ดวงตาของฉีอวิ๋นจื่อเป็นประกายไหววูบอีกครั้ง
“ข้าออกมาจากตำหนักเทพนานแล้ว รู้ไม่มากนัก รู้แค่ว่าเขาเก่งในการบงการจิตใจคน ไม่ใช่คนมีเมตตา”
อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ
“เรื่องเหล่านี้ยังไม่พอ ต้องมีหลักฐานเพียงพอที่จะโค่นล้มเขาลงได้”
“ข้าอยากช่วยแต่ก็จนปัญญา ที่ข้ามาที่นี่ก็แค่เพื่อบอกเจ้าว่า ถ้าต้องการฆ่าเฮ่อยวน ช่วงนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุด ประเดี๋ยวคนอื่นจะมาพบเข้า ข้าอยู่นานไม่ได้ ต้องกลับไปก่อนแล้ว”
หลังจากพูดจบฉีอวิ๋นจื่อก็เปิดประตูเดินออกไป
อินชิงเสวียนไตร่ตรองถึงสีหน้าท่าทางที่หลากหลายของนางอย่างระมัดระวัง ฉีอวิ๋นจื่อน่าจะมีเรื่องปิดบังซ่อนเร้นมากมาย
คนผู้นี้ไม่น่าเชื่อถือเท่ากับฉุยอวี้กับเฟิงเอ้อร์เหนียง และนอกจากนี้ ตัวเองก็ไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม อินชิงเสวียนแค่นึกดูหมิ่นถิ่นแคลนพฤติกรรมของเฮ่อยวนเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นเกลียดชัง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือฆ่าเขา
แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะยืนอยู่ที่นี่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าพ่อของตัวเอง ตอนนี้กำลังรอข่าวจากฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงเท่านั้น
ในขณะที่อินชิงเสวียนกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉีอวิ๋นจื่อก็ออกจากเรือนหลังเล็กโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
หลังจากโคจรกำลังภายในได้ระยะหนึ่ง เฮ่อยวนที่ถูกวางยายาก็หมดฤทธิ์ หากอินชิงเสวียนโจมตีเขาในเวลานี้ ต้องถูกเขาฆ่ากลับแน่นอน
แค่ดูเหมือนนังเด็กเวรนี่จะไม่ศรัทธา ฉลาดกว่าแม่ของนางมาก
นับตั้งแต่เห็นอินชิงเสวียน นางรู้สึกว่าอารมณ์และพฤติกรรมของนางคล้ายกับเหมยชิงเกอมาก ดังนั้นนางจึงเริ่มตรวจสอบ
และจนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนของตัวเอง ไม่รู้ว่ามาที่นี่ด้วยเหตุใดกันแน่
ฉีอวิ๋นจื่อคิดฟุ้งซ่านไปตลอดทาง เมื่อนางกลับมาถึงที่พัก ร่างหนึ่งที่กลมกลืนไปกับค่ำคืนนั้น กำลังขมวดคิ้วมองมาที่นาง
เดิมทีเฮ่อฉางเฟิงอยากมาดูว่าอินชิงเสวียนหลับอยู่หรือไม่ แต่กลับเห็นป้าชุย
หากว่าครั้งแรกที่นางไปที่นั่นก็เพื่อรับรองแขก แต่กลางดึกกลางดื่นกลับไปที่นั่นอีก นี่ค่อนข้างอธิบายได้ยาก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เฮ่อฉางเฟิงให้ความเคารพนางมาโดยตลอด แต่คืนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างอื่น
นางกับอินชิงเสวียนรู้จักกันหรือไม่
อินชิงเสวียนไม่ได้กลับไปเมืองหลวง แต่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในเทือกเขาเชื่อมเมฆา สาเหตุมาจากอะไรกันแน่
แม้ว่าเฮ่อฉางเฟิงจะมีความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมที่อธิบายไม่ได้กับอินชิงเสวียน แต่ในตอนที่อิ๋นเฉิงเพิ่งเปิดเมือง ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนมาด้วยจุดมุ่งหมายอื่น
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากสงสัยอินชิงเสวียน นางเป็นคนกล้าหาญจริงใจเปิดเผย ดังที่เห็นในเป่ยไห่ แล้วจอนนี้จะเป็นคนขี้ขลาดที่มีเจตนาซ่อนเร้นได้อย่างไร แต่เกรงว่าป้าชุยคนนี้ ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดหน่อยแล้ว
เมื่อเห็นนางเดินเข้าไปในห้องและไม่ออกมาอีก เฮ่อฉางเฟิงก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
น่าเสียดายที่ช้าไปหนึ่งก้าว หากได้ติดตามอินชิงเสวียนไป เขาอาจจะได้ยินเหตุการณ์ดีๆ เช่นกัน
วันต่อมา
เมื่อไก่ขัน อิ๋นเฉิงก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ผู้คนนำของมาตั้งแผงขายของใกล้ป่าหมอก แลกเปลี่ยนสิ่งของที่จำเป็นกับชาวบ้าน ทั้งชายหญิงและเด็กต่างต่อคิวยาวเหยียดเพื่อขอรับการรักษาจากแพทย์
หลังจากที่อินชิงเสวียนล้างหน้าล้างตาทำผมเสร็จแล้ว พอเปิดประตูก็เห็นเฮ่อฉางเฟิง
“ข้าน้อยรบกวนแม่นางอินหรือเปล่า”
“เปล่า นี่ตื่นสายไปหน่อย กงซวินฮูหยินยังอยู่ในเรือนหรือไม่ ข้าจะไปบอกลาหน่อย”
เมื่อได้ยินว่าอินชิงเสวียนกำลังจะจากไป เฮ่อฉางเฟิงก็เริ่มร้อนใจ
“เจ้าเพิ่งพักอยู่แค่วันเดียว ทำไมถึงจะออกไปเสียแล้วล่ะ? ถึงอย่างไรก็ต้องอยู่ต่ออีกสองวันสิ ในอิ๋นเฉิงยังมีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...