บทที่ 149 พ่อเสือย่อมไม่ให้กำเนิดลูกหมา – ตอนที่ต้องอ่านของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตอนนี้ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 149 พ่อเสือย่อมไม่ให้กำเนิดลูกหมา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ฝนตกหนักเช่นนี้ยังต้องประลองกันอีก ฮ่องเต้ในสมัยโบราณช่างชอบแข่งขันจริงๆ!
อินชิงเสวียนบ่น แล้วหยิบชุดฟางกันฝนที่ฉินเทียนส่งให้นาง และออกจากประตูวังหลวง
หลี่ฉีกำลังรออยู่ที่ประตูแล้ว
“วันนี้ไม่มีประชุมเช้า พวกขุนนางทุกคนจะไปที่สนามฝึก รีบไปกันเถอะ”
อินชิงเสวียนไม่กล้ารอช้า ขึ้นหลังม้าแล้วควบออกจากประตูวังทันที
ฝนยังคงตกอยู่ หยาดฝนเท่าเมล็ดถั่วก็ตกกระทบแก้มจนเจ็บ ยังให้ความหนาวเย็นสายหนึ่ง
อินชิงเสวียนดึงหมวกลงแล้วกัดฟันขี่ม้าไปที่สนามฝึก
ในเวลานี้ แท่นฝึกทหารสูงเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ทุกคนสวมชุดฟางกันฝน ทำให้มองเห็นรูปร่างไม่ชัดเจน คนเดียวที่โดดเด่นคือเย่จิ่งอวี้ ซึ่งมีร่มทรงพุ่มขนาดใหญ่ช่วยกัรฝนอยู่
เขาสวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองอร่าม ด้วยรูปร่างอันเพรียวบางจากการไม่ได้สวมชุดฟางกันฝน ทำให้เขาโดดเด่นท่ามกลางฝูงชนในชุดฟางกันฝน
อินชิงเสวียนพลิกตัวลงจากหลังม้า พูดด้วยความเคารพ “กระหม่อมเสี่ยวเสวียนจื่อถวายบังคมฝ่าบาท”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้าเล็กน้อย “ลุกขึ้น”
ซ่งเฉียวอันที่อยู่ด้านข้างแทบรอไม่ไหวอีกต่อไป
เขายกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ในเมื่อขันทีเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงก็อยู่ที่นี่แล้ว ก็เริ่มการประลองเถอะ”
คนเหล่านี้ทั้งหมดได้รับการคัดเลือกจากทัพทหารม้าและผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดเป็นเวลาครึ่งเดือน เพื่อแสดงศักดาต่อเบื้องพระพักตร์ของฝ่าบาท
อินชิงเสวียนขยับริมฝีปากพูดว่า “ในเมื่อแม่ทัพซ่งใจร้อนเช่นนี้ พวกเรามาดูของจริงกันดีกว่า หลี่ฉี เปิดประตูทิศตะวันตก”
“ขอรับ”
หลี่ฉีเดินไปยังเรือนลงโทษอย่างรวดเร็ว ประตูถูกผลักเปิดออกทั้งสองด้านเสียงดังเอี๊ยด
จังเถี่ย สวีเหลียง และคนอื่นๆ เตรียมพร้อมและกระตือรือร้นที่จะประลองอยู่แล้ว แล้วจึงนำม้าของพวกเขาออกไปทันที
จอมพลเฒ่ากวนซึ่งยืนอยู่ทางด้านขวาของฮ่องเต้ขมวดคิ้ว วันนี้เขาได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้เข้ามาชมการประลอง แม้ว่าเขาจะไม่ชอบซ่งเฉียวอันและคนอื่นๆ แต่เขาก็ไม่ได้หวังอะไรอินชิงเสวียนมากนัก
แม้ว่าอินชิงเสวียนจะเป็นลูกสาวของลูกศิษย์ที่รักของเขา แต่นางก็ไม่เคยฝึกยุทธ์
คุณหนูที่ทำได้เพียงดีดพิณร้องเพลง จะฝึกทหารได้อย่างไร
แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฮ่องเต้ หากต้องการให้นางประลองกับซ่งเฉียวอันให้ได้ เรื่องการศึกกับเจียงวูคงล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ฮ่องเต้ผ่านพ้นไม่ได้!
น่าเสียดายที่ฮ่องเต้รู้สึกแสลงใจต่อเขาเพราะเรื่องของตระกูลอิน หากให้ตระกูลกวนออกรบ บางทีความพ่ายแพ้นี้อาจพลิกกลับได้!
เมื่อนึกถึงตระกูลกวนที่เจริญรุ่งเรือง และตอนนี้เหลือเพียงกวนเซี่ยวที่เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอ้างว้างอยู่ในใจเล็กน้อย
อินชิงเสวียนรีบมาหาจังเถี่ยและสวีเหลียง กระซิบพูดสองสามคำกับพวกเขา
หลังจากฟังจบทั้งสองก็พยักหน้าหงึกหงัก แล้วแต่ละคนก็ไปสั่งความกับคนในฝ่ายของตน
ซ่งเฉียวอันยืนอยู่หน้าเวทีด้วยรอยยิ้มเยาะ
ผู้เหยาะแหยะเหล่านี้ต้องการเอาชนะทหารม้าของเขา ก็ทำได้แค่ฝันเท่านั้นแหละ
เสียงกีบม้าดังสะเทือน ทั้งสองฝ่ายก็พร้อมที่จะต่อสู้ ทันทีที่แตรดังขึ้นทุกคนก็รีบไปยังจุดหนึ่งเพื่อต่อสู้
เมื่อมองดูฝนเม็ดใหญ่ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า มุมปากของอินชิงเสวียนก็ยกขึ้นอีกเล็กน้อย
สวรรค์ช่วยนาง!
ฝนตกหนักทำให้ม้าลื่น คนพวกนั้นที่อยู่หลังม้าก็ไม่มีที่ยึดเท้า
หลังจากคิดดูแล้วนางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ฝนนี้นางเป็นคนทำให้ตก อย่างที่กล่าวกันว่า ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นมิสู้ช่วยเหลือตัวเอง
มีเสียงตะโกนสังหารไปทั่วสนาม ถึงแม้ทุกคนจะถือดาบไม้แต่พวกเขาก็ยังมีสีหน้าดุร้ายอยู่ ในที่สุดสิบห้าวันแห่งการฝึกฝนก็สิ้นสุดลง พวกเขาต้องหาใครสักคนที่จะระบายโทสะของพวกเขา
จังเถี่ย สวีเหลียง และคนอื่นๆ ต้องการต่อสู้ต่อหย้าของฮ่องเต้ พวกเขาเหวี่ยงดาบไม้ด้วยพลังร้ายกาจ เพียงพริบตาเดียวก็มีคนร่วงตกหกหรือเจ็ดคนในทันที
คนอื่นๆ ก็รีบเข้าไปในขบวนเหมือนหมาป่าและเสือ
ตราพยัคฆ์เป็นเหมือนชีวิตของแม่ทัพ ถ้าสิ่งนี้หายไป เขาก็จะรวมพลทหารได้อย่างไร
รีบโขกศีรษะคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดว่า “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วย กระหม่อมยอมแพ้แล้ว หวังว่าฝ่าบาทจะให้กระหม่อมเก็บตราพยัคฆ์ไว้”
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างเย็นชา “ในฐานะแม่ทัพ เจ้าควรถือดาบออกรบ กำจัดศัตรู วางกลยุทธ์ และพิชิตไปพันลี้ แต่เมื่อเผชิญกับปัญหา เจ้ารู้เพียงวิธีหลบเลี่ยงเท่านั้น คนไร้สมองเช่นนี้ จะมีหน้าถือตราพยัคฆ์ได้อย่างไร ลากออกไปซะ!”
ทหารองครักษ์เข้ามารุมกันทันที ดึงตราพยัคฆ์จากในอกเสื้อของเขา ถอดชุดทหารของเขาออก และลากตัวออกจากสนามฝึก
เสนากวนที่อยู่อีกด้านเลิกเปลือกตาขึ้น แล้วก็หลุบตาลง เพื่อปกปิดแสงประหลาดในดวงตา
แม่ทัพอีกหลายคนตกใจกลัว ลนลานคุกเข่าลงกับพื้น ตัวสั่นสะท้าน และไม่มีใครกล้าพูดอะไร
เย่จิ่งอวี้เหลือบมองพวกเขาด้วยสายตาราบเรียบ และตะโกนเสียงดังไปทางสนาม “หัวหน้าหน่วยออกมา”
สวีเหลียงและจังเถี่ยรีบวิ่งไปที่แท่นทันที
“สวีเหลียง จังเถี่ยถวายบังคมฝ่าบท ขอทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”
“ลุกขึ้น”
กระแสเสียงของเย่จิ่งอวี้เจือความอบอุ่น
“ได้ยินมาว่าเจ้าทั้งสองเป็นผู้บังคับกองกำลังที่ดี กล้าหาญ และมีกลยุทธ์ ดังนั้นข้าจึงสั่งให้เจ้าสองคนเป็นหัวหมู่ฝ่ายซ้ายและหัวหมู่ฝ่ายขวาตามลำดับ สิบวันจากนี้ ให้เดินทางไปยังเจียงวูพร้อมกับโหวเหนือ”
ทั้งสองคำนับพร้อมกัน “ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
หลังจากพูดจบ ทั้งสองก็มองไปยังอินชิงเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกัน ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ว่าในใจรู้สึกตื่นเต้นเพียงใด
อินชิงเสวียนยิ้มและพยักหน้าให้พวกเขา
ดวงตาของเย่จิ่งอวี้มองตามสายตาของคนสองคนไปที่ใบหน้าของอินชิงเสวียน เมื่อเห็นนางยิ้มอย่างสดใส รอยที่หางตาก็ลึกขึ้นเล็กน้อย
ทว่าโหวเหนือที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนกลับตัวสั่นสะท้าน
เขาแกล้งป่วยตอนนี้ยังทันอยู่รึไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...