คุณธรรมบ้าบออะไร นางแค่พูดความจริง
อินชิงเสวียนเอียงร่างของตัวเองไปด้านข้าง
ไอแห้งๆ แล้วพูดว่า "ฝ่าบาท เราใกล้กันเกินไปแล้วกระมัง"
ขนพองสยองเกล้าไปหมดแล้ว
เย่จิ่งอวี้หัวเราะ และเร่งม้าของเขาอีกครั้ง
อินชิงเสวียนตกใจ รีบคว้าแผงคอม้า แต่กลับถูกเย่จิ่งอวี้ดึงมือนางลง
"ถ้าเจ้าไม่อยากให้ม้าสะบัดพวกเราลงทั้งคู่ ก็หาที่อื่นจับซะ"
อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกุมบังเหียนกับเขา หวังว่าจะเข้าไปในวังเร็วๆ รีบยุติการเดินทางที่น่าอับอายนี้ด่วนๆ
หลังจากเงียบไปสักพัก ในที่สุดก็เห็นประตูวัง
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ
"ฝ่าบาท ให้กระหม่อมลงเดินเถอะ"
เย่จิ่งอวี้ไม่พูดอะไร ขาทั้งคู่กระตุ้นท้องม้า ขี่ม้าเข้าไปในวัง
จนกระทั่งมาถึงตำหนักเฉิงเทียน เย่จิ่งอวี้จึงลงจากหลังม้า
บางทีเขาอาจจะยังเมาอยู่นิดหน่อย ตอนที่ก้าวเดินตัวโซเซเล็กน้อย
อินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอื้อมมือไปประคองเย่จิ่งอวี้
ถือเสียว่าเห็นแก่ที่เขาช่วยชีวิตนางไว้เมื่อครู่
หลี่เต๋อฝูได้ถือตะเกียงวิ่งออกมาแล้ว
"ฝ่าบาท พระองค์กลับมาแล้ว!"
จากนั้นดวงตาอันคมกริบของเขามองเห็นเลือดบนร่างกายของเย่จิ่งอวี้ และเขาก็รีบปิดปากทันที
"อา! ฝ่าบาท...เกิดอะไรขึ้น"
"เจอนักฆ่าน่ะ ไม่เป็นไร"
เย่จิ่งอวี้ก้าวเข้าไปในตำหนัก แล้วบอกหลี่เต๋อฝูว่า "ไปสำนักหมอหลวง ตามหมอหลวงเหลียงมาหาข้า"
"เอะ ฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บรึ บาดเจ็บตรงที่ใด"
หลี่เต๋อฝูดูกังวลทันที
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างอดทน "ข้าไม่ได้บาดเจ็บ ข้าอยากให้เขาดูอะไรบางอย่าง ไปเถอะ"
หลี่เต๋อฝูรู้สึกโล่งใจ
"กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้"
เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรแล้ว มือข้างหนึ่งประคองศีรษะ คราวนี้เขาหายจากอาการมึนเมาแล้ว และรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง
"มานี่ มานวดให้ข้าหน่อย"
อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินอ้อมไปด้านหลังของเย่จิ่งอวี้ และนวดขมับให้เขา
เย่จิ่งอวี้เอนตัวพิงร่างนาง หรี่ตาลงอย่างสบายๆ
สักพักก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
ชายชราคนหนึ่งซึ่งอายุเกือบหกสิบปีเดินเข้ามาจากประตู คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ
"กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท"
"ลุกขึ้น"
เย่จิ่งอวี้ชี้ไปที่ลูกธนูยาวที่วางอยู่บนโต๊ะ
"ดูให้ข้าหน่อย ว่าในนั้นมีพิษชนิดใด"
หมอหลวงเฒ่าเข้ามาใกล้ แล้วหยิบหัวธนูที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้า เขามองดูซ้ำๆ อยู่นาน แล้วเอามันไปวางไว้หน้าจมูกแล้วดมกลิ่น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
"นี่...นี่ดูเหมือนจะเป็นพิษที่เรียกว่าถุงน้ำดีนกยูงจากราชวงศ์เจียงวู"
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "กระหม่อมเคยเห็นในตำราโบราณ หากต้องการคำตอบที่เฉพาะเจาะจง เกรงว่าจะต้องทำการทดลองซ้ำหลายครั้ง"
เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงอืมในลำคอเบาๆ
"ถ้าอย่างนั้นก็เอาไปเถอะ ข้าให้เวลาท่านสามวัน ข้าต้องการคำตอบที่ชัดเจน"
หมอหลวงกล่าวด้วยความเคารพว่า "กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา"
เย่จิ่งอวี้โบกมือ
"ออกไปเถอะ"
"พ่ะย่ะค่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...