พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 355

อาสื่อน่าเอ้อร์ดึงตัวเองออกจากความตกใจแล้วก็ตะโกนดังลั่น

“รีบขัดขวางจักรพรรดิแห่งต้าโจวไว้ จงสกัดล้อมไว้ คนพวกนั้นไม่กล้าใช้อาวุธส่งเดช”

จักรพรรดิจาวเหรินมองอาสื่อน่าเอ้อร์ปราดหนึ่ง แม่ทัพคนนี้มีสมองกว่าชาวทูเจวียอื่นเยอะ รู้ว่าเข้าใกล้พวกเขาแล้วพลปืนไฟจะไม่กล้ายิงส่งเดช

แต่พระสนมลี่ผินมีปฏิภาณไหวพริบเร็วกว่า นางยกมืออันขาวนวลขึ้นด้วยแววตาสุขุม ขนนกยูงเปล่งประกายแสงงดงามใต้แสงแดด

จากนั้นอาวุธลับมากมายก็พุ่งไปยังข้าศึก ข้าศึกล้มระเนระนาดชนิดที่ไม่อาจลุกขึ้นได้ในชั่วพริบตา

ร่างกายจักรพรรดิจาวเหรินสั่นเทิ้ม ตอนที่อาสื่อน่าเอ้อร์นำคนกลุ่มใหญ่มา เขายังไม่รู้สึกกลัวเลย ทว่าการเคลื่อนไหวและการตอบสนองของพระสนมลี่ผินส่งผลให้เขากระวนกระวายใจเล็กน้อย

องค์ชายหกประคองจักรพรรดิจาวเหรินแล้วรีบเอ่ยว่า “เสด็จพ่อ พวกเรารีบไปกันเถิด”

ไม่รอให้พวกเขาขยับไปไหน ประตูพระที่นั่งบำรุงฤทัยก็มีทหารยอดฝีมือพุ่งเข้ามาจำนวนมาก ในมือแต่ละคนล้วนมีปืนคาบศิลาทั้งสิ้น ใบหน้าเข้มขรึม

“ปกป้องฝ่าบาท”

เมื่อเย่อีสั่งการ พลปืนไฟก็ยิงใส่ข้าศึกแบบไม่ยั้ง กำจัดลูกน้องของอาสื่อน่าเอ้อร์อย่างหมดสภาพในระยะเวลาอันสั้น

ฝูกงกงรู้สึกโล่กำบังงอก พูดด้วยความตื้นตัน “เป็นกองกำลังเสริมของจิ้งอ๋อง ท่านจิ้งอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

อาสื่อน่าเอ้อร์ได้ยิน เขาไม่ทันตกตะลึงก็ได้ยินหน่วยสอดแนมของชาวทูเจวียส่งเสียงหวาดกลัวออกมา

“ท่านแม่ทัพอาสื่อน่าเอ้อร์ แย่แล้ว จิ้งอ๋องนำกองทัพบุกเข้าวังแล้ว ท่านแม่ทัพเกอซูปู้กับท่านแม่ทัพอาสื่อน่าหลี่แพ้แล้ว”

“เจ้าพูดอะไรน่ะ?”

อาสื่อน่าเอ้อร์ตกใจ สถานการณ์ภายในพระที่นั่งบำรุงฤทัยตลับปัตรเพียงไม่กี่อึดใจ เขาสั่งการให้ลูกน้องถอยทันที

“รีบถอยไป สถานการณ์เปลี่ยนไป ไปรวมตัวกับท่านข่าน”

เขาเพิ่งจะสั่งการเสร็จ ขาด้านซ้ายก็โดนเย่อียิง โลหิตไหลทะลักไม่หยุด

อาสื่อน่าเอ้อร์ส่งเสียงด้วยความเจ็บปวด ได้สัมผัสความร้ายกาจของอาวุธประหลาดของชาวต้าโจวแล้ว

เขาใช้โล่กำบังฝ่ากระสุนที่จู่โจมเข้ามาดั่งสายฝนโปรยปราย กอปรกับมีทหารรอดชีวิตคุ้มกัน จึงสามารถหนีไปในขณะที่ขาบาดเจ็บได้

ด้านหน้าพระที่นั่งบำรุงฤทัยมีศพเกลื่อนกลาด โลหิตหลั่งไหลดุจน้ำในลำธาร เมื่อสายลมโชยมา กลิ่นคาวเลือดกับกลิ่นดินปืนก็คลุกเคล้าเข้าหากัน ยากจะเลือนหาย

ได้กลิ่นแล้วชวนสะอิดสะเอียนยิ่งนัก จักรพรรดิจาวเหรินใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย

พระสนมลี่ผินพยุงจักรพรรดิจาวเหรินด้วยความห่วงใย แกะถุงหอมบนเอวแล้วส่งไปใต้จมูกเขา

“ฝ่าบาทดมอันนี้แล้วจะรู้สึกดีขึ้นเพคะ”

เมื่อกลิ่นหอมของต้นไผ่โชยมาแตะจมูก จักรพรรดิจาวเหรินก็รู้สึกดีขึ้น

ใบหน้าแข็งทื่อของเขามองพระสนมลี่ผินแล้ว กลับเห็นสตรีเปราะบางเช่นนี้เห็นภาพอันสยดสยองแล้วไม่ขมวดคิ้วเลยสักนิด

“ขอบใจสนมรัก ข้าไม่เป็นไร”

จักรพรรดิจาวเหรินครุ่นคิดสุดความสามารถ เมื่อก่อนเขาไม่เคยทำร้ายน้ำใจพระสนมลี่ผินใช่ไหม?

ระหว่างที่เขาคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น เย่อีก็คุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าจักรพรรดิจาวเหริน

“ข้าน้อยมาอารักขาช้าไป ฝ่าบาทโปรดลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าลุกขึ้นเถอะ” จักรพรรดิจาวเหรินปรับอารมณ์แล้วถามเขาเสียงขรึม “สถานการณ์ภายในวังเป็นเช่นไรบ้าง?”

“ทูลฝ่าบาท ยามนี้กองทัพเสียนอ๋องกับกองทัพทูเจวียกำลังต่อสู้กันพ่ะย่ะค่ะ เกอซูปู้กับอาสื่อน่าหลี่เสียชีวิตแล้ว ยามนี้ถือว่ากองทัพทูเจวียแตกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“โฮก”

เจ้าเสือขี้แยหมอบแล้วโต้ตอบด้วยความเนื้อใจ พวกนางเล่นมาขี่พร้อมกันสองคน มันก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ

พวกเขาสามคนเดินอ้อมเจ้าเสือขี้แย เพิ่งเดินเข้าใกล้ตำหนักจื่อเฉินก็ได้ยินเสียงตะโกนของอันชินอ๋อง

“เว่ยฉือโม่ ปล่อยนาง”

อวิ๋นหลิงเงยหน้ามองก็เห็นตาเฒ่าน้อยนั่งบนเก้าอี้ ด้านหลังเขามีหัวปืนคาบศิลาเล็งไปยังทหารอ๋องทูเจวียผู้เฒ่ากับทหารของเสียนอ๋อง

เห็นได้ชัดว่าฝ่ายอ๋องทูเจวียผู้เฒ่าไร้กำลังจะคว้าชัยชนะแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจับตัวจี้ซูเฟยเมื่อใด นางพูดบีบคอแน่น เผยใบหน้าเจ็บปวดออกมา

ส่วนอันชินอ๋องจับตัวฮองเฮาเฟิงที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงกับองค์หญิงหกไว้ เป็นการเผชิญหน้ากันสามฝั่งสามฝ่าย ไม่มีฝ่ายไหนกล้าบุ่มบ่าม

พระเจ้าหลวงพูดด้วยใบหน้าเข้มขรึม “เว่ยฉือโม่ ยามนี้เจ้าสูญเสียกำลังแล้ว รีบศิโรราบเสีย”

ความลำพองใจไม่หลงเหลือบนใบหน้าอ๋องทูเจวียผู้เฒ่า เขามองพวกอันชินอ๋องด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม “ข้าประเมินพวกเจ้าต่ำไป อาวุธที่เหมือนกระบอกเหล็กคือไม้เด็ดของพวกเจ้าหรือ?”

ใบหน้าอันชินอ๋องเปลี่ยนสีอีกครั้ง ทหารคุ้มกันลี้ลับที่โผล่มากะทันหันนี้ ไม่ใช่ลูกน้องของพวกเขา

อาวุธในมือพวกเขายิ่งอัศจรรย์ใจ พวกเขามีกันแค่ไม่กี่สิบคน แต่สามารถกำจัดข้าศึกได้หลายเท่าตัว

โชคดีที่ทหารคุ้มกันชุดนี้มาทันท่วงที จากที่ตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดก็พลิกแพลง และพวกเขาก็สามารถกดดันฝ่ายอ๋องทูเจวียผู้เฒ่าได้ด้วย

“พวกเจ้าคิดว่าแผนการของพวกเจ้ารัดกุมมากหรือ?” พระเจ้าหลวงส่งเสียงฮึดฮัด “ข้ารู้ตั้งนานแล้วว่าอันชินอ๋องร่วมมือกับพวกเจ้า ปืนคาบศิลานี้เตรียมไว้เพื่อพวกเจ้าโดยเฉพาะ หากข้าออกคำสั่ง พวกเจ้าก็ต้องไปเจอยมบาลแล้ว”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ไม่ใช่เพียงอ๋องทูเจวียผู้เฒ่า พวกเสียนอ๋องล้วนมองพระเจ้าหลวงด้วยความตกตะลึง

อันชินอ๋องขดตา “เสด็จพ่อรู้ตั้งนานแล้วหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ