สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 111

“กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท”

อินชิงเสวียนยกเสื้อคลุมยาวขึ้น พลางคุกเข่าลง

เย่จิ่งอวี้เปล่งเสียงอืม และเดินเข้าไปในวังเย็น

หลี่เต๋อฝูและคนอื่นๆ รีบรุดเดินขึ้นมา ถือตะเกียงส่องไฟ

แสงเทียนอ่อนๆ ส่องให้เห็นฉากที่ทรุดโทรม เย่จิ่งอวี้ย่นคิ้วโดยไม่รู้ตัว

แม้เขาจะเกิดในตระกูลราชวงศ์ กลับไม่เคยย่างกรายเข้ามาที่นี่เลย ตอนเด็กๆ เคยมาเล่นสนุกที่นี่ด้วยความสงสัย เมื่อถูกเหล่าข้าหลวงหญิงเฒ่าจับได้ เขาก็จะถูกพาตัวออกไปในทันที

วังเย็นสองคำนี้ เป็นคำต้องห้ามในวังหลัง พูดถึงไม่ได้ และยิ่งไม่ควรถามถึง

เย่จิ่งอวี้รู้สึกอยู่เสมอว่าวังเย็นเป็นเพียงแค่สถานที่ที่มีผู้คนเข้าออกน้อย เมื่อได้เห็นในวันนี้จึงได้รู้ว่ามีสถานที่ทรุดโทรมเช่นนี้ในพระราชวัง

ไม่แปลกที่อินซื่อจะทนไม่ไหว!

เมื่อสตรีคนนั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นคนอย่างไร คิ้วของเย่จิ่งอวี้ก็ขมวดแน่นขึ้นอีก

แต่เดิมการแต่งงานครั้งนี้เป็นผลจากการต่อสู้เพื่ออำนาจของฮ่องเต้ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น ซึ่งบอกไม่ได้ว่าใครผิดใจต่อใคร

หากไม่ใช่เพราะการสมคบคิดระหว่างอินจ้งและเจียงวู เขาไม่มีทางผลักไสอินซื่อเข้าสู่วังเย็นแน่ ตอนนี้ทุกคนล้วนกลับไปเป็นฝุ่นธุลี กลับสู่ในที่ที่ควรจะไป ไม่มีความหมายที่จะพูดถึงสิ่งอื่นใด

เมื่อนึกถึงการปัดแข้งปัดขากันของอำนาจฮ่องเต้ ความหดหู่ก็พรั่งพรูออกมาจากดวงตาของเย่จิ่งอวี้

“ฝ่าบาท พระองค์เรียกหากระหม่อมด้วยเรื่องอันใดพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งอวี้ยืนนิ่งอยู่กลางลานบ้าน อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา

เจ้าหนูน้อยอยู่ด้านหลังบ้าน หากมันร้องขึ้นมา เย่จิ่งอวี้ต้องได้ยินอย่างแน่นอน ต้องเกลี้ยกล่อมให้เขาออกไปโดยเร็ว

“วันนี้ฝึกทหารเป็นอย่างไรบ้าง”

ในระหว่างที่พูด เย่จิ่งอวี้ก็เดินมาถึงประตูทางเข้าตำหนักใหญ่

หัวใจของอินชิงเสวียนตื่นเต้นขึ้นอีกครั้ง นางรีบเดินย่ำไปหลายก้าว และขวางอยู่ด้านหน้าประตูตำหนัก

ด้านในยังมีเสื้อผ้าและรองเท้าชิ้นเล็กของหมาน้อย ห้ามให้เขาเห็นโดยเด็ดขาด

ยิ้มและพูดอย่างประจบเอาใจ “ฝึกซ้อมได้ดีพ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาทอยากได้ยินมาก กระหม่อมจะรายงานทีละคน วังเย็นทรุดโทรมผุพัง และยังมีกลิ่นที่ไม่ดี ฝ่าบาททรงอย่าเข้ามาจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไร”

เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปปัดอินชิงเสวียนออก ในเมื่อมาแล้วก็ต้องเข้าไปดูเสียหน่อย

อินชิงเสวียนรีบเดินตามไป และเสียงก็ดังขึ้นเล็กน้อย

“ที่นี่มีเพียงน้องสาวของกระหม่อมและยายเฒ่าผู้หนึ่ง อวิ๋นฉ่าย ยังไม่ออกมาถวายบังคมฝ่าบาทอีกหรือ”

อวิ๋นฉ่ายเพิ่งเก็บของเสร็จ เมื่อได้ยินเสียงของอินชิงเสวียนก็รีบวิ่งออกมาทันที พลางคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ

“กระหม่อมอวิ๋นฉ่าย ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”

“ลุกขึ้นเถิด”

เย่จิ่งอวี้กวาดสายตาไปทั่วด้านในตำหนัก พลางถามขึ้นเสียงเบา “ไหนว่ามียายเฒ่าอีกคนหนึ่งอย่างไรเล่า”

อวิ๋นฉ่ายลุกขึ้นอย่างลนลาน และพูดเสียงสั่นว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท ยายหลี่อยู่ลานหลังบ้าน กระหม่อมจะไปตามมาให้เพคะ”

อินชิงเสวียนหัวเราะแห้งๆ “เพียงแค่ยายเฒ่าอาวุโสเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดน่าดูชมหรอกพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทไปเยี่ยมชมผักสดที่กระหม่อมปลูกไว้ในวังเย็นยังดีเสียกว่า อาจเป็นเพราะฝนตกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผักและผลไม้จึงสุกมาก ให้ฝ่าบาทได้ชิมพอดีพ่ะย่ะค่ะ อวิ๋นฉ่าย ไปเอาองุ่นมาพวงหนึ่งสิ”

“เจ้าค่ะ”

อวิ๋นฉ่ายดีใจอย่างมากเมื่อได้เป็นอิสระ จึงรีบหยิบองุ่นมาหนึ่งพวง เมื่อล้างเสร็จก็ส่งให้อินชิงเสวียน หลี่เต๋อฝูหยิบเข็มเงินออกมาทิ่มทีละลูกเหมือนอย่างเคย

“ฝ่าบาท ผลไม้เหล่านี้ปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้ยื่นมาไปเด็ดมาหนึ่งลูก รสหวานอมเปรี้ยวแผ่กระจายบนปลายลิ้น และยังมีกลิ่นหอมที่ยากจะบรรยาย ซึ่งไม่เลวเลยจริงๆ

เมื่อสอดสายตาไปมา ก็ได้เห็นเข้ากับเปลญวน

“นี่คือสิ่งใด?”

“ทูลฝ่าบาท นี่คือสิ่งที่กระหม่อมใช้นอนพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าอวิ๋นฉ่ายเป็นน้องสาวของกระหม่อม ชายหญิงมีความต่างกัน กระหม่อมจึงพักผ่อนอยู่ตรงนี้ในวังเย็นพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาคู่งามของเย่จิ่งอวี้กระตุกขึ้น “ของที่แคบเพียงเท่านี้ คนนอนได้ด้วยงั้นหรือ”

“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์