“เหตุใดฮ่องเต้จึงไปที่วังเย็น”
ไทเฮาจับคางอย่างครุ่นคิด หรี่ตาเพลิดเพลินกับการบีบนวดขาของนางกำนัล
ชุยไห่กล่าวว่า “ขันทีน้อยบอกว่าฮ่องเต้เสด็จออกไปเดินเล่นกับสุนัข จึงได้แวะที่วังเย็น”
ไทเฮาเลิกคิ้ว พูดอย่างสบายอารมณ์ “มีอะไรให้รายงานรึ สุนัขแสนโปรดของฮ่องเต้ตัวนั้นผู้ใดจะไม่รู้”
ชุยไห่ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่ามีเสียงหัวเราะของเด็กดังมาจากข้างใน”
“โอ้? คงไม่ได้ฟังผิดหรอกกระมัง ในวังเย็นมีเด็กมาจากไหน”
แล้วไทเฮาก็หลับตาลงอีกครั้ง
ชุยไห่กล่าวว่า “กระหม่อมก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่เสี่ยวเสวียนจื่อก็กลับไปที่วังเย็นเช่นกัน กระหม่อมยังได้ยินมาว่า นานมานี้ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ปิดตายวังเย็น แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ได้มีรับสั่งให้เปิดวังเย็น ทั้งยังประทานของรางวัลไม่น้อย”
ไทเฮาตัวตรงทันที
“เปิดประตูวังเย็นรึ แถมยังประทานของรางวัล ประทานอะไรบ้าง”
ชุยไห่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ไก่ เป็ด ปลา เนื้อ และแพะตัวเมียพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แพะตัวเมีย?
มีเด็กอยู่ในวังเย็นจริงหรือ
มิฉะนั้นเหตุใดต้องประทานแพะตัวเมียล่ะ
“ไปถามสืบดูว่าใครอยู่ในวังเย็น แล้วเหตุใดฝ่าบาทจึงประทานแพะตัวเมียให้”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้”
ชุยไห่ตอบรับและเดินออกไป
แล้วไทเฮาก็ไล่นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ออกไป เหลือเพียงหลิวหมัวมัวคนเดียว
“หรือว่าฮ่องเต้รู้ตัวตนของเสี่ยวเสวียนจื่อแล้ว เด็กในวังเย็นนั่น...”
หลิวหมัวมัวยื่นมือออกมาพยุงไทเฮา ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นายหญิงในวังเย็นอยู่ในวังมาได้หนึ่งปีแล้ว นางยังเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฝ่าบาทหนึ่งคืนด้วย...”
ไทเฮาก็หันขวับ “เจ้าหมายถึง เด็กคนนั้นความจริงก็คือหญิงตระกูลอิน?”
หลิวหมัวมัวกล่าวว่า “ถ้าหากมีลูก ก็มีเพียงลูกของหญิงตระกูลอินเท่านั้นเพคะ คนจากตำหนักอื่น ฮ่องเต้จะทนได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนในวังจะคลอดลูกได้ เพราะเรื่องเช่นนี้เป็นความผิดมหันต์ ขืนเป็นเช่นนั้นเกรงว่าคงถูกฆ่าไปนานแล้ว”
ไทเฮาตกตะลึงพรึงเพริศ
“ความหมายของเจ้าคือ ฮ่องเต้รู้ตัวตนของเสี่ยวเสวียนจื่อแล้ว และรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นของเขารึ”
หลิวหมัวมัมรีบก้มศีรษะลง “หม่อมฉันเพียแต่คาดเดาเท่านั้น”
ไทเฮาขมวดคิ้วทันที
“หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่ถูกเสี่ยวเสวียนจื่อหลอกรึ นางถึงขนาดมีลูกแล้วด้วย จะช่วยข้าจัดการกับ เย่จิ่งอวี้ สารเลวคนนี้ได้อย่างไร”
ไทเฮาสีพระพักตร์มืดมน ตบโต๊ะเสียงดัง
หลิวหมัวมัวรีบเอ่ยขึ้นว่า “ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ก่อนที่จะรู้ความจริง เราไม่สามารถสรุปใดๆ ได้เพคะ”
ไทเฮามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเย็นชา
“ถ้าเช่นนั้นให้คนตรวจสอบโดยเร็ว ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง หากเสี่ยวเสวียนจื่อกล้าที่จะหลอกลวงข้า ข้าจะต้องให้นางได้ชดใช้อย่างแน่นอน...”
ณ วังเย็น
อินชิงเสวียนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงช่วยดูแล เกี๊ยวยังร้อนอยู่ เชิญฝ่าพระบาทเสวยบ้าง”
นางเอื้อมมือออกไปรับตัวเสี่ยวหนานเฟิง แต่เสี่ยวหนานเฟิงจับชายเสื้อของเย่จิ่งอวี้ไม่ยอมปล่อย ศีรษะเล็กๆ ซุกแนบติดร่างของเย่จิ่งอวี้แน่น ท่าทางน่าเอ็นดูนั้นช่างทำให้คนรู้สึกปวดใจ
“หนานเฟิง มาหาพ่อเร็ว”
อินชิงเสวียนดึงเท้าเล็กจ้อยของเขา พยายามดึงดูดความสนใจของเสี่ยวหนานเฟิง
เสี่ยวหนานเฟิงลืมดวงตาคู่โตดั่งผลองุ่นดำ จ้องมองที่เย่จิ่งอวี้อย่างแน่วแน่ ปากอ้าออก จากนั้นเขาก็พูดคำคลุมเครือสองคำ
“พ่อพ่อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...