กลิ่นสุราอ่อนๆ โชยมาจากคนข้างๆ อินชิงเสวียนไม่ต้องมองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเย่จิ่งอวี้ที่อุ้มนางออกมา
ในนาทีชีวิตความเป็นความตายเช่นนี้ จะมีแก่ใจมาโวยวายได้อย่างไร อินชิงเสวียนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย จับเสื้อผ้าของเย่จิ่งอวี้ไว้แน่น
"มีนักฆ่าอยู่ข้างนอก จะถอยกลับไปที่ไหนได้"
เสียงหัวเราะขันๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะ
"เจ้าเก่งกล้ามากไม่ใช่หรือ คราวนี้เจ้ากลัวแล้วรึ"
ทันทีที่เย่จิ่งอวี้หมุนแขน เขาก็พาอินชิงเสวียนไปหลบข้างหลังตัวเองทันที เพียงขยับข้อมือ มีดสิ้นอันแสนประณีตก็โผล่ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วแทงไปยังหน้าอกของคนถือมีด
ในเวลานี้ มีกระบี่อีกเล่มแทงมาจากด้านนอกรถ เย่จิ่งอวี้วางมือข้างหนึ่งลงบนพื้นและเอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลบกระบี่ของศัตรู เตะเท้าขวาโดนมือของชายผู้นั้น แล้วพับแขนเสื้อขึ้น และแย่งกระบี่ยาวของชายผู้นั้นไป
ชุดการเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายน้ำไหล และจบในคราวเดียว
อินชิงเสวียนอยู่ในอาการตกตะลึงโดยสมบูรณ์
ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครที่สามารถแสดงฝีมือด้านวรยุทธ์ที่ทรงพลังและมั่นคง ทว่าแต่เป็นอิสระและสง่างามขนาดนี้ได้
เย่จิ่งอวี้ถือกระบี่ยาวอยู่ในมือ ครั้นแล้วท่วงท่าของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นทันที
เขาเหวี่ยงกระบี่ทำลายหลังคารถม้า และเตะหลังคาออกไปไกลหลายหลายจั้ง
เมื่อปราศจากหลังคาที่ยึดไว้ ผนังทุกด้านก็ล้มลงทันที และมองเห็นสถานการณ์ภายนอกรถได้ชัดเจน
ชายชุดดำมากกว่ายี่สิบคนกำลังต่อสู้กับทหารองครักษ์ และอีกหลายคนกำลังตรงมายังรถม้าพร้อมกระบี่อยู่ในมือ
"ฮ่องเต้ชาติสุนัข เอาชีวิตมา!"
เย่จิ่งอวี้ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา
"ถ้าอย่างนั้นต้องดูกันว่าพวกเจ้ามีความสามารถนี้หรือไม่"
เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ต่อสู้กับพวกเขาอยู่ อินชิงเสวียนก็นั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่ข้างเบาะนุ่ม
นี่คือการต่อสู้ด้วยกระบี่จริงและอาวุธจริง นอกจากคนสายตาสั้นที่มองไม่เห็นแล้ว ใครๆ ก็กลัวกันหมด
แต่กระบองไฟฟ้าดันอยู่ในมิติเสียได้ หลังจากดูรอบๆ แล้วก็มืดสนิท ดูเหมือนว่าไม่มีใครสังเกตเห็นนาง นางจึงหลบเข้าไปในมิติทันที และหยิบกระบองไฟฟ้าออกมา
ทันทีที่นางโผล่หัวออกมา ก็เห็นมีดเล่มใหญ่เหวี่ยงมาจากด้านข้าง อินชิงเสวียนรีบเปิดการทำงานของกระบองไฟฟ้าแล้ววางพาดไปที่มีด
ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็เริ่มตัวสั่นราวกับเจ้าเข้า แล้วล้มลงกับพื้นเสียงดังกึกก้อง
เย่จิ่งอวี้ทำการสังหารทั้งสองคนแล้ว โอบแขนรอบเอวของอินชิงเสวียน แล้วกระโดดลงจากรถม้าพร้อมกับนาง
เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า "เจ้ากำลังถือสิ่งใดอยู่อีก"
ขณะที่เขากำลังพูด ชายชุดดำอีกสองคนก็วิ่งเข้ามา
เย่จิ่งอวี้กระโดดขึ้นไปในอากาศ แล้วเตะคนหนึ่งออกไป กระบี่ในมือของเขาก็ตวัดเป็นประกายด้วยแสงเย็น อีกคนรู้สึกหนาวที่คอ ทันใดนั้นก็มีเลือดปรากฏขึ้น แล้วก็ล้มแน่นิ่งกับพื้นราวกับเส้นหมี่
อินชิงเสวียนหลบอย่างว่องไว แต่ยังคงมีเลือดกระเด็นมาโดนแขนเสื้อของนาง
หนังศีรษะของนางรู้สึกชาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบเสียงแห้งผาก "กระบองไฟฟ้า สิ่งที่สามารถทำให้คนชักกระตุกได้"
เย่จิ่งอวี้เหลือบมองแวบหนึ่ง จากนั้นเหวี่ยงกระบี่ไปสังหารชายชุดดำอีก
อินชิงเสวียนซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขา โดยถือกระบองไฟฟ้าที่มีเปลวไฟสีน้ำเงินลั่นเปรี๊ยะอยู่ในมือ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาใกล้
ในเวลานี้เอง ก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าดังมาจากตรอกข้างๆ
เสียงของหลี่ฉีดังตามมา
"ฝ่าบาท ท่านอ๋องสิบสามมาแล้ว"
เงาสีขาวลอยไปในอากาศ กระบี่ในมือตวัดขึ้นกลางอาการเป็นแสงสะท้อนแวววาวราวกับดอกไม้นับพันดอกเบ่งบาน ไม่ว่าแสงดาบจะส่องไปทางใด ชายชุดดำทั้งหมดก็ล้มลงทันที
ซึ่งคนผู้นี้ก็คือ เย่จั้น!
ทหารที่มากับเขาล้วนสวมชุดเกราะสีชาด ดังนั้นจึงสามารถแยกแยะพวกเขาได้ในคืนที่มืดมิด
คนเหล่านี้เหาะเหินเข้ามา และแยกย้ายกันปกป้องเย่จิ่งอวี้ที่อยู่ตรงกลางไปอย่างรวดเร็ว
ความร่วมมือระหว่างพวกเขายิ่งไร้ที่ติ เพียงพริบตาก็ควบคุมสถานการณ์ได้
ทางด้านหลังคาอยู่ไม่ไกล
ชายชุดดำสวมคลุมไปด้วยผ้าสีดำทั้งตัว กำลังมองดูสถานที่แห่งนี้จากระยะไกล
ข้างๆ เขามีร่างเล็กอ้อนแอ้นยืนอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...