อ่านสรุป บทที่ 112 ความโกรธของฮ่องเต้ จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel
บทที่ บทที่ 112 ความโกรธของฮ่องเต้ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย GoodNovel อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เสียงของเย่จิ่งอวี้เย็นเข้ากระดูก ปลายของดวงตาเลิกขึ้นเล็กน้อย เจตนาฆ่าแฝงอยู่ภายในอย่างแรงกล้า
อินชิงเสวียนมองดูด้วยความหวาดกลัว พร้อมคุกเข่าลงกับพื้นและหมอบลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ฝ่าบาท กระหม่อมจำใจต้องพาลูกชายเข้าวังจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาทโปรดเมตตาไว้ชีวิตเด็กด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้หิ้วเด็กมาไว้ตรงหน้า
ทันใดนั้นไป๋เสวี่ยก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น สุนัขล้อมเจ้าหนูน้อยพร้อมทั้งดมกลิ่นและเลีย
เดิมทียังมีน้ำตาอยู่บนใบหน้าของเจ้าหนูน้อยยังมีน้ำตา เมื่อถูกขนของไป๋เสวี่ยถู ดวงตาก็โค้งขึ้นทันใดและหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา
รอยยิ้มนี้ช่างละม้ายกับบ่าวตัวน้อยเหลือเกิน โดยเฉพาะดวงตาสีดำที่เปล่งประกายราวกับดวงดาวคู่นั้น
เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะยกมือซ้ายขึ้นมา และกอดเจ้าหนูน้อยไว้ในอ้อมอก
เจ้าหนูน้อยจ้องมองด้วยดวงตากลมโตคู่หนึ่ง มองเย่จิ่งอวี้ด้วยความแปลกหน้า และส่งเสียงเล็กๆ ออกมาจากปาก
เย่จิ่งอวี้จับจ้องสายตา มองดูสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่มีกลิ่นน้ำนม ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความใกล้ชิดที่ไม่อาจอธิบายได้ในหัวใจของเขา
ความจริงที่น่าประหลาดใจก็คือ เจ้าหนูน้อยยกมือเล็กๆ ของเขาที่แดงบวมจากยุงกัดขึ้นมา และคว้าผมของเย่จิ่งอวี้ที่ห้อยอยู่บนไหล่ของเขาอย่างเงอะๆ งะๆ
เย่จิ่งอวี้ก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว ราวกับกล้วว่าจะดึงไปโดนมือของเจ้าหนูน้อย
เมื่อเห็นฉากที่ปรองดองกันเช่นนี้ จมูกของอินชิงเสวียนก็หน่วงขึ้นมาในทันที
แม้ตัวเองจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเจ้าหนูน้อย แต่ชายตรงหน้าคือพ่อที่แท้จริงของเขา สิ่งนี้น่าจะเป็นความรู้สึกผูกพันกันด้วยสายเลือดสินะ!
เจ้าหนูน้อยปล่อยผมของเย่จิ่งอวี้ และยกมือไปลูบใบหน้าของเขา สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้เย่จิ่งอวี้ได้สติในทันที และเงยหน้าขึ้นในทันใด
อินชิงเสวียนตกใจสะดุ้งทันที เย่จิ่งอวี้โยนตัวของเจ้าหนูน้อยเข้ามา
เขาพูดเยาะเย้ยอยู่ซ้ำๆ “ดี ดี ดี ในเมื่อครอบครัวของพวกเจ้าชอบวังเย็นขนาดนี้ เช่นนั้นก็จงอยู่ในวังเย็นตลอดไป ใครก็ได้มาปิดตายประตูวังด้านนอกให้ข้าหน่อยเถิด ถ้ามีแมลงวันบินออกไป ข้าจะถามเพียงเจ้าเท่านั้น”
“ฝ่าบาท!”
อินชิงเสวียนคิดจะร้องขอชีวิตอีกครั้ง
เย่จิ่งอวี้จึงรีบเดินออกไปจากประตูวัง
เพียงเวลาไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงตอกตะปูนอกประตูและช่องของสุนัขก็ถูกปิดกั้นด้วยเช่นกัน
อวิ๋นฉ่ายอึ้งอยู่นาน พร้อมพูดขึ้นเสียงเล็กว่า “พระสนม ครั้งนี้แย่แน่ ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ”
เดิมทีคิดว่าจะได้ออกไปข้างนอกกับพระสนมเร็วๆ นี้ แต่ตอนนี้มันจบลงแล้ว และยังถูกปิดตายอยู่ข้างในอีกด้วย
ยายหลี่เหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน แต่นางไม่ตื่นตกใจเท่าอวิ๋นฉ่าย
“ปิดก็ปิดไปเถอะ ขอเพียงองค์ชายน้อยและพระสนมไม่เป็นอะไร มันก็ดีกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว”
หลังจากอาศัยอยู่ในวังเย็นมาเนิ่นนาน ยายหลี่คุ้นชินไปนานแล้ว หากว่าให้นางออกไปในตอนนี้ กลับไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
เพียงเสียดายแทนองค์ชายน้อย ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับเสด็จพ่อของเขาอีกครั้ง
นางถอนหายใจและพูดขึ้น “องค์ชายน้อย เมื่อครู่คงไม่ตกใจใช่ไหม นั่นคือเสด็จพ่อของท่านเชียวนะ หากท่านเรียกว่าเสด็จพ่อได้ก็คงจะดี”
อินชิงเสวียนกลอกตามองบน นางคอยรับใช้ข้างกายเย่จิ่งอวี้มานานขนาดนี้ นางรู้อย่างลึกซึ้งว่าเย่จิ่งอวี้ความเกลียดชังต่อตระกูลอินมาก เมื่อใดที่ถูกเปิดเผยตัวตน รับประกันได้ว่าจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตแน่นอน
จึงรีบพูดขัดจังหวะยายหลี่
“อย่าเพิ่งคิดเรื่องรู้จักกับเสด็จพ่อเลย ข้าก็ไม่มีทางให้เจ้าหนูน้อยไปอยู่กับไอ้เลวคนระยำอย่างเย่จิ่งอวี้นั่นแน่นอน”
นางเหยียดตัวบิดขี้เกียจ และแสร้งทำเป็นผ่อนคลายแล้วพูดว่า “ทุกปัญหาย่อมมีทางออก พวกเจ้าไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ตอนนี้ถึงเวลานอนพักผ่อนแล้ว”
พูดจบก็เดินเข้าไปในเรือนโดยสนใจแต่ตัวเอง ทิ้งให้อวิ๋นฉ่ายและยายหลี่มองหน้ากัน
ไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก?
เย่จิ่งอวี้ไม่ได้ฆ่านางและเจ้าหมาน้อย ถือว่าให้เกียรตินางมากแล้ว
ในสายตาของเขา ตอนนี้นางยังคงเป็นขันทีเสี่ยวเสวียนจื่อ
หากนางเป็นอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้จะต้องพาลโกรธเป็นแน่ และฆ่าตัวนางในทันที
นี่คือการโกหกคำโต ทุกคนต่างรู้ว่าพระสนมแห่งวังเย็นได้ตายไปแล้ว หากว่าจู่ๆ นางฟื้นขึ้นมา ก็คงเป็นเรื่องน่าขันที่สุดในโลกใต้หล้า
บังอาจเอาลูกเข้ามาอยู่ด้วย หรือเพราะเป็นตัวเองที่ดีกับเขามากเกินไป ดีจนทำให้เขาลืมว่าตัวเองเป็นใคร
ผู้ที่ไม่กลัวตายเช่นนี้ ควรแก่การสังหารอย่างที่สุด!
หากไม่ใช่เพราะเขามีคุณงามความดีต่อต้าโจว คืนนี้หัวต้องหลุดจากบ่าเป็นแน่
เย่จิ่งอวี้ตบฝ่ามืบลงบนโต๊ะ
น้ำชากระเด็นออกมาในทันที หยดน้ำของช้าร้อนๆ โดนเข้าที่มือของเย่จิ่งอวี้ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความร้อนใดๆ
ด้วยความโกรธ จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่บ่าวตัวน้อยคิดว่าเขาเป็นทหารองครักษ์ และยังคิดจะออกไปนอกวัง วันนี้กลับพาลูกย้ายเข้ามาในวัง มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
อีกทั้งเด็กโตขนาดนี้ยังไม่รู้จักเชื่อฟัง หากไปร้องไห้ที่ประตูวังจะไม่มีใครเจอเข้าในทันทีหรือ
เย่จิ่งอวี้ค่อยๆ สงบลง และทันใดนั้นก็นึกถึงไป๋เสวี่ยที่แสดงท่าทางตื่นเต้นเมื่อได้เห็นเด็กน้อย คิ้วคมสั่นเบาๆ แสงในดวงตาก็ลึกลงไปเล็กน้อย
นอกจากตัวเองแล้ว คนสนิทเพียงคนเดียวของเขาก็คือสุนัขบ่าวตัวนี้ วันนี้มันไม่ได้กัดและเห่าเจ้าหนูน้อยคนนั้น ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าไป๋เสวี่ยไม่ได้พบเด็กน้อยเป็นครั้งแรก
หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เช่นนั้นก็น่าแปลก
แม้ขันทีน้อยจะออกจากวังไปหลายครั้ง ต่างก็มีฉินเทียนและหลี่ชีตามไปด้วย หากมีสิ่งผิดปกติ พวกเขาต้องมารายงานอย่างแน่นอน
ความเป็นไปได้เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ขันทีน้อยแอบเอาลูกเข้ามาในวังพร้อมกับหญิงงาม
เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว ก็คิดว่าไม่ใช่
เหล่าหญิงงามเข้าวังเป็นเวลาร่วมหลายเดือน แต่เด็กคนนี้อายุได้เพียงเดือนสองเดือนเท่านั้น...
หรือว่า... ความจริงแล้วเด็กคนนี้เกิดจากคนในวัง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น สายตาเย่จิ่งอวี้เยือกเย็น มีร่องรอยของความโกรธอยู่ภายใน
“เจวี๋ยอิ่ง”
“กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้มองไปยังเงามืดนอกหน้าต่าง พลางพูดขึ้นเสียงเย็นชา “รีบไปสืบหาที่มาของเด็กในวังเย็น จำไว้ว่าอย่าให้ข่าวแพร่ออกไป...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...