เมื่อเห็นว่าเหมยชิงเกอไม่ตอบ อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ร้องเรียกออกมาเบาๆ
“ผู้อาวุโสเหมย?”
เหมยชิงเกอจึงรู้สึกตัว นางเชิดคางขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในเมื่อเป็นฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ ก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับคนทั่วไปอย่างเรา”
เย่จิ่งอวี้อึดอัดวางตัวไม่ถูก แต่ก็ไม่โกรธ
ในเมื่อคนผู้นี้เป็นผู้อาวุโสในตำหนักเทพ เช่นนั้นคงช่วยเหลือเสวียนเอ๋อร์ไว้อย่างมาก ไม่เช่นนั้น เสวียนเอ๋อร์คงไม่ให้ความสำคัญกับคนผู้นี้มากนัก
เขาพูดด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปาก “ผู้อาวุโสคิดมากเกินไปแล้ว เมื่อได้เข้ามาในยุทธภพ ก็ควรลำดับความอาวุโสให้เหมาะสม เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโส ผู้เยาว์ย่อมไม่กล้าอวดดีอยู่แล้ว”
เหมยชิงเกอเดินไปหาอินชิงเสวียน
“ชิงเสวียน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
อินชิงเสวียนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แม้ว่าเหมยชิงเกอจะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเจ้าของร่างเดิม แต่ในแง่ของความใกล้ชิด นางยังคงใกล้ชิดกับเย่จิ่งอวี้มากกว่า
ทั้งสองผ่านประสบการณ์เรื่องราวหลายอย่างด้วยกัน ไม่ธรรมดาเหมือนคู่รักทั่วไปอีกแล้ว แม้ว่าคราวนี้นางจะแอบเข้าไปในถ้ำเสือเพียงลำพัง แต่ก็เป็นสิ่งที่นางต้องการ ไม่เกี่ยวข้องกับเย่จิ่งอวี้เลย
หลังจากที่เขาฟื้นความทรงจำแล้ว เขาก็มาตามหาตัวเองที่ตำหนักเทพทันที ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในใจของเขานั้น ตัวเองมีสถานะสำคัญกว่าแคว้น
การได้แต่งงานกับสามีเช่นนี้ นับเป็นความโชคดีอย่างยิ่ง เมื่อเห็นเหมยชิงเกอปฏิบัติต่อเขาไม่ดี คิ้วจิ้มลิ้มพริ้มเพราก็ขมวดมุ่นอย่างอดไม่ได้
นางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อของเย่จิ่งอวี้
“อาอวี้”
“ข้าอยู่ที่นี่”
เย่จิ่งอวี้ประคองอินชิงเสวียน
“เสวียนเอ๋อร์ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่ อยากให้ข้ารักษาเจ้าต่อหรือไม่”
อินชิงเสวียนตาหยี แสดงรอยยิ้มอันแสนหวาน
“ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ท่านไม่ต้องห่วง ข้ากำลังคิดว่า พวกเราควรลงเขากันดีหรือไม่”
ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ดูอ่อนโยน พูดด้วยสีหน้าเอาใจ “ถ้าเจ้าต้องการจากไป เราก็สามารถออกไปได้ตลอดเวลา”
เหมยชิงเกอกระแอมในลำคอ เปล่งเสียงพูดว่า “แม่นางชิงเสวียนเหตุใดถึงต้องรีบร้อนจากไปขนาดนี้ ควรอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง ให้ข้าทำหน้าที่ในฐานะเจ้าของบ้านให้ดีที่สุด”
อินชิงเสวียนจึงหันมาหานาง แล้วล้วงเอาตราหยกออกจากแขนเสื้อ
“เจ้าตำหนักจินเสียชีวิตแล้ว นี่คือคำสั่งก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาจะฝากสิ่งนี้ไว้ให้ท่านเก็บรักษาไว้”
เหมยชิงเกอหรับตราหยก เฟิงเอ้อร์เหนียงก็คุกเข่าลงทันที
“น้อมคำนับเจ้าตำหนักคนใหม่”
เหมยชิงเกอลูบตราหยก ดวงตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ความรู้สึกที่มีต่อเจ้าตำหนักนั้นเห็นเข้าเป็นทั้งพ่อและครู แต่ตอนนี้ถูกแยกออกจากกันโดยไม่ได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ นางทำใจไม่ได้จริงๆ
เมื่อนึกถึงตอนที่เพิ่งขึ้นเขา เจ้าตำหนักตั้งใจสอนสั่งอย่างจริงใจ เหมยชิงเกออดไม่ได้ที่จะตาแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม
เฟิงเอ้อร์เหนียงที่คุกเข่าลงกับพื้น ก็ร้องไห้เช่นกัน
พวกนางล้วนเป็นศิษย์ที่เจ้าตำหนักพาขึ้นเขามา ความรักของเฟิงเอ้อร์เหนียงที่มีต่อเจ้าตำหนักนั้นไม่น้อยไปกว่าเหมยชิงเกอ เมื่อจู่ๆ ก็ได้รับข่าวร้าย ทำให้นางเสียใจมาก น้ำตาไหลอาบแก้ม
ฉุยอวี้เตะชาวยุทธ์คนหนึ่งออกไป แล้วเหาะขึ้นมาบนแท่น
“เกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าเป็นอะไรไป”
จากนั้นก็เห็นตราหยกในมือของเหมยชิงเกอ จึงโค้งคำนับทันที
“ฉุยอวี้น้อมคำนับเจ้าตำหนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...