ตอน บทที่ 132 หลานชายของเสนากวน จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 132 หลานชายของเสนากวน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
“เจียงตงหลิวถวายพระพรท่านอ๋อง!”
เจียงตงหลิวหอบพุงใหญ่ๆ เตรียมที่จะคุกเข่าลง
“ท่านโหวโปรดลุกขึ้นเถิด”
เย่จิ่งเย่าก้าวฉับๆ ช่วยพยุงเขาลุกขึ้น
“ท่านโหวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวังแล้วรึ”
เจียงตงหลิวขมวดคิ้วพูดว่า “เข้าวังแล้ว แต่ได้รับข่าวมาไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีรึข่าวร้าย”
เจียงตงหลิวเงยหน้าขึ้น สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นเส้นสีดำที่หางตาของเย่จิ่งอวี้
เจียงซิ่วหนิงก็เห็นเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เชิญท่านพ่อกับท่านอ๋องคุยกันเถอะ ลูกขอตัวก่อน”
เย่จิ่งเย่าไม่สังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเขา จึงถามทันที “ข่าวอะไรรึ”
เจียงตงหลิวไอแห้งๆ และพูดซ้ำคำพูดของเย่จิ่งอวี้
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเย่จิ่งเย่าก็หม่นแสงลง พูดอย่างเคียดแค้น “เย่จิ่งอวี้เจ้าชาติสุนัข เห็นชัดว่าต้องการส่งพวกเราไปตายที่เจียงวู”
เจียงตงหลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คงไม่เป็นเช่นนั้นเสียทีเดียว หากสามารถทำให้เจียงวูสงบลงได้จริง ไม่เพียงแต่ท่านอ๋องจะสามารถกลับคืนสู่ราชสำนัก แต่กระหม่อมยังสามารถกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับซิ่วหนิงที่เมืองหลวงได้”
เย่จิ่งเย่าคำราม “ข้าได้ยินมาว่าเจียงวูได้สร้างพันธมิตรกับหลายแคว้น นอกเหนือจากตระกูลอินแล้ว ยังมีมีใครมีความสามารถเช่นนั้นอีก”
เจียงตงหลิวหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ตอนนี้ตระกูลอินกลายเป็นกบฏแล้ว ไม่มีทางออกจากเมืองซุ่ยหานได้ ตอนนี้อาจเป็นโอกาสสำหรับเรา สรุปแล้วก็คือ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพยายามของมนุษย์ ท่านอ๋องอย่าเพิ่งทำลายศักดิ์ศรีของตัวเอง”
เย่จิ่งเย่าโบกแขนเสื้อแล้วพูดว่า “ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเย่จิ่งอวี้ส่งนักฆ่าไประหว่างทาง ท่านกับข้าจะรับมืออย่างไร”
“นี่...ฮ่องเต้หมายจะทำให้ความวุ่นวายสงบ ไม่น่าจะทำเช่นนั้น”
เจียงตงหลิวก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
เมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ เจียงตงหลิวได้พบกับองค์รัชทายาทหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการสานสัมพันธ์แน่นแฟ้นนัก ตอนนี้จึงไม่เข้าใจความคิดของเย่จิ่งอวี้
เย่จิ่งเย่าพูดอย่างคับแค้นใจ “เย่จิ่งอวี้ชาติสุนัขผู้นี้เจ้าเล่ห์แสนกลนัก กลอุบายสกปรกอะไรก็ใช้ได้ ที่เขาเสนอแนะเช่นนี้ต้องมีกลอุบายบางอย่างอยู่เบื้องหลังแน่นอน พวกเราต้องไม่หลงกลเขา”
“แล้วเราควรทำอย่างไรดี เขาได้มีคำสั่งให้ข้าพักผ่อนสักพักแล้วออกเดินทัพทันที”
เจียงตงหลิวถามขึ้นด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
นัยน์ตาของเย่จิงเย่าวูบไหว พูดว่า “ไม่เป็นไร นับแต่วันพรุ่งนี้ข้าจะบอกว่าป่วย เขาคงไม่ให้ข้าออกรบทั้งๆ ที่ยังป่วยอยู่เป็นแน่ อีกทั้งยังมีเสด็จแม่คอยดูแลอยู่ในวัง คิดว่าเขาคงไม่กล้าบังคับข้า”
“เป็นความคิดที่ดี เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้”
แม้ว่าเจียงตงหลิวต้องการยกทัพ สร้างความดีความชอบ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่จิ่งเย่าพูด ในใจก็อดไม่ได้ที่จะหวาดระแวง
ในแง่ของความสัมพันธ์ เขามีความใกล้ชิดกับเย่จิ่งเย่ามากกว่า
เย่จิ่งเย่าหันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านโหวเดินทางมาไกล ขอเชิญพักอยู่ในจวนสักระยะเถิด เพื่อเป็นสักขีพยานในอาการป่วยของข้า”
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
“อืม เด็กๆ พาท่านโหวไปพักผ่อนที่เรือนหลัง”
จากนั้นก็มีเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามา แล้วนำทางเจียงตงหลิวไปยังเรือนหลัง...
ณ สนามฝึก
จังเถี่ยและสวีเหลียงกำลังฝึกทหารอย่างคึกคักเต็มที่ พลางตะโกนลั่นไม่หยุด
อินชิงเสวียนที่ดูอยู่ก็เดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น ไม่ได้เจอกันหลายวัน คนเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเห็นได้ว่าการฝึกค่อนข้างได้ผลดีทีเดียว
อินชิงเสวียนเข้าไปบำรุงขวัญทุกคนครู่หนึ่ง จากนั้นพาหลี่ชีไปเอาโกลนม้า
หนึ่งร้อยคู่พอดีไม่ขาดไม่เกิน เถ้าแก่เป็นคนซื่อสัตย์มาก สิ่งเดียวที่ไม่ดีคือ อินชิงเสวียนจ่ายเงินเพิ่มอีกหนึ่งร้อยตำลึง
หลังจากแขวนสิ่งของทั้งหมดบนหลังม้าแล้ว ก็พาหลี่ฉีกลับไปที่บ้านของหลิวเหล่าไท่ไท่
ที่บ้านมีเด็กอยู่แค่สองคน พอถามถึงทราบว่าหลิวเหล่าไท่ไท่เปิดร้านขายข้าวไว้ พี่สาวของพวกเขาจึงตามไปขายของ
ท่านยายผู้นี้ทำงานคล่องแคล่วดีทีเดียว เช่นนั้นก็ขนเสบียงอาหารมาเพิ่มในนางหน่อยก็แล้วกัน
อินชิงเสวียนให้หลี่ฉีรออยู่ข้างนอก ส่วนตัวเองเข้าไปในบ้าน ขนถ่ายเสบียงอาหารไว้ เมื่อนางออกมา ได้หยิบลูกอมรสนมถุงใหญ่ด้วย จากนั้นแบ่งให้เด็กทั้งสอง แล้วส่วนที่เหลือก็แบ่งให้หลี่ฉีกับฉินเทียน
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายคนหนึ่งที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าก็วิ่งมาจากด้านหลัง
ชายผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาเป็นประกาย ใบหน้านั้นคล้ายถูกไฟไหม้ ทำให้มองไม่เห็นถึงรูปลักษณ์ดั้งเดิมของเขา ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวแก่ผู้พบเห็น
เมื่อเห็นใบหน้างามของอินชิงเสวียน ชายคนนั้นก็สะดุ้ง นิ้วที่จับคุณชายน้อยก็อดไม่ได้ที่จะสั่นน้อยๆ
ฉินเทียนกับหลี่ชีก็พลิกกายลงจากหลังม้า แล้วเดินมาอยู่เบื้องหน้าของอินชิงเสวียน
“คุณชายท่านนี้ มีอะไรก็คุยกันได้”
คุณชายน้อยผู้นั้นพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว กล้าขวางทางข้า สมควรตายแล้ว”
ฉินเทียนล้วงป้ายแขวนเอวออกมาจากอกสื้อ แล้วโบกมันต่อหน้าคุณชายน้อย
“เราทำงานให้กับเบื้องบน หากเบื้องบนตำหนิเรา คุณชายน้อยอาจจะรับผิดชอบไม่ไหว”
เมื่อเห็นป้ายแขวนเอวนั้น คุณชายน้อยก็ตกตะลึงงัน
“พวกเจ้าคือ...”
อินชิงเสวียนแค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “ถูกต้อง ยังไม่รีบหลบทางอีก”
คุณชายน้อยโกรธมากจนดวงตาลุกเป็นไฟ เขาไม่เคยคับข้องใจขนาดนี้มาก่อนในชีวิต โดยเฉพาะเมื่อครู่นี้ที่เขาเกือบจะโขกศีรษะให้ขันทีบ้านี่
ในเวลานี้เอง มีเสียงพูดขึ้นท่ามกลางฝูงชนว่า “คนนี้ไม่ใช่คุณชายน้อยกวนหรอกหรือ ไม่นึกว่าเขาจะมีวันที่ยอมศิโรราบด้วย”
แล้วมีอีกคนพูดว่า “สามคนนี้ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ”
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยกันในฝูงชน อินชิงเสวียนก็เข้าใจผิดทันที โดยเข้าใจว่าเขาเป็นหลานชายของกวนฮั่นหลิน
หากเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรแข็งข้อนักจะดีกว่า
จากนั้นเขาก็พูดกับฉินเทียนและหลี่ชี “ช่างเถอะ เอาม้าลุกขึ้น ให้พวกเขาไปก่อน”
คุณชายน้อยกวนคิดว่าอินชิงเสวียนกลัวตัวเอง ดังนั้นจึงพูดอย่างชั่วร้าย “เจ้ายอมหลบทางให้ถูกแล้ว”
เขายกเสื้อคลุมขึ้นทันที พูดอย่างมุ่งร้ายว่า “แต่เจ้าต้องลอดใต้เป้ากางเกงของข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...