สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 101

สรุปบท บทที่ 101 ความคิดของฮ่องเต้: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

สรุปเนื้อหา บทที่ 101 ความคิดของฮ่องเต้ – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บท บทที่ 101 ความคิดของฮ่องเต้ ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ในขณะที่อินชิงเสวียนตกตะลึง เย่จิ่งอวี้ก็อุ้มร่างของสวีจือย่วนออกไปแล้ว

เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนเหมือนดาวที่รีบตก อินชิงเสวียนก็จิ๊ปากเบาๆ

หรือว่านี่เป็นรักแรกพบตามตำนานที่กล่าวไว้

เพียงแต่นางไม่รู้ว่าสำนักหมอหลวงอยู่ที่ใด

เย่จิ่วอวี้คนสารเลวคนนี้ คิดว่านางรู้ไปหมดทุกอย่างจริงๆ หรือ!

อินชิงเสวียนเดินสุ่มไปเรื่อยๆ ก็ไม่เจอ แต่ไม่รู้ว่านางเดินอย่างไรถึงได้มาอยู่ที่ตำหนักชิงฮว๋าของเย่ไห่ถังเสียได้

เย่ไห่ถังกำลังเล่นว่าวอยู่ข้างศาลาเล็กๆ นอกเรือน อวิ๋นเฟิงชี้ไปที่อินชิงเสวียน แล้วพูดว่า “องค์หญิง เสี่ยวเสวี่ยนจื่อกงกงเพคะ”

เย่ไห่ถังยังคงคิดถึงขนมเปี๊ยะของอินชิงเสวียนอยู่ ดังนั้นนางจึงรีบส่งสายว่าวให้กับนางกำนัลน้อยที่อยู่ข้างๆ

“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง!”

อินชิงเสวียนจึงเห็นเย่ไห่ถัง จึงรีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว

“ถวายพระพรองค์หญิง ขอองค์หญิงช่วยชี้ทางให้กระหม่อม กระหม่อมต้องรีบไปหาหมอหลวงที่สำนักหมอหลวง”

เย่ไห่ถังถามด้วยความประหลาดใจ “เสด็จพี่ใหญเป็นอะไรงั้นหรือ”

อินชิงเสวียนรีบพูด “องค์หญิงไม่ต้องกังวล เป็นนายหญิงที่ตกน้ำพ่ะย่ะค่ะ”

เย่ไห่ถังถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดกับอวิ๋นเฟิงว่า “พาเสี่ยวเสวียนจื่อไปสำนักหมอหลวง”

“ขอบพระทัยองค์หญิง”

อินชิงเสวียนเหลือบมองดูว่าวธรรมดาๆ ที่เย่ไห่ถังถืออยู่ แล้วพูดว่า “เมื่อกระหม่อมว่าง กระหม่อมจะนำว่าวสวยๆ มามอบให้องค์หญิง”

เย่ไห่ถังโบกมือด้วยท่าทางมีชีวิตชีวา “ได้ รีบไปเถอะ”

อินชิงเสวียนประกบมือโค้งคำนับ “เช่นน้องต้องขอบคุณมากพี่อวิ๋นเฟิงแล้ว”

อวิ๋นเฟิงเม้มริมฝีปากยิ้มๆ “ไม่ต้องเกรงใจ เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง เชิญทางนี้”

อินชิงเสวียนเดินตามอวิ๋นเฟิงไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าก็เห็นเรือนประสานสามวงหลังใหญ่ มีคำว่าสำนักหมอหลวงสลักอยู่

อวิ๋นเฟิงเดินเข้ามาก่อน ถามด้วยน้ำเสียงฉะฉาน “ไม่ทราบว่าวันนี้มีใต้เท้าท่านใดเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ มีนายหญิงตกลงไปในน้ำ ฝ่าบาทรับสั่งให้พวกท่านรีบไปตรวจ”

ชายชราในวัยหกสิบเศษเดินออกจากห้อง ประกบมือพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นแม่นางอวิ๋นเฟิง ไม่ทราบว่านายหญิงพำนักอยู่ที่ใด ข้าจะไปตรวจเดี๋ยวนี้”

อินชิงเสวียนเช็ดเหงื่อ

“ฝ่าบาทพานายหญิงไปที่ตำหนักเฉิงเทียนแล้ว รบกวนใต้เท้ารีบหน่อยเถิด”

“ได้ๆ”

หมอหลวงเฒ่าเรียกหาลูกศิษย์ทันที หยิบกล่องยาขึ้นมาแล้ววิ่งไปที่ตำหนักเฉิงเทียน

“ต้องขอบคุณพี่สาวอวิ๋นเฟิงแล้ว ข้าต้องกลับไปก่อน”

อินชิงเสวียนกล่าวคำลากับอวิ๋นเฟิงต่อ

อวิ๋นเฟิงเหลือบมองอินชิงเสวียนด้วยดวงตาคู่งาม แล้วรู้สึกเอียงอาย

“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงค่อยๆ เดิน”

ระหว่างทางกลับ อินชิงเสวียนสงบลมหายใจ ชะลอฝีเท้าให้ช้าลง

เมื่อครู่รีบร้อนมาก วิ่งวุ่นจนเจ็บหน้าอก

อย่างไรผู้ที่ตกน้ำก็ถูกช่วยขึ้นมาได้แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เมื่อคิดถึงเพลงเศร้านั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ นายหญิงสวีผู้นี้ก็คงเป็นคนที่มีเรื่องราวเช่นกัน

ถ้านางได้รับความโปรดปราน ก็นับว่าได้กำไรแล้ว

เพียงแต่ว่าการได้รับความโปรดปรานนี้ จะโปรดปรานได้นานเท่าใด

วังหลังมีสตรีนับไม่ถ้วน เป็นการยากที่จะรับประกันได้ว่าเมื่อตกน้ำแล้ว จะบังเอิญถูกพบเข้า คิดๆ ดูแล้วก็น่าเศร้าที่สตรีมากมายเช่นนี้กลับต้องคอยดูสีหน้าของบุรุษเพียงผู้เดียว

อินชิงเสวียนถอนหายใจ กุมท้องเดินไปข้างหน้าช้าๆ

เมื่อกลับไปถึงตำหนักเฉิงเทียน ก็ผ่านเรื่องไปครึ่งชั่วยามแล้ว

ทันทีที่เข้าไปในประตู ก็พบกับหมอหลวงเฒ่า อินชิงเสวียนรีบถาโดยเร็ว “ท่านหมอหลวง นายหญิงท่านนั้นเป็นอะไรหรือไม่”

หมอหลวงเฒ่ายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร แค่สำลักน้ำ สักพักก็ตื่นได้แล้ว”

“ขอบคุณท่านหมอที่แจ้งให้ทราบ”

อินชิงเสวียนกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ กุมท้องมรายังไม่หายดีเดินเข้าตำหนักเฉิงเทียน

ข้างในว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดอยู่เลย

สวีจือย่วนตัวสั่น ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “หม่อมฉันมิกล้า”

เย่จิ่วอวี้ยืดตัวขึ้นและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็นอนให้สบายเถอะ เราสั่งให้คนเตรียมยามาให้เจ้าแล้ว ถ้าอยากกินอะไรก็บอกพวกเขาได้เลย”

สวีจือย่วนก้มศีรษะลงและพูดอย่างสั่นเทา “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

ดวงตาของเย่จิ่วอวี้กวางไปรอบๆ ใบหน้าของสวีจือย่วน แล้วพบว่าดวงตาที่สดใส ฟันขาวเรียงสวย และรูปลักษณ์งดงามนั้น ค่อนข้างคล้ายกับของเด็กหญิงตัวน้อยอยู่หลายส่วน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขมากขึ้นอีก

มุมริมฝีปากบางของเขายกขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ไม่ต้องมากพิธี เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ”

หลังจากที่เย่จิ่วอวี้พูดจบ เขาก็เดินเอามือไพล่หลังเดินออกประตูไปอย่างรวดเร็ว

ด้านนอกประตู อินชิงเสวียนกำลังหรี่ตาพิงราวกั้น

ยามราตรีมีสายลมพัดเอื่อยๆ ช่างน่าอภิรมย์ยิ่งนัก อินชิงเสวียนหาว ง่วงนอน

เย่จิ่วอวี้เดินออกจากห้อง บังเอิญเห็นขันทีน้อยหาวพอดี

เดิมทีต้องการให้เขากลับไปพักผ่อน แต่รู้สึกว่าอินชิงเสวียนเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน ให้นางอยู่ดูแลสวีจือย่วนน่าจะเหมาะกว่า

จากนั้นเขาก็พูดว่า “เสี่ยวเสวียนจื่อ คืนนี้เจ้าไปอยู่ที่ห้องโถงด้านข้าง ดูแลนายหญิงสวี หลังเที่ยงคืนไม่ต้องมาคอยรับใช้เราแล้ว”

อินชิงเสวียนลุกขึ้นยืนทันที พูดอย่างมีความสุข “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

อยู่กับสวีจือย่วนดีกว่าอยู่กับเย่จิ่งอวี้มาก อย่างน้อยสวีจือย่วนก็ไม่ใช้กระโถนปลดทุกข์

แสงจันทร์สุกสกาวบนฟ้าฟ้า สะท้อนให้เห็นใบหน้าเล็กๆ อันจิ้มลิ้มพริ้มเพราของอินชิงเสวียน ราวกับว่าถูกเคลือบด้วยชั้นแสงสีเงินยวง ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์

เย่จิ่วอวี้อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว

จู่ๆ ก็นึกถึงคืนนั้นเมื่อหลายปีก่อน

เด็กหญิงตัวน้อยแค่ยิ้มให้เขา แล้วบอกว่าเขาจะอายุยืนยาวร้อยปี และร่ำรวย...

ในไม่ช้า เย่จิ่วอวี้ก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง

อาจเป็นเพราะการได้พบกับสวีจือย่วนทำให้เขาคิดมากมาย

การได้เห็นอินชิงเสวียนยิ้มอย่างมีความสุขเพียงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึง

หรือว่าเขาที่เป็นถึงเจ้าผู้ครองแคว้น เทียบไม่ได้กับนายหญิงที่ไม่มีตำแหน่งด้วยซ้ำ

เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชาว่า “อย่าลืมฐานะของเจ้า อย่าคิดเหลวไหล อย่าปล่อยใจให้หวั่นไหว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์