พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 523

พอคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ หลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา สองขาอ่อนแรง ในใจมีความกลัวและตื่นตระหนกถาโถมขึ้นมา

ราชครูแห่งแคว้นตงฉู่......เป็นคนที่แม้แต่ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงฉู่ยังต้องให้เกียรติกว่าสามส่วน ไม่ใช่คนที่นางจะล่วงเกินได้เลย

ภายใต้แรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน หลี่เมิ่งเอ๋อร์ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง มาดอันโอหังและความมั่นใจที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ก็มลายหายไปสิ้น เอ่ยปากแก้ตัวด้วยอาการสั่นเทา

“ไม่......นาง......ข้า.....เป็นนางที่เตะจูเอ๋อร์ลงไปในทะเลสาบ......ยัง......ทำให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้......”

เฟิ่งเหมียนเชิดคางขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง “ข้ากำลังถามเจ้าว่า บาดแผลบนใบหน้าศิษย์น้องข้าเจ้าเป็นคนทำหรือ”

ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยสถานะ เขาได้แต่ยอมรับว่าเสวียนจีเป็นศิษย์น้องของตนเองเท่านั้น

เสวียนจีพยักหน้าอย่างแรง จ้องมองหลี่เมิ่งเอ๋อร์อย่างโมโห “นางเป็นคนทำ นางเป็นคนหาเรื่องก่อน ทั้งๆที่จำคนผิดยังหาเรื่องข้าไม่หยุด ใครใช้ให้สาวใช้ซื่อบื้อคนนั้นจับข้าเอาไว้”

“ข้าก็แค่ป้องกันตนเอง จึงจำใจต้องเตะสาวใช้คนนั้นลงไปในสระ ถ้าหากไม่ทำเช่นนั้น ไม่แน่ว่าอาจถูกพวกนางจับโยนลงไปจนจมน้ำตายแล้ว......”

“หลังจากนั้นคนที่ใส่ชุดสีส้มยังตบหน้าข้าอีก ข้าเป็นถึงศิษย์น้องของราชครูแห่งแคว้นตงฉู่ ย่อมไม่สามารถให้คนอื่นรังแกเหยียดหยามได้ง่ายๆ จึงได้ลงมือกับนางบ้าง”

“ฮือๆๆ......ศิษย์พี่ต้องช่วยข้าตัดสินด้วย นางยังโยนทุเรียนกวนที่ข้าทำให้ท่านโดยเฉพาะทิ้งไป ข้าโกรธมากจึงได้เอาไปทาบนหน้านาง ทุเรียนกวนนั่นเป็นของว่างที่ท่านชอบกินที่สุด ข้าตั้งใจเคี่ยวเป็นเวลาครึ่งวันเชียวนะ”

เสวียนจีฟ้องร้องพลางสะอึกสะอื้นจากความรู้สึกแท้จริง พลางร้องไห้พลางสะอึก นางสาบานได้ว่าไม่มีเจตนาจะหลอกเฟิ่งเหมียน แต่เป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณที่เคยชินแล้วจริงๆ

เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป กลุ่มคนที่มุงดูอยู่ไม่ไกลนักสีหน้าก็เปลี่ยนไปหมด ต่างก็จ้องมองมาทางเฟิ่งเหมียนด้วยสายตาแปลกประหลาด

ที่แท้ราชครูแห่งแคว้นตงฉู่ชอบรสชาติเช่นนี้เองหรอกหรือ

โชคดีที่เฟิ่งเหมียนกับเสวียนจีทำร้ายซึ่งกันและกันจนชินแล้ว ตอนนี้ก็รู้สึกทนไม่ไหวอยู่บ้าง เขาใช้แรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะสะกดให้อารมณ์ในใจสงบนิ่งลงได้

“เต๋าอันยิ่งใหญ่ไร้รูป กำเนิดฟ้าและดิน เต๋าอันยิ่งใหญ่ไร้รส เคลื่อนเปลี่ยนอาทิตย์และจันทร์ เต๋าอันยิ่งใหญ่ไร้นาม กำเนิดสรรพสิ่ง……”

ในใจของเฟิ่งเหมียนท่องคัมภีร์วิสุทธิจิตขึ้นมา ตั้งแต่ที่เขารู้จักเสวียนจี ก็แทบจะสามารถท่องคัมภีร์นี้ย้อนกลับได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆเดิมทีก็กลัวจนแทบจะรับไม่ไหวแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดเหลวไหลและพูดเรื่องผิดให้เป็นถูกก็ถูกไฟโทสะเข้าจู่โจมที่หัวใจทันที อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมา

“นางโกหก ข้าไม่ได้โยนสิ่งของ เห็นได้ชัดเลยว่านางต่างหากที่ใช้ของเหลวเหล่านั้นมาละเลงบนตัวข้าเพื่อแก้แค้น”

แต่เฟิ่งเหมียนกลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงไร้ซึ่งอารมณ์ “ก็เท่ากับว่า เจ้าได้สั่งการสาวใช้ให้จับตัวศิษย์น้องข้าเพราะอยากกระทำการไม่ดีกับนาง ทั้งยังตบนางอีกด้วย เหล่านี้ล้วนเป็นความจริงใช่หรือไม่”

“ข้า......”

หลี่เมิ่งเอ๋อร์สีหน้าขาวซีดไฟโทสะดับลงทันที อ้าปากค้างอธิบายอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว นางไร้ทางปฏิเสธได้ว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเสวียนจีนั้นล้วนเป็นความจริง

เสวียนจีมีเหตุผลมากกว่า รีบร้องไห้พลางเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่ท่านดูสิ นางไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”

เฟิ่งเหมียนไม่พลาดที่จะสังเกตความลิงโลดและได้ใจในแววตาของนาง รู้สึกแค่ว่าขมับเต้นตุบๆ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าลุกขึ้นมาก่อนค่อยว่ากัน”

“ข้าไม่ นอกเสียจากจะให้ท่านลุงจักรพรรดิออกหน้าทวงความยุติธรรมให้ข้า ไม่เช่นนั้นข้าก็จะนอนอยู่ที่นี่ไม่ลุกไปไหน”

เสวียนจีปฏิเสธเสียงสูง จากนั้นก็พลิกตัวไปนอนอยู่บนแผ่นหินเขียว โชคดีที่แสงแดดเจิดจ้ามาก จึงหลับตาลงอีกด้วย

เฟิ่งเหมียน “......”

เด็กสาวคนนี้เป็นคนไร้ยางอายมาแต่ไหนแต่ไร ไม่สนใจสายตาของคนภายนอกเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่อายุก็สิบหกปีแล้ว ยังทำท่าเหมือนเด็กอายุเพิ่งจะหกขวบ......ไม่ เด็กหกขวบยังไม่ทำเช่นนี้เลย มีแต่เด็กสามขวบที่ยังคงร้องไห้งอแงเล่นลูกไม้เช่นนี้

เสี้ยววินาทีนี้เฟิ่งเหมียนรับรู้ด้วยใจจริงเลยว่า สมองของเด็กสาวคนนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ ไม่สามารถที่จะให้มาตรฐานของคนทั่วไปวัดได้

ถ้าไม่ใช่เพราะเสวียนจีมักจะทำพฤติกรรมที่น่าสับสนอยู่บ่อยๆ คนที่เป็นอาจารย์สอนเรื่องมารยาทในวังของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ พวกเขาคงไม่ต้องมีเรื่องหมางใจกันใหญ่โตเช่นนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ