เจ้าหมาน้อยร้องไห้เสียงดัง อินชิงเสวียนกลัวว่าจะก่อให้เกิดปัญหา จึงรีบเรียกให้ยายหลี่มาอุ้ม ส่วนตัวเองรีบเข้าไปในมิติ แลกอุลตร้าแมนที่เปล่งแสงได้
ทันทีที่อุลตร้าแมนออกมาก็ทั้งกระโดดและเปล่งแสง ถูกดึงดูดจากสายตาของเสี่ยวหนานเฟิงอย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็หยุดร้องไห้
ยายหลี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนี้ แม้จะตัดกระดูกแต่เส้นเอ็นยังเชื่อมต่อกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดนั้นมหัศจรรย์จริงๆ เสี่ยวหนานเฟิงจะต้องเป็น...”
อินชิงเสวียนกลัวว่าองครักษ์เงาจะได้ยิน ดังนั้นนางจึงรีบขยิบตาให้ยายหลี่ ยายหลี่จึงรีบปิดปากทันที
หลังจากพูดคุยกันสักพัก อินชิงเสวียนก็พาเสี่ยวหนานเฟิงเข้านอน
หลังจากเปิดสับปะรดดูหน้าดูหลังแล้ว จึงพบว่าองครักษ์เงาที่เฝ้าอยู่ตามยอดไม้ทั้งหลายได้หายไปแล้ว
ฝ่าบาทเชื่อนางอีกแล้วรึ
จิตใจของบุรุษล้ำลึกยากหยั่งถึง!
แต่พอคิดถึงเรื่องที่เขาจะให้เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในวัง นางก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง
ในเวลานี้ นางไม่แน่ใจว่าเย่จิ่งอวี้ชอบเสี่ยวหนานเฟิงจริงๆ หรือว่าเขาต้องการใช้เด็กคนนี้ควบคุมตัวเองกันแน่
ทุกคนรู้ดีว่าเย่จิ่งอวี้เป็นคนที่น่ากลัวมาก ความคิดของเขาไม่สามารถวัดได้ด้วยความคิดของคนธรรมดาทั่วไป
เมื่อมองไปที่ลูกน้อยที่กำลังหลับอยู่ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
มาดูกันว่าเย่จิ่งอวี้จะทำอะไรต่อไป บางทีเขาคงเกิดฉุกคิดมาได้อย่างฉับพลัน รอเมื่อจิตใจและอารมณ์ของเขาสงบลงแล้ว ก็คงไม่คิดถึงเด็กคนนี้แล้ว
อินชิงเสวียนครุ่นคิดด้วยความว้าวุ่นอยู่พักหนึ่ง และหลับไปอย่างงงๆ
ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้กลับไม่ได้ง่วงนอนเลย
เขายืนอยู่หน้าประตูตำหนัก มองขึ้นไปยังแสงจันทร์บนขอบฟ้า คิ้วของเขาขมวดแน่น
เดิมทีเขาต้องการไปดูที่หอสุ่ยอวิ้น เมื่อกลับมาก็ได้ยินเสียงดีดฉินของสวีจือย่วนอีก แต่จู่ๆ เขาก็หมดความสนใจ
และในใจก็พอจะรู้อยู่บ้าง ว่าเขาไม่ต้องการให้บ่าวตัวน้อยเข้าใกล้สวีจือย่วน ซึ่งไม่ใช่เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไร หากแต่เพียงไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้กับหญิงผู้อื่น
เย่จิ่งอวี้ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงมีความคิดแย่ๆ เช่นนั้น หรือว่าเขากลายเป็นเหมือนฮ่องเต้โฉดเหล่านั้น ที่เกิดอยากเป็นต้วนซิ่ว และเป้าหมายก็คือขันทีน้อย
ความคิดนี้ทำให้เย่จิ่งอวี้เหงื่อตก
แม้ว่าเขาจะไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชาชาญ แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งที่ผิดจริยธรรมเช่นนี้ได้
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่จิ่งอวี้ก็กำหมัดแน่น เสียงกระดูกข้อต่อหักดังกรอบ
แต่ไม่นานเขาก็ปฏิเสธความคิดของตน
วังหลังมีสาวงามมากมาย แต่ละนางล้วนงดงามอ่อนช้อย เขาจะหลงรักขันทีได้อย่างไร เหตุผลที่สนใจมากเพียงนี้ ต้องเป็นเพราะว่าทะนุถนอมพรสวรรค์ของเขา!
แม้ว่าจะมีในราชวงศ์ต้าโจวจะมีขุนนางอยู่มากมาย แต่เนื่องจากอิทธิพลของระบบการแนะนำ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจึงไม่มีผู้ที่โดดเด่น และขุนนางเฒ่าในราชสำนัก ส่วนใหญ่ล้วนพอใจในสภาพไม่แสวงหาความก้าวหน้าอีกแล้ว ถ้อยวาจามีแต่เรื่องไร้สาระ พอได้ยินแล้วก็รู้สึกเยื่อหน่าย
และเสี่ยวเสวียนจื่อก็หัวไว มีความคิดที่แปลกใหม่มาก บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขา
เย่จิ่งอวี้ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วจึงหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องโถงด้านใน...
วันต่อมา
อินชิงเสวียนถูกปลุกโดยเสี่ยวหนานเฟิง
ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กดื้อนี่ปีนขึ้นไปบนร่างของนางได้อย่างไร ขึ้นมาสัมผัสจมูกและดวงตาของนางโดยเฉพาะ นิ้วน้อยๆ สองนิ้วแหย่เข้าไปในรูจมูกของนาง แล้วส่งเสียงพูดอ้อแอ้ไม่หยุด ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร
อินชิงเสวียนคว้ามือเจ้าป้อมๆ ของเจ้าตัวน้อยจอมซนไว้ แล้วดึงมาหอมฟอดใหญ่ พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าลูกผู้แสนกตัญญูนี่ อยากฆ่าพ่อของเจ้ารึ”
เสี่ยวหนานเฟิงไม่เข้าใจสิ่งที่อินชิงเสวียนพูด แต่เขาอ่านใบหน้าเก่ง เมื่อเห็นรอยยิ้มของอินชิงเสวียน เขาก็หรี่ตาเล็กๆ ยิ้มและหัวเราะไปพร้อมกัน
เมื่อได้ยินทั้งสองคุยกัน อวิ๋นฉ่ายก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...