อินชิงเสวียนไม่เข้าใจ
นี่หมายความว่าอะไร
อย่างนางจะลวนลามสวีจือย่วนได้งั้นหรือ
ถุย นางไม่ได้นิสัยเสียถึงเพียงนั้นนะ
อินชิงเสวียนกลอกตา เดินเข้าไปในห้องโถงด้านใน
สวีจือย่วนลุกขึ้นนั่งแล้ว
เมื่อเห็นอินชิงเสวียน แววตาของอินชิงเสวียนก็สว่างวาบ
“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง”
ที่นี่นางรู้จักแค่อินชิงเสวียน เมื่อเห็นนาง ย่อมรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
อินชิงเสวียนเดินเข้าไปถาม “นายหญิงสวี ต้องการอะไรหรือไม่”
สวีจือย่วนสั่นศีษระ พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ไม่มี ขอบคุณกงกงน้อยมาก คงเป็นเจ้าที่ช่วยข้าไว้กระมัง”
อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ขอรับ เป็นไป๋เสวี่ยของฝ่าบาทที่ช่วยท่าน ไม่ทราบว่านายหญิงกระโดดลงไปในน้ำเพราะเหตุใด”
สวีจือย่วนกัดริมฝีปากพูดว่า “เป็นข้าที่ไม่ระวังลิ่มล้ม พลัดตกลงไปในน้ำ”
ดูเหมือนว่านางมีความนัยที่ไม่สามารถอธิบายได้ ในเมื่อนางไม่ต้องการพูด อินชิงเสวียนจึงไม่ถามให้มากความ
แล้วจึงปลอบนาง “ทุกคนมีเพียงชีวิตเดียว ท่านอย่าทำเรื่องโง่ๆ อีก แม้ว่าจะไม่คิดถึงตัวเอง แต่ท่านก็ต้องคิดถึงพ่อแม่บ้าง”
สวีจือย่วนก้มศีรษะลง แล้วไม่เอ่ยคำใดอีก
อินชิงเสวียนกล่าวเสริมว่า “ตอนนี้ฝ่าบาทพาท่านมาที่ตำหนักเฉิงเทียนแล้ว นี่เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งนับไม่ถ้วนรอท่านอยู่”
สวีจือย่วนส่ายหน้า พูดด้วยเสียงแผ่วต่ำยิ่งนัก “ข้าไม่ต้องการได้รับความโปรดปราน”
อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ “หรือท่านกำลังดูถูกฝ่าบาท ที่ทั้งหนุ่มทั้งมีความสามารถ รูปงามองอาจสง่างาม ดั่งต้นหยกเล่นลม...”
“ถึงเป็นเช่านนั้นข้าก็ไม่ต้องการ”
สวีจือย่วนขัดคำพูดของอินชิงเสวียน พูดเรียบๆ “หัวใจของข้าตายไปแล้ว”
จิ๊ๆ มีเรื่องราวจริงๆ
อินชิงเสวียนถามซุบซิบ “คงมิใช่ว่าท่านมีคนรักแล้วกระมัง”
สวีจือย่วนเงยหน้าขึ้น มองไปที่อินชิงเสวียน
หลังจากนั้นอีกนานหลายอึดใจ นางก็ถอนหายใจเบาๆ
“ใช่ แต่ตอนนี้เขาหายไปแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกว่าเขาตายแล้ว”
สวีจือย่วนยิ้มอย่างขมขื่น กล่าวเสริมอีกว่า “แม้ว่าเขาจะยังไม่ตาย ระหว่างเขากับข้าก็เป็นไปไม่ได้”
“ทำไม” อินชิงเสวียนมองนางด้วยความประหลาดใจ
สวีจือย่วนหลั่งน้ำตา
“หยุดถามได้แล้ว รับปากได้หรือไม่ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับฝ่าบาท”
อินชิงเสวียนตบอกผาง พูดว่า “วางใจเถอะ ข้าสัญญาว่าจะไม่บอก”
สวีจือย่วนค้อมคำนับอินชิงเสวียน
“ขอบคุณเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงมาก”
อินชิงเสวียนยิ้ม และพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจ นายหญิงนอนพักสักหน่อยดีกว่า”
สวีจือย่วนสั่นศีรษะ
“ข้านอนไม่หลับ เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงคุยกับข้าสักพักได้หรือไม่”
“ได้ขอรับ”
อินชิงเสวียนนั่งบนพื้น แล้วเอนหลังพิงเตียง
“นายหญิงมีอันใดจุพูดรึ”
สวีจือย่วนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “นายหญิงที่อยู่วังเย็นไปแล้วจริงๆ หรือ”
อินชิงเสวียนกำลังจะหาว แต่อ้าปากหาวเพียงครึ่งหนึ่ง แล้วก็ต้องหุบปากลง
เลิกคิ้วแล้วถามว่า “เหตุใดนายหญิงจึงถามถึงนายหญิงที่วังเย็น นี่เป็นเรื่องต้องห้ามในวัง”
สวีจือย่วนมองออกไปข้างนอก เสียงของนางก็เบาลง
“เพราะฉะนั้นข้าจึงอยากถามเจ้าเงียบๆ”
อินชิงเสวียนไม่แน่ใจว่านางหมายถึงอะไร ดังนั้นนางจึงพยักหน้าและพูดว่า “ตายแล้วจริงๆ ข้าเก็บอัฐิมาเอง”
“หะ!”
สีหน้าของสวีจือย่วนเปลี่ยนไปอย่างมาก นางคว้ามุมผ้าห่มขึ้นทันที แล้วพูดอย่างตื่นเต้น
“นาง จริงๆ รึ...”
อินชิงเสวียนสับสนโดยสิ้นเชิง
ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมไม่มีภาพของคนผู้นี้นี่นา เกิดอะไรขึ้นกันแน่
สวีจือย่วนใช้เวลาพอสมควรในการสงบสติอารมณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...