“เจียงตงหลิวถวายพระพรท่านอ๋อง!”
เจียงตงหลิวหอบพุงใหญ่ๆ เตรียมที่จะคุกเข่าลง
“ท่านโหวโปรดลุกขึ้นเถิด”
เย่จิ่งเย่าก้าวฉับๆ ช่วยพยุงเขาลุกขึ้น
“ท่านโหวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวังแล้วรึ”
เจียงตงหลิวขมวดคิ้วพูดว่า “เข้าวังแล้ว แต่ได้รับข่าวมาไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีรึข่าวร้าย”
เจียงตงหลิวเงยหน้าขึ้น สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นเส้นสีดำที่หางตาของเย่จิ่งอวี้
เจียงซิ่วหนิงก็เห็นเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เชิญท่านพ่อกับท่านอ๋องคุยกันเถอะ ลูกขอตัวก่อน”
เย่จิ่งเย่าไม่สังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเขา จึงถามทันที “ข่าวอะไรรึ”
เจียงตงหลิวไอแห้งๆ และพูดซ้ำคำพูดของเย่จิ่งอวี้
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเย่จิ่งเย่าก็หม่นแสงลง พูดอย่างเคียดแค้น “เย่จิ่งอวี้เจ้าชาติสุนัข เห็นชัดว่าต้องการส่งพวกเราไปตายที่เจียงวู”
เจียงตงหลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คงไม่เป็นเช่นนั้นเสียทีเดียว หากสามารถทำให้เจียงวูสงบลงได้จริง ไม่เพียงแต่ท่านอ๋องจะสามารถกลับคืนสู่ราชสำนัก แต่กระหม่อมยังสามารถกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับซิ่วหนิงที่เมืองหลวงได้”
เย่จิ่งเย่าคำราม “ข้าได้ยินมาว่าเจียงวูได้สร้างพันธมิตรกับหลายแคว้น นอกเหนือจากตระกูลอินแล้ว ยังมีมีใครมีความสามารถเช่นนั้นอีก”
เจียงตงหลิวหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ตอนนี้ตระกูลอินกลายเป็นกบฏแล้ว ไม่มีทางออกจากเมืองซุ่ยหานได้ ตอนนี้อาจเป็นโอกาสสำหรับเรา สรุปแล้วก็คือ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพยายามของมนุษย์ ท่านอ๋องอย่าเพิ่งทำลายศักดิ์ศรีของตัวเอง”
เย่จิ่งเย่าโบกแขนเสื้อแล้วพูดว่า “ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเย่จิ่งอวี้ส่งนักฆ่าไประหว่างทาง ท่านกับข้าจะรับมืออย่างไร”
“นี่...ฮ่องเต้หมายจะทำให้ความวุ่นวายสงบ ไม่น่าจะทำเช่นนั้น”
เจียงตงหลิวก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
เมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ เจียงตงหลิวได้พบกับองค์รัชทายาทหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการสานสัมพันธ์แน่นแฟ้นนัก ตอนนี้จึงไม่เข้าใจความคิดของเย่จิ่งอวี้
เย่จิ่งเย่าพูดอย่างคับแค้นใจ “เย่จิ่งอวี้ชาติสุนัขผู้นี้เจ้าเล่ห์แสนกลนัก กลอุบายสกปรกอะไรก็ใช้ได้ ที่เขาเสนอแนะเช่นนี้ต้องมีกลอุบายบางอย่างอยู่เบื้องหลังแน่นอน พวกเราต้องไม่หลงกลเขา”
“แล้วเราควรทำอย่างไรดี เขาได้มีคำสั่งให้ข้าพักผ่อนสักพักแล้วออกเดินทัพทันที”
เจียงตงหลิวถามขึ้นด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
นัยน์ตาของเย่จิงเย่าวูบไหว พูดว่า “ไม่เป็นไร นับแต่วันพรุ่งนี้ข้าจะบอกว่าป่วย เขาคงไม่ให้ข้าออกรบทั้งๆ ที่ยังป่วยอยู่เป็นแน่ อีกทั้งยังมีเสด็จแม่คอยดูแลอยู่ในวัง คิดว่าเขาคงไม่กล้าบังคับข้า”
“เป็นความคิดที่ดี เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้”
แม้ว่าเจียงตงหลิวต้องการยกทัพ สร้างความดีความชอบ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่จิ่งเย่าพูด ในใจก็อดไม่ได้ที่จะหวาดระแวง
ในแง่ของความสัมพันธ์ เขามีความใกล้ชิดกับเย่จิ่งเย่ามากกว่า
เย่จิ่งเย่าหันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านโหวเดินทางมาไกล ขอเชิญพักอยู่ในจวนสักระยะเถิด เพื่อเป็นสักขีพยานในอาการป่วยของข้า”
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
“อืม เด็กๆ พาท่านโหวไปพักผ่อนที่เรือนหลัง”
จากนั้นก็มีเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามา แล้วนำทางเจียงตงหลิวไปยังเรือนหลัง...
ณ สนามฝึก
จังเถี่ยและสวีเหลียงกำลังฝึกทหารอย่างคึกคักเต็มที่ พลางตะโกนลั่นไม่หยุด
อินชิงเสวียนที่ดูอยู่ก็เดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น ไม่ได้เจอกันหลายวัน คนเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเห็นได้ว่าการฝึกค่อนข้างได้ผลดีทีเดียว
อินชิงเสวียนเข้าไปบำรุงขวัญทุกคนครู่หนึ่ง จากนั้นพาหลี่ชีไปเอาโกลนม้า
หนึ่งร้อยคู่พอดีไม่ขาดไม่เกิน เถ้าแก่เป็นคนซื่อสัตย์มาก สิ่งเดียวที่ไม่ดีคือ อินชิงเสวียนจ่ายเงินเพิ่มอีกหนึ่งร้อยตำลึง
หลังจากแขวนสิ่งของทั้งหมดบนหลังม้าแล้ว ก็พาหลี่ฉีกลับไปที่บ้านของหลิวเหล่าไท่ไท่
ที่บ้านมีเด็กอยู่แค่สองคน พอถามถึงทราบว่าหลิวเหล่าไท่ไท่เปิดร้านขายข้าวไว้ พี่สาวของพวกเขาจึงตามไปขายของ
ท่านยายผู้นี้ทำงานคล่องแคล่วดีทีเดียว เช่นนั้นก็ขนเสบียงอาหารมาเพิ่มในนางหน่อยก็แล้วกัน
อินชิงเสวียนให้หลี่ฉีรออยู่ข้างนอก ส่วนตัวเองเข้าไปในบ้าน ขนถ่ายเสบียงอาหารไว้ เมื่อนางออกมา ได้หยิบลูกอมรสนมถุงใหญ่ด้วย จากนั้นแบ่งให้เด็กทั้งสอง แล้วส่วนที่เหลือก็แบ่งให้หลี่ฉีกับฉินเทียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...