สีหน้าของอินชิงเสวียนเย็นลง
“เจ้าอย่าทำเกินไปนัก!”
คุณชายน้อยกวนพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ข้าจะทำเกินไป เจ้าจะทำไม”
สีหน้าของฉินเทียนก็หม่นแสงลงเช่นกัน
“ถ้าคุณชายน้อยยืนกรานที่จะไม่ยอมแพ้ เช่นนั้นพวกเราก็จะได้เห็นดีกัน”
คุณชายน้อยกวนถ่มน้ำลายและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ อาโฉ่ว สั่งสอนเจ้าพวกขันทีเวรนี่หน่อยซิ”
ชายน่าเกลียดที่มีนามว่าอาโฉ่วเดินออกมาจากด้านข้างของคุณชายน้อยกวน เงื้อมือขึ้นต่อยฉินเทียนทันที
วรยุทธ์ของฉินเทียนก็ไม่ได้ด้อยเลย เขาหลบหมัดของอาโฉ่ว แล้วต่อยสวนออกไป
อาโฉ่วถูกฉินเทียนต่อยล้มลงไปกองกับพื้น
คุณชายน้อยกวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ปกติอาโฉ่วจะมีฝีมือร้ายกาจ สู้กับคนอื่นแบบหนึ่งต่อสี่หรือห้าก็ไม่ใช่ปัญหา วันนี้กลับล้มลงด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
เขาก้าวไปเตะอาโฉ่วอย่างอดไม่ได้ พลางด่าทอด้วยความโกรธ “เศษสวะ เลี้ยงเปลืองข้าวสุกของตระกูลเปล่าๆ”
อาโฉ่วกระตุก กอดไหล่ตัวเองแล้วพูดว่า “คุณชายน้อยกวนโปรดอภัยด้วย เป็นบ่าวที่ด้อยฝีมือ เต็มใจถูกลงโทษ”
เมื่อเห็นผู้ติดตามที่น่าเกลียดของเขาล้มลงในทันที อินชิงเสวียนแค่นเสียงด้วยความดูถูก
“คนของเจ้ายอมแพ้แล้ว ยังไม่หลีกทางอีก ถ้าขืนเจ้าไม่ออกไป ข้าจะให้พี่องครักษ์ทั้งสองคนนี้เชิญเจ้าเข้าไปเล่นในวัง”
ฉินเทียนคว้าปกเสื้อของคุณชายน้อยกวนทันที
เมื่อเห็นอาโฉ่วยังคงนอนอยู่บนพื้น คุณชายน้อยกวนก็ไม่กล้าพูดจารุนแรง แม้ว่าปู่ของเขาจะเป็นเสนาบดี แต่ก็ไม่ได้มีฐานะใหญ่โตกว่าผู้ที่อยู่ในวัง ใครจะรู้ว่าขันทีน้อยคนนี้เป็นคนสนิทของเขาหรือไม่
เมื่อนึกได้ดังนี้ เขาก็เริ่มรู้สึกใจเสีย แต่ยังคงตะโกนว่า “ขันทีสุนัข วันนี้ข้าไม่อยากเอาเรื่องคนอย่างเจ้า เก่งนักก็ทิ้งชื่อเจ้าไว้”
อินชิงเสวียนพูดเสียงเรียบ “ข้าชื่อเสี่ยวเสวียนจื่อ ปู่ของเจ้ารู้จักดี”
คุณชายน้อยกวนหัวเราะเยาะ
“ท่านปู่ของข้าเป็นถึงอัครเสนาบดีของสำนัก เขาจะรู้จักคนอย่างเจ้าได้อย่างไร”
อินชิงเสวียนอึ้ง เขาเป็นหลานชายของเสนากวนงั้นหรือ
บ้าเอ้ย ถ้างั้นก็ไม่ต้องเกรงใจแล้ว
นางสะบัดมือหยิบกระบองไฟฟ้าออกมา ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ข้าสนใจงั้นรึว่าปู่ของเจ้าเป็นใคร หรือเขาใหญ่กว่าฮ่องเต้ ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”
ทันใดนั้นกระบองก็โดนตัวคุณชายน้อยกวน และมีเปลวไฟสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากกระบอง ทันใดนั้น คุณชายน้อยกวนก็กระตุกและล้มลงกับพื้น
อาโฉ่วหน้าเปลี่ยนสี กลิ้งไปด้านข้าง และค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้น
ดวงตาประกายจ้องมองไปที่กระบองไฟฟ้า จากนั้นค่อยๆ หันไปที่ใบหน้าของอินชิงเสวียน แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
อินชิงเสวียนมองดูอาโฉ่วด้วยสายตาที่เห็นอกเห็นใจ
“ไปกันเถอะ”
พวกเขาทั้งสามขี่ม้าและหายตัวไปภายในชั่วพริบตา
อาโฉ่วยืนขึ้นจากพื้น ดวงตามองจับไปยังทิศทางที่อินชิงเสวียนหายไป...
หนึ่งชั่วยามต่อมา ทั้งสามคนก็เข้ามาในวัง
อินชิงเสวียนลงม้าที่หน้าประตูวัง อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เสนาบดีคนปัจจุบันของราชสำนักก็แซ่กวนรึ”
หลี่ฉีพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ อัครเสนาบดีคนปัจจุบันของราชสำนักมีนามว่ากวนเมิ่งถิง เสี่ยวเสวียนจื่อ กระบองที่มีประกายไฟของเจ้าคืออะไรรึ”
อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “สิ่งนี้เรียกว่ากระบองไฟฟ้า รอลูกพี่ลูกน้องของข้ากลับมา ข้าจะเอามาให้พวกเจ้าด้วยสองอัน”
แล้วกล่าวต่อไปว่า “คนมักพูดกันว่าถ้ารากไม่ตรงต้นก็จะงอ ดูท่าว่าเสนาบดีกวนผู้นี้คงไม่เท่าไหร่นัก”
พวกฉินเทียนก็ไม่ปริปากพูดว่าถูกหรือไม่ถูก เรื่องในราชสำนัก พวกเขาไม่รู้กระจ่างนัก แต่พวกเขาสนใจกระบองไฟฟ้ามากกว่า
พวกเขาทั้งสามคุยกันสักพัก แล้วจึงไปรายงานผลที่ตำหนักเฉิงเทียนต่อ
เมื่อรู้ว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็มีสีหน้าพึงพอใจมาก จากก็ให้ฉินฉี่ทั้งสองออกไป ทิ้งให้อินชิงเสวียนอยู่เพียงลำพัง
“ข้าสั่งให้คนเปิดวังเย็นแล้ว สามวันนี้เจ้าจะได้พักผ่อน กลับไปใช้เวลากับลูกเถอะ”
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข รีบคุกเข่าลงแล้วพูดว่า “ขอบพระทัยสำหรับพระเมตตาของฝ่าบาท!”
“เจ้าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำงานรับใช้ข้า ข้าย่อมไม่ปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมกับเจ้า”
เย่จิ่งอวี้เดินไปที่โต๊ะ หยิบโฉนดที่ดินออกมา
“ข้ามอบสิ่งนี้ให้กับเจ้า ครั้งต่อไปที่เจ้าออกจากวัง ก็มอบให้แม่ของเจ้าเถอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...