เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทำทุกคนนิ่งอึ้ง
ใครจะรู้ว่าจู่ๆ ไป๋เสวี่ยจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วคาบเอาเด็กวิ่งหนีไป
“พระสนม นี่ นี่จะทำเช่นไรดี!”
ยายหลี่คุกเข่าลงกับพื้นทันที อ่อนยวบไปทั้งตัว สีหน้าขาวโพลน แม้กระทั่งพูดจายังติดขัด
อินชิงเสวียนก็ตกใจจนเหงื่อท่วมกาย
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าไปตามเอง”
นางผลักอวิ๋นฉ่ายที่ยืนอยู่ตรงปากประตู ส่วนตัวนางพุ่งออกไปราวกับธนูที่พุ่งออกจากคันศร
“ไป๋เสวี่ย ไป๋เสวี่ย!”
เจ้าหมาตัวนี้ราวกับรู้ใจมนุษย์ ไม่แน่ว่ามันได้กลิ่นว่าเจ้าหมาน้อยเป็นลูกชายของชายสารเลวเย่จิ่งอวี้นั่น ก็เลยจะคาบไปให้เย่จิ่งอวี้ดูเสียหน่อย
เมื่อนึกถึงว่าเย่จิ่งอวี้จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของตนและการมีอยู่ของเจ้าหมาน้อยแล้ว อินชิงเสวียนด้านชาไปทั้งศีรษะ ทั้งกายอาบด้วยเหงื่อเย็น
เย่จิ่งอวี้เคยพูดไว้ว่า หากนางกล้าหักหลังเขา เขาจะฆ่านางแน่นอน!
แล้วนี่นับว่าเป็นการหักหลังแบบหนึ่งหรือไม่
“ไป๋เสวี่ย เจ้าหมาสมควรตาย หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
อาจเป็นเพราะอินชิงเสวียนดื่มน้ำจากน้ำพุวิญญาณ นางวิ่งได้อย่างรวดเร็ว เพียงหักมุมตรงตอก ก็เห็นเงาสีขาวท่ามกลางความมืดได้ ในใจโกรธกริ้ว ร้องตะโกนดังลั่น
แต่สิ่งที่นางประหลาดใจคือ เจ้าหมาน้อยกลับไม่ตกใจกลัวจนร้องไห้เลยสักนิด กลับส่งเสียงหัวเราะคิกคักอีกต่างหาก
สมกับการมีพรสวรรค์เสียจริง !
เวลานี้ เจ้าสุนัขหักเลี้ยวอีกแล้ว
อินชิงเสวียนอุทานในใจ แย่แล้ว
เส้นทางที่เจ้าหมาสมควรตายนี้ไปคือหอสุ่ยอวิ้นของสวีจือย่วน นี่อยากให้เจ้านายของมันไปรับคำชมจริงๆ หรือ
“ไป๋เสวี่ย เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
อินชิงเสวียนเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง ใช้ความเร็วในการวิ่งร้อยเมตรพุ่งพรวดทีเดียวมาถึงหอสุ่ยอวิ้น
ประตูวังปิดแล้ว ไป๋เสวี่ยกำลังใช้อุ้งเท้าหน้า ออกแรงตะกุยอย่างหนัก
เจ้าหมาน้อยในปากกลับเบิกตาโตโพลง จ้องมองท้องฟ้าอย่างประหลาดใจ
มือหนึ่งดึงขนของไป๋เสวี่ยไว้ สองขาอวบอ้วนกวัดแกว่งไปมา
อินชิงเสวียนเอ็นดูลูกยิ่งนัก แย่งเจ้าหมาน้อยคืนมา
เวลานี้ ภายในวังมีเสียงเท้าเดินอย่างร้อนรน
มีคนพูดเสียงเบาว่า “นี่พวกเราปิดประตูไวไปใช่หรือไม่ ต้องเป็นไป๋เสวี่ยของฮ่องเต้กลับมาแล้วแน่ๆ”
ขันทีน้อยอีกคนพูดขึ้นว่า “คงเป็นเช่นนั้น รีบเปิดประตูเร็วเข้า ฮ่องเต้รักนายท่านไป๋เสวี่ยเป็นอย่างยิ่งเชียวนะ”
อินชิงเสวียนรีบอุ้มเจ้าหมาน้อยหลบไปอยู่ตรงข้างกำแพง ฝ่ามือทั้งคู่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ไป๋เสวี่ยวิ่งตามมาแล้ว ทั้งยังงับกางเกงของเจ้าหมาน้อยไว้ด้วย
ปากส่งเสียงอุ๋งอิ๋ง เหมือนหมาฮัสกี้ที่กำลังจะพูด
อินชิงเสวียนร้อนใจ “ปล่อยนะ ไปหาเจ้านายของเจ้าไป”
ขนปุกปุยถูกับขาของเจ้าหมาน้อย เจ้าหมาน้อยดีใจหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
ไป๋เสวี่ยราวกับว่าได้รับขวัญกำลังใจ กัดดึงอย่างได้ใจขึ้นอีก
เวลานี้ มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากในเรือน
“เสียงอะไรน่ะ”
เย่จิ่งอวี้อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย
อินชิงเสวียนตกใจจนเหงื่อเย็นไหลไม่หยุด หากไม่ใช่ว่ามีเจ้าหมาน้อยอยู่ด้วย นางคงหายเข้าไปในกลีบเมฆแล้ว
“ทูลฝ่าบาท เหมือนจะเป็น นายท่านไป๋เสวี่ยกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงของขันทีน้อยดังขึ้นมาจากด้านใน ฝีเท้ามาถึงปากประตูแล้ว
อินชิงเสวียนยิ่งกังวลใจขึ้นอีก ส่งเท้าถีบไปที่ตัวของไป๋เสวี่ย
“รีบไสหัวไป!”
ไป๋เสวี่ยโดนถีบจนต้องร้องหงิงหงิง คลายปากที่งับไว้อย่างน่าสงสาร
อินชิงเสวียนอุ้มเจ้าหมาน้อยไว้แน่น ออกตัววิ่งไปอย่างรวดเร็ว
เสียงทุ้มต่ำของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นอีกครั้ง
“ผู้ใด!”
อินชิงเสวียนตกใจ วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
เย่จิ่งอวี้วิ่งตามออกมาจากหอสุ่ยอวิ้นแล้ว กลับไม่มีใครเห็นเงาของเขา
คิ้วโก่งดั่งคันศรของเขาขมวดขึ้น
“เจวี๋ยอิ่ง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...