จนกระทั่งเงาของอินชิงเสวียนหายลับไป เย่จิ่งอวี้ถึงหันหลังเดินกลับไปที่ห้องหนังสือ
หลี่เต๋อฝูกำลังชะเง้อคอมองอยู่หน้าประตูด้วยความกังวลใจ
พักนี้อยู่ๆ ฝ่าบาทก็ไม่ยอมให้ตนเองคอยติดตาม หรือว่าพระองค์จะยังโกรธตนเองเรื่องไป๋เสวี่ยอยู่?
แต่ตนเองวิ่งไล่ไป๋เสวี่ยไม่ไหวจริงๆ นี่นา!
และพอคิดว่าฝ่าบาทก็ไม่ได้ให้ขันทีคนอื่นติดตามไปด้วย ก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
ฝ่าบาทเสด็จไปที่ไหนกันแน่?
และก็ไม่เห็นว่าพระองค์จะพลิกป้ายของสนมคนใดเลย และเนื่องด้วยเรื่องนี้ เขาถูกไทเฮาเรียกไปต่อว่าอยู่หลายครั้ง
มีฮ่องเต้ที่ไหนขึ้นครองราชย์มาหนึ่งปีแล้วยังไม่เคยร่วมหลับนอนกับสนมคนใดเลย?
หรือว่า...ฝ่าบาททรงประชวร?
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็เห็นเย่จิ่งอวี้เดินมาแต่ไกลๆ ในมือยังถือห่อกระดาษไขมาด้วย
หลี่เต๋อฝูจึงรีบวิ่งไปรับทันที
"ฝ่าบาท พระองค์เสด็จกลับมาเสียที บ่าวร้อนใจจะแย่อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้ยัดห่อกระดาษไขไปไว้ในมือของเขา
"ตรวจดูสิว่าสิ่งนี้มีพิษไหม?"
"นี่คืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
หลี่เต๋อฝูคลี่กระดาษออก เห็นเพียงสิ่งของที่มีรูปร่างอ้วนๆ กลมๆ นอนอยู่ข้างใน หน้าตาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
เย่จิ่งอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง "มันเรียกว่าซาลาเปา"
หลี่เต๋อฝูทำท่างุนงง ไม่รู้ว่าซาลาเปาที่ว่าคืออะไร แต่ก็หยิบเข็มเงินมาแล้วจิ้มลงไปทดสอบพิษ
เขาโค้งตัวแล้วพูดว่า "ฝ่าบาทวางพระทัย สิ่งนี้ปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้ตอบรับในลำคอ แล้วหยิบซาลาเปาลูกหนึ่งขึ้นมากัดกิน
ในใจพลางคิดถึงความเป็นไปได้ของโครงการผันน้ำจากใต้สู่เหนือ
หลี่เต๋อฝูที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องกลืนน้ำลายตาม
มันหอมมาก
เย่จิ่งอวี้กินหมดไปหนึ่งลูก ก็หยิบอีกลูกหนึ่งขึ้นมา เมื่อเงยหน้ามองเห็นหลี่เต๋อฝูที่กำลังจ้องมองตนเอง จึงหยิบลูกหนึ่งโยนให้เขาไป
"เอาไปลองชิมดู"
"ขอบพระทัยพระเมตตาพ่ะย่ะค่ะ"
หลี่เต๋อฝูเองก็หิวมากเช่นกัน
พวกเขาที่ทำหน้าที่ปรนนิบัติฮ่องเต้เหล่านี้ เดิมทีก็ไม่กล้ากินมากอยู่แล้ว เกรงว่ากินมากเกินไปร่างกายจะเกิดความผิดแผก จนทำให้ล่วงเกินเจ้านาย ตอนนี้จึงรู้สึกหิวอย่างมาก เมื่อได้ซาลาเปามาก็เอาเข้าปากทันที
กินหมดก็ยังอดที่จะเลียปากไม่ได้ "ซาลาเปา สิ่งนี้ช่างเลิศรสเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้พยักหน้า "ก็ไม่แย่จริงๆ"
หลี่เต๋อฝูอยากถามมากว่าฝ่าบาทนำมาจากที่ไหน แต่เย่จิ่งอวี้ก็ก้มหน้าอ่านฎีกาเสียแล้ว
ส่วนอินชิงเสวียนเองก็กลับถึงวังเย็นอย่างปลอดภัยแล้วเช่นกัน
เมื่อมองเห็นตั๋วเงินหกร้อยตำลึง อวิ๋นฉ่ายก็เบิกตาจนกลมโต
"พระสนม พระองค์สุดยอดเลยเพคะที่สามารถหาเงินได้มากมายขนาดนี้ในเวลาเพียงสั้นๆ"
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างได้ใจ "แน่นอน เจ้านายของพวกเจ้าคือใครล่ะ เรื่องแค่นี้จะยากอะไรสำหรับข้า? นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบไปนอนเถอะ ข้ายังต้องทำอย่างอื่นอีกสักหน่อย"
อวิ๋นฉ่ายรีบถามทันทีว่า "พระสนมจะทำอะไรหรือ อวิ๋นฉ่ายช่วยพระองค์เพคะ"
"ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยข้าได้"
อินชิงเสวียนพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในเรือน เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ไม่มีกระดาษและปากกา
จึงได้แต่เข้าไปแลกซื้อกระดาษขาวแผ่นใหญ่จำนวนหนึ่ง และปากกาหมึกซึมหนึ่งด้ามในมิติ
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ได้ 50 คะแนนคืนมา มิเช่นนั้นก็ต้องปวดใจอีกเป็นแน่
เมื่อกลับถึงในห้อง ก็จุดเทียนแล้วเริ่มวาดแบบแปลน
หากอยากผันน้ำจากใต้สู่เหนือให้สำเร็จ ก่อนอื่นจะต้องขุดคูคลองเป็นทางน้ำ และสร้างอ่างเก็บน้ำ แล้วผันน้ำจากแม่น้ำตามตำแหน่งภูมิศาสตร์ต้นน้ำแต่ละที่
จำได้ว่าประเทศจีนกว่าจะแล้วเสร็จโครงการยักษ์ใหญ่นี้ก็ใช้เวลากว่าแปดถึงเก้าปี แต่อาณาเขตของแคว้นต้าโจวนั้นมีขนาดเล็กกว่าฮว๋าเซี่ยมาก หากทุ่มเทสุดกำลัง และทำให้ซับซ้อนน้อยลง ใช้เวลาสักสองถึงสามปีก็น่าจะเสร็จสิ้นพอสมควร
ส่วนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เหลือค่อยๆ ดำเนินต่อก็ภายหลังได้
หากว่าสำเร็จจริงๆ ก็นับเป็นบุญอย่างหนึ่ง
หลังจากที่ปลอบใจตนเองแล้ว อินชิงเสวียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย อย่างไรเสียที่เธอทำเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำเพื่อฮ่องเต้เฮงซวยคนนั้นอยู่แล้ว
เช้าวันถัดมา
ตำหนักจินหลวน
เย่จิ่งอวี้ก็ถามคำถามทันทีเริ่มว่าราชการ "ตกลงว่าฮว๋าเซี่ยอยู่ที่ใดกันแน่?"
ทุกคนต่างมีสีหน้างุนงง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...