สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 167

กลิ่นสุราอ่อนๆ โชยมาจากคนข้างๆ อินชิงเสวียนไม่ต้องมองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเย่จิ่งอวี้ที่อุ้มนางออกมา

ในนาทีชีวิตความเป็นความตายเช่นนี้ จะมีแก่ใจมาโวยวายได้อย่างไร อินชิงเสวียนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย จับเสื้อผ้าของเย่จิ่งอวี้ไว้แน่น

"มีนักฆ่าอยู่ข้างนอก จะถอยกลับไปที่ไหนได้"

เสียงหัวเราะขันๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะ

"เจ้าเก่งกล้ามากไม่ใช่หรือ คราวนี้เจ้ากลัวแล้วรึ"

ทันทีที่เย่จิ่งอวี้หมุนแขน เขาก็พาอินชิงเสวียนไปหลบข้างหลังตัวเองทันที เพียงขยับข้อมือ มีดสิ้นอันแสนประณีตก็โผล่ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วแทงไปยังหน้าอกของคนถือมีด

ในเวลานี้ มีกระบี่อีกเล่มแทงมาจากด้านนอกรถ เย่จิ่งอวี้วางมือข้างหนึ่งลงบนพื้นและเอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลบกระบี่ของศัตรู เตะเท้าขวาโดนมือของชายผู้นั้น แล้วพับแขนเสื้อขึ้น และแย่งกระบี่ยาวของชายผู้นั้นไป

ชุดการเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายน้ำไหล และจบในคราวเดียว

อินชิงเสวียนอยู่ในอาการตกตะลึงโดยสมบูรณ์

ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครที่สามารถแสดงฝีมือด้านวรยุทธ์ที่ทรงพลังและมั่นคง ทว่าแต่เป็นอิสระและสง่างามขนาดนี้ได้

เย่จิ่งอวี้ถือกระบี่ยาวอยู่ในมือ ครั้นแล้วท่วงท่าของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นทันที

เขาเหวี่ยงกระบี่ทำลายหลังคารถม้า และเตะหลังคาออกไปไกลหลายหลายจั้ง

เมื่อปราศจากหลังคาที่ยึดไว้ ผนังทุกด้านก็ล้มลงทันที และมองเห็นสถานการณ์ภายนอกรถได้ชัดเจน

ชายชุดดำมากกว่ายี่สิบคนกำลังต่อสู้กับทหารองครักษ์ และอีกหลายคนกำลังตรงมายังรถม้าพร้อมกระบี่อยู่ในมือ

"ฮ่องเต้ชาติสุนัข เอาชีวิตมา!"

เย่จิ่งอวี้ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา

"ถ้าอย่างนั้นต้องดูกันว่าพวกเจ้ามีความสามารถนี้หรือไม่"

เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ต่อสู้กับพวกเขาอยู่ อินชิงเสวียนก็นั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่ข้างเบาะนุ่ม

นี่คือการต่อสู้ด้วยกระบี่จริงและอาวุธจริง นอกจากคนสายตาสั้นที่มองไม่เห็นแล้ว ใครๆ ก็กลัวกันหมด

แต่กระบองไฟฟ้าดันอยู่ในมิติเสียได้ หลังจากดูรอบๆ แล้วก็มืดสนิท ดูเหมือนว่าไม่มีใครสังเกตเห็นนาง นางจึงหลบเข้าไปในมิติทันที และหยิบกระบองไฟฟ้าออกมา

ทันทีที่นางโผล่หัวออกมา ก็เห็นมีดเล่มใหญ่เหวี่ยงมาจากด้านข้าง อินชิงเสวียนรีบเปิดการทำงานของกระบองไฟฟ้าแล้ววางพาดไปที่มีด

ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็เริ่มตัวสั่นราวกับเจ้าเข้า แล้วล้มลงกับพื้นเสียงดังกึกก้อง

เย่จิ่งอวี้ทำการสังหารทั้งสองคนแล้ว โอบแขนรอบเอวของอินชิงเสวียน แล้วกระโดดลงจากรถม้าพร้อมกับนาง

เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า "เจ้ากำลังถือสิ่งใดอยู่อีก"

ขณะที่เขากำลังพูด ชายชุดดำอีกสองคนก็วิ่งเข้ามา

เย่จิ่งอวี้กระโดดขึ้นไปในอากาศ แล้วเตะคนหนึ่งออกไป กระบี่ในมือของเขาก็ตวัดเป็นประกายด้วยแสงเย็น อีกคนรู้สึกหนาวที่คอ ทันใดนั้นก็มีเลือดปรากฏขึ้น แล้วก็ล้มแน่นิ่งกับพื้นราวกับเส้นหมี่

อินชิงเสวียนหลบอย่างว่องไว แต่ยังคงมีเลือดกระเด็นมาโดนแขนเสื้อของนาง

หนังศีรษะของนางรู้สึกชาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบเสียงแห้งผาก "กระบองไฟฟ้า สิ่งที่สามารถทำให้คนชักกระตุกได้"

เย่จิ่งอวี้เหลือบมองแวบหนึ่ง จากนั้นเหวี่ยงกระบี่ไปสังหารชายชุดดำอีก

อินชิงเสวียนซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขา โดยถือกระบองไฟฟ้าที่มีเปลวไฟสีน้ำเงินลั่นเปรี๊ยะอยู่ในมือ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาใกล้

ในเวลานี้เอง ก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าดังมาจากตรอกข้างๆ

เสียงของหลี่ฉีดังตามมา

"ฝ่าบาท ท่านอ๋องสิบสามมาแล้ว"

เงาสีขาวลอยไปในอากาศ กระบี่ในมือตวัดขึ้นกลางอาการเป็นแสงสะท้อนแวววาวราวกับดอกไม้นับพันดอกเบ่งบาน ไม่ว่าแสงดาบจะส่องไปทางใด ชายชุดดำทั้งหมดก็ล้มลงทันที

ซึ่งคนผู้นี้ก็คือ เย่จั้น!

ทหารที่มากับเขาล้วนสวมชุดเกราะสีชาด ดังนั้นจึงสามารถแยกแยะพวกเขาได้ในคืนที่มืดมิด

คนเหล่านี้เหาะเหินเข้ามา และแยกย้ายกันปกป้องเย่จิ่งอวี้ที่อยู่ตรงกลางไปอย่างรวดเร็ว

ความร่วมมือระหว่างพวกเขายิ่งไร้ที่ติ เพียงพริบตาก็ควบคุมสถานการณ์ได้

ทางด้านหลังคาอยู่ไม่ไกล

ชายชุดดำสวมคลุมไปด้วยผ้าสีดำทั้งตัว กำลังมองดูสถานที่แห่งนี้จากระยะไกล

ข้างๆ เขามีร่างเล็กอ้อนแอ้นยืนอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์