สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 136

สรุปบท บทที่ 136 ไทเฮาเสด็จ: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

สรุปตอน บทที่ 136 ไทเฮาเสด็จ – จากเรื่อง สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

ตอน บทที่ 136 ไทเฮาเสด็จ ของนิยายโรแมนติกเรื่องดัง สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดยนักเขียน GoodNovel เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เจ้าหมาน้อยร้องไห้เสียงดัง อินชิงเสวียนกลัวว่าจะก่อให้เกิดปัญหา จึงรีบเรียกให้ยายหลี่มาอุ้ม ส่วนตัวเองรีบเข้าไปในมิติ แลกอุลตร้าแมนที่เปล่งแสงได้

ทันทีที่อุลตร้าแมนออกมาก็ทั้งกระโดดและเปล่งแสง ถูกดึงดูดจากสายตาของเสี่ยวหนานเฟิงอย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็หยุดร้องไห้

ยายหลี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนี้ แม้จะตัดกระดูกแต่เส้นเอ็นยังเชื่อมต่อกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดนั้นมหัศจรรย์จริงๆ เสี่ยวหนานเฟิงจะต้องเป็น...”

อินชิงเสวียนกลัวว่าองครักษ์เงาจะได้ยิน ดังนั้นนางจึงรีบขยิบตาให้ยายหลี่ ยายหลี่จึงรีบปิดปากทันที

หลังจากพูดคุยกันสักพัก อินชิงเสวียนก็พาเสี่ยวหนานเฟิงเข้านอน

หลังจากเปิดสับปะรดดูหน้าดูหลังแล้ว จึงพบว่าองครักษ์เงาที่เฝ้าอยู่ตามยอดไม้ทั้งหลายได้หายไปแล้ว

ฝ่าบาทเชื่อนางอีกแล้วรึ

จิตใจของบุรุษล้ำลึกยากหยั่งถึง!

แต่พอคิดถึงเรื่องที่เขาจะให้เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในวัง นางก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง

ในเวลานี้ นางไม่แน่ใจว่าเย่จิ่งอวี้ชอบเสี่ยวหนานเฟิงจริงๆ หรือว่าเขาต้องการใช้เด็กคนนี้ควบคุมตัวเองกันแน่

ทุกคนรู้ดีว่าเย่จิ่งอวี้เป็นคนที่น่ากลัวมาก ความคิดของเขาไม่สามารถวัดได้ด้วยความคิดของคนธรรมดาทั่วไป

เมื่อมองไปที่ลูกน้อยที่กำลังหลับอยู่ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

มาดูกันว่าเย่จิ่งอวี้จะทำอะไรต่อไป บางทีเขาคงเกิดฉุกคิดมาได้อย่างฉับพลัน รอเมื่อจิตใจและอารมณ์ของเขาสงบลงแล้ว ก็คงไม่คิดถึงเด็กคนนี้แล้ว

อินชิงเสวียนครุ่นคิดด้วยความว้าวุ่นอยู่พักหนึ่ง และหลับไปอย่างงงๆ

ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้กลับไม่ได้ง่วงนอนเลย

เขายืนอยู่หน้าประตูตำหนัก มองขึ้นไปยังแสงจันทร์บนขอบฟ้า คิ้วของเขาขมวดแน่น

เดิมทีเขาต้องการไปดูที่หอสุ่ยอวิ้น เมื่อกลับมาก็ได้ยินเสียงดีดฉินของสวีจือย่วนอีก แต่จู่ๆ เขาก็หมดความสนใจ

และในใจก็พอจะรู้อยู่บ้าง ว่าเขาไม่ต้องการให้บ่าวตัวน้อยเข้าใกล้สวีจือย่วน ซึ่งไม่ใช่เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไร หากแต่เพียงไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้กับหญิงผู้อื่น

เย่จิ่งอวี้ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงมีความคิดแย่ๆ เช่นนั้น หรือว่าเขากลายเป็นเหมือนฮ่องเต้โฉดเหล่านั้น ที่เกิดอยากเป็นต้วนซิ่ว และเป้าหมายก็คือขันทีน้อย

ความคิดนี้ทำให้เย่จิ่งอวี้เหงื่อตก

แม้ว่าเขาจะไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชาชาญ แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งที่ผิดจริยธรรมเช่นนี้ได้

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่จิ่งอวี้ก็กำหมัดแน่น เสียงกระดูกข้อต่อหักดังกรอบ

แต่ไม่นานเขาก็ปฏิเสธความคิดของตน

วังหลังมีสาวงามมากมาย แต่ละนางล้วนงดงามอ่อนช้อย เขาจะหลงรักขันทีได้อย่างไร เหตุผลที่สนใจมากเพียงนี้ ต้องเป็นเพราะว่าทะนุถนอมพรสวรรค์ของเขา!

แม้ว่าจะมีในราชวงศ์ต้าโจวจะมีขุนนางอยู่มากมาย แต่เนื่องจากอิทธิพลของระบบการแนะนำ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจึงไม่มีผู้ที่โดดเด่น และขุนนางเฒ่าในราชสำนัก ส่วนใหญ่ล้วนพอใจในสภาพไม่แสวงหาความก้าวหน้าอีกแล้ว ถ้อยวาจามีแต่เรื่องไร้สาระ พอได้ยินแล้วก็รู้สึกเยื่อหน่าย

และเสี่ยวเสวียนจื่อก็หัวไว มีความคิดที่แปลกใหม่มาก บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขา

เย่จิ่งอวี้ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วจึงหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องโถงด้านใน...

วันต่อมา

อินชิงเสวียนถูกปลุกโดยเสี่ยวหนานเฟิง

ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กดื้อนี่ปีนขึ้นไปบนร่างของนางได้อย่างไร ขึ้นมาสัมผัสจมูกและดวงตาของนางโดยเฉพาะ นิ้วน้อยๆ สองนิ้วแหย่เข้าไปในรูจมูกของนาง แล้วส่งเสียงพูดอ้อแอ้ไม่หยุด ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร

อินชิงเสวียนคว้ามือเจ้าป้อมๆ ของเจ้าตัวน้อยจอมซนไว้ แล้วดึงมาหอมฟอดใหญ่ พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าลูกผู้แสนกตัญญูนี่ อยากฆ่าพ่อของเจ้ารึ”

เสี่ยวหนานเฟิงไม่เข้าใจสิ่งที่อินชิงเสวียนพูด แต่เขาอ่านใบหน้าเก่ง เมื่อเห็นรอยยิ้มของอินชิงเสวียน เขาก็หรี่ตาเล็กๆ ยิ้มและหัวเราะไปพร้อมกัน

เมื่อได้ยินทั้งสองคุยกัน อวิ๋นฉ่ายก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก

อวิ๋นฉ่ายตอบรับและไปทำนวดแป้งไว้ ส่วนอินชิงเสวียนไปแลกบัตรภาพคำศัพท์ในมิติออกมา อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงแล้วพูดว่า “นี่คือแอปเปิ้ล นี่คือผีเสื้อ!”

เสี่ยวหนานเฟิงไม่ฟังเลยด้วยซ้ำ ยื่นมือเล็กๆ ออกมาคว้าบัตรภาพ จากนั้นแม่ลูกทั้งสองก็เริ่มยื้อแย่งกันไปมา

ณ ตำหนักฉือหนิง

ในตอนเช้าตรู่ ชุยไห่วิ่งเข้าไปในตำหนัก

ไทเฮาตรัสถามอย่างเคร่งขรึมว่า “การตรวจสอบเป็นอย่างไรบ้าง”

ชุยไห่รีบวิ่งไปที่ข้างหูของไทเฮาทันที แล้วกระซิบด้วยเสียงแผ่บเบา

ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ

“ช่างบังอาจจริงๆ ข้าจะไปดูเดี๋ยวรี้ ว่ามีสัตว์ประหลาดชนิดใดซ่อนอยู่ในวังเย็น”

ชุยไห่ส่งคนออกไปเตรียมเกี้ยว หลังจากนั้นไม่นานขบวนใหญ่ก็เคลื่อนออกมาจากตำหนักฉือหนิงอย่างเอิกเกริก

ในวังเย็น อินชิงเสวียนและเสี่ยวหนานเฟิงกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน เมื่อจู่ๆ ได้ยินเสียงทุบประตูตึงๆ ก็ทำให้อวิ๋นฉ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆ ตกใจ

“หรือฝ่าบาทเสด็จมา”

อย่างไรก็ตาม อินชิงเสวียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสียงทุบประตูดังเสียงถี่กระชั้น ไม่น่าจะใช่ เย่จิ่งอวี้

“เจ้าดูเสี่ยวหนานเฟิงไว้ ข้าจะไปดูเอง”

นางจึงจัดแจงอาภารณืให้เรียบร้อย แล้วเดินมายังประตูวังเย็น

เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “นั่นใคร”

เสียงของชุยไห่ดังมาจากข้างนอก เขาเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เมื่อเร็วๆ นี้ได้ยินมาว่าในวังเย็นมักจะมีเสียงเด็กร้องไห้อยู่ประจำ ไมเฮาได้นำหมอผีในวังมาตรวจสอบเป็นพิเศษ เจ้ารีบเปิดประตูเดี๋ยวนี้! “

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์