างของจิ้งอ๋องถูกกัดแทะจนเหลือแต่กระดูกแล้ว พระชายาจะดูไปทำไมอีก? เขาเป็นคนบุญน้อย เสียดายก็แต่พระชายาที่ต้องครองตัวเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว”

เกอซูปู้เดินขึ้นหน้า ใช้สายตาอันเร่าร้อนจ้องมองอวิ๋นหลิง พลางลดเสียงต่ำส่อแววเชิญชวน

“เฮ่ย ทีแรกว่าจะให้ตัดหัวเขามา ให้มาดูอยู่ข้าง ๆ คงจะสนุกพิลึก แต่ไม่รู้ว่าจะตายตาหลับหรือเปล่า?”

อวิ๋นหลิงข่มความรู้สึกที่แทบอยากฆ่าเขาซะ แอบปรายตามองดูเขาเล็กน้อย

อีกฝ่ายเริ่มมีสติไม่มั่นคง เป็นเวลาที่การระวังภัยเปราะบางที่สุด ดูท่าแผนสาวงามของนางจะได้ผลจริง ๆ

การควบคุมทางจิตของมนุษย์แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน คนที่มีจิตแน่วแน่ จะสามารถต้านการจู่โจมของพลังจิตได้มากกว่า ดังนั้นคนฝึกวรยุทธ์จะเล่นงานยากกว่าคนธรรมดาทั่วไป

เกอซูปู้ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยาก ศัตรูระดับอย่างเขา อวิ๋นหลิงต้องใช้พลังจิตทั้งหมดที่มี จนมั่นใจว่าสามารถฆ่าสองคนได้ในพริบตาด้วยซ้ำ

แต่ว่า การใช้พลังจิตที่ถูกต้อง จะไม่ยอมให้ตัวเองตกอยู่ในภาวะพลังจิตสูญสิ้นเป็นอันขาด

เมื่อเกอซูปู้สั่งการ เหล่าทหารกบฏก็พากันออกไป อวิ่นหลิงรีบใช้มือส่งสัญญาณให้แก่เย่ซื่อโดยไม่มีใครรู้

เย่ซื่อมีความกังวลในดวงตา แต่ก็อดทนพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ ติดตามทหารกบฏถอยหลังออกไป

เกอซูปู้ปิดประตูทันที สายตารุ่มร้อนจับจ้องที่อวิ๋นหลิง พร้อมรินเหล้าและยื่นส่งให้นาง

“มา ขอดื่มให้พระชายาหนึ่งถ้วย...”

จากนั้น เขาก็รีบเอื้อมมือไปทางอวิ๋นหลิง คิดจะโอบเอวนางเข้ามา

ยังไม่ทันแตะถูกชายเสื้อ ฉับพลันก็มีอาการคล้ายกับเวียนศีรษะ

เห็นรอยยิ้มของสาวงามที่อยู่เบื้องหน้ากลายเป็นยิ้มแสยะ เกอซูปู้เกิดความตกใจ สติสัมปชัญญะเข้าสู่ภวังค์แห่งความมืดมิดอยู่ครู่หนึ่ง

เสียงถ้วยแตก “เพล้ง” ลงบนพื้น เหล้าสาดกระจาย อวิ๋นหลิงเอาเท้าเหยียบบนตัว เอื้อมมือไปดึงมีดสั้นที่เหน็บอยู่ข้างเอวของเกอซูปู้ออกมา

“ล่าสุดที่มีผู้ชายมาทำกรุ้มกริ่มกับข้า ป่านนี้ไปนอนสบายอยู่ในหลุมแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ