พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 375

“ช่างบังอาจเกินไปแล้ว ข้าเป็นถึงโอรสสวรรค์ เจ้าปฏิบัติต่อข้าด้วยท่าทีเช่นนี้ เจ้ายังเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือไม่”

จักรพรรดิจาวเหรินลุกขึ้นยืนทันที อกของเขากระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุดด้วยโทสะ

“เจ้าอาศัยว่าตนเองมีความสามารถมีความดีความชอบ อยากจะเอาชนะข้าให้ได้ใช่หรือไม่”

อวิ๋นหลิงไม่ได้หลบเลี่ยงสายตาของเขา “ถ้าหากหม่อมฉันเป็นดั่งที่พระองค์พูด อาศัยว่าตนเองมีความสามารถอยากจะเอาชนะพระองค์ เช่นนั้นแม่แต่ประตูจวนอ๋องจิ้งทรงก็เข้ามาไม่ได้แล้ว หากเปลี่ยนเป็นรุ่ยอ๋อง ทรงคิดว่าหม่อมฉันจะสนใจเขาหรือไม่”

หากเปลี่ยนเป็นรุ่ยอ๋องมาหาเรื่อง เขาไม่เพียงแต่จะเข้ามาในจวนไม่ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกตีสั่งสอนและไล่ตะเพิดออกไปด้วยซ้ำ

จักรพรรดิจาวเหรินสะอึกไป รู้สึกว่าอวิ๋นหลิงสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้จริง เพราะเจ้าใหญ่ถูกนางรังแกมาไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว

“ทรงมักจะคิดว่าหม่อมฉันล่วงเกินพระองค์อยู่เสมอ แต่แท้จริงแล้วหม่อมฉันปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นโอรสสวรรค์ขุนนางหรือว่าพ่อค้าและบ่าวไพร่ อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรแตกต่างกัน คนอย่างหม่อมฉันมีเหตุผลมาก พิจารณาทุกอย่างไปตามเนื้อผ้า”

อวิ๋นหลิงพูดอย่างสบายอกสบายใจ แต่กลับทำให้จักรพรรดิจาวเหรินอึ้งตะลึงไปนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา

นางหนูคนนี้คงจะบ้าไปแล้ว โอรสสวรรค์กับขุนนางจะไปเท่าเทียมกับพ่อค้าและบ่าวไพร่ได้อย่างไร

เซียวปี้เฉิงกลับพบว่าคำพูดประโยคนี้ของอวิ๋นหลิงซื่อสัตย์มาก อดไม่ได้ที่จะนิ่งคิดไม่ชั่วครู่

จำได้ว่าเคยได้ยินมาว่า ในโลกของพวกนางนั้นไม่มีฮ่องเต้ ทุกชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน

อวิ๋นหลิงไม่เข้ากับแคว้นต้าโจวเลย ไม่เคยพูดคำว่า”เท่าเทียม” และไม่เคยบังคับปลูกฝังหรือเปลี่ยนความคิดของคนอื่น

แต่นางจะท้าทายระเบิดอารมณ์ต่อจักรพรรดิจาวเหรินและหวงกุ้ยเฟย ปฏิบัติต่อบ่าวไพร่อย่างตงชิงและลู่ฉี ก็ไม่เคยวางท่าว่าอยู่เหนือกว่า

ก็เหมือนที่นางพูด ไม่ว่าใครที่อยู่ตรงหน้านางล้วนเท่าเทียมกัน

แม้ว่านางจะมีความสามารถที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ก็ไม่เคยทำให้เกิดความรู้สึกเหนือกว่า และเหยียดหยามผู้อื่น

นางค่อนข้างทำอะไรอย่างเสรีไม่สนใจใคร แต่คำพูดและการกระทำสอดคล้องกัน

จักรพรรดิจาวเหรินได้สติกลับคืนมา มองนางด้วยสายตาซับซ้อน ค่อยๆเอ่ยขึ้นมาว่า “ดี ข้าจะถอยให้ก้าวหนึ่งอย่างใจกว้าง ไม่ถือสาคนที่อาวุโสน้อยกว่าอย่างเจ้า ทำตามที่เจ้าบอก ว่าไปตามสิ่งที่เกิดขึ้น”

แน่นอนอยู่แล้ว เหตุผลที่เขายอมถอยให้ไม่ใช่เพราะกลัวถูกอวิ๋นหลิงไล่ตะเพิดออกไปแน่นอน ไม่เช่นนั้นต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้เขาคงเสียหน้าแย่

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากข้าอนุญาตให้สองสามีภรรยาอย่างเจ้าใหญ่หย่ากัน จะทำให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวง”

“หนึ่ง ข้าเป็นคนประทานงานแต่งงานให้พวกเขาสองคน ถ้าหากหย่ากัน ไม่เท่ากับเป็นการประกาศให้ใต้หล้าได้รู้ว่าข้าประทานงานแต่งผิดคู่หรอกหรือ คนที่จะเสียหน้าเป็นอันดับแรกเลยก็คือราชวงศ์ และยังเป็นการทำลายความน่าเกรงขามของราชวงศ์ด้วย แล้วจะให้ขุนนางในราชสำนักมองเรื่องนี้อย่างไร”

“สอง พระชายารุ่ยอ๋องได้ตั้งครรภ์ห้าเดือนแล้ว กฎหมายของราชวงศ์ไม่อนุญาตให้หญิงตั้งครรภ์หย่า ผู้ชายเองก็ไม่สามารถหย่าภรรยาในช่วงตั้งครรภ์ได้เช่นกัน”

“สาม แม้จะตัดสินให้หย่ากันได้ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะจัดการกับเด็กอย่างไร นอกจากนี้หรงฉานก็อายุยังน้อย ทั้งคลอดลูกทั้งหย่าสามี อีกครึ่งชีวิตของนางเจ้าจะให้นางหาคู่แต่งงานที่ดีอีกได้อย่างไร”

วิเคราะห์เรื่องเหล่านี้จนจบแล้ว จักรพรรดิจาวเหรินก็เอ่ยขอร้องด้วยความหวังดี “ข้ารู้ว่าเจ้ามีนิสัยเกลียดชังคนชั่ว ตรงไปตรงมา หรงฉานเองก็ได้รับความเจ็บปวดจริงๆ แต่พวกเจ้าไม่ควรให้เรื่องเล็กน้อยหลังบ้านกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม”

อวิ๋นหลิงฟังสิ่งที่จักรพรรดิจาวเหรินพูดจนจบอย่างให้เกียรติ ก่อนจะเอ่ยปากตอบโต้เขา

“ข้อแรก เรื่องประทานงานแต่งงานเป็นความผิดของพระองค์ หรงฉานเป็นลูกสาวคนเดียวของจวนเจิ้นกั๋วกง เพราะความเห็นแก่ตัวของพระองค์เองจึงได้ให้นางแต่งงานกับรุ่ยอ๋อง รุ่ยอ๋องกลับไม่รู้ชั่วดี ทำให้นางต้องเจ็บปวดอยู่ซ้ำๆ คนทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้ดีว่าตอนแรกนั้นรุ่ยอ๋องต้องการจะแต่งงานกับฉู่อวิ๋นหานด้วยใจแน่วแน่ ตอนนี้เจ้าโง่คนนั้นในสายตาคนทั้งใต้หล้า ก็เป็นแค่คนโง่เขลาเบาปัญญาที่ถูกสายลับปั่นหัวเท่านั้น เขาโง่เองก็แล้วไปเถอะ กลับดึงหรงฉานให้ถูกนินทาร่วมด้วยอีกคน”

“ที่นางต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างทุกวันนี้ เสด็จพ่อก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเช่นกัน เพราะความผิดของพระองค์มิใช่หรือ ทำไมเพคะ ทรงทำผิดแล้วไม่ต้องยอมรับผิดหรือเพคะ”

สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินเขียวคล้ำ กำลังจะอ้าปากพูด ก็ถูกอวิ๋นหลิงตัดบทอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ