เย่จิ่งอวี้เดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว และคว้าข้อเท้าของเสี่ยวหนานเฟิงไว้ด้วยมือที่ใหญ่และข้อต่อที่เด่นชัดของเขา
“อย่ามัวโอ้เอ้ รีบฝังเข็มเข้าสิ ร้องสักหน่อยคงไม่เป็นไร ชีวิตสำคัญกว่ามาก!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงเหลียงหยิบเข็มเงินออกมา และทิ่มลงไปบนเนื้อที่อ่อนนุ่มของเสี่ยวหนานเฟิง
เด็กน้อยร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งในทันที ลิ้นสีชมพูสั่นในปากของเขา และน้ำตาก็ไหลออกมาขนานกันสองข้าง
หัวใจอินชิงเสวียนแทบสลาย นางรู้สึกหน่วงที่จมูก น้ำตาก็ไหลออกมา
ในที่สุดนางก็เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ ขอเพียงเสี่ยวหนานเฟิงหายดี นางยอมทำทุกอย่าง
เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลลงบนหน้าอกของเสี่ยวหนานเฟิง ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็เคร่งขรึมขึ้นมาก
“ยังต้องเจาะอีกนานเท่าใด?”
“ใกล้เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ เหลืออีกหนึ่งเข็ม”
หมอหลวงเหลียงหยิบเข็มเงินขึ้นมาด้วยความสั่น และเจาะเข้าไปที่จุดถันจงของเสี่ยวหนานเฟิง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์จากการฝังเข็ม หรือเสี่ยวหนานเฟิงที่ร้องไห้จนเหนื่อย เสียงเริ่มค่อยๆ เงียบลง
อินชิงเสวียนตกใจมาก รีบไปตรวจดูลมหายใจของเสี่ยวหนานเฟิง
โชคดี ยังหายใจอยู่
เย่จิ่งอวี้ก็ปล่อยมือลงอย่างช้าๆ พร้อมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมอยู่ดีๆ ด็กจึงมีตุ่มแดงขึ้นบนตัวมากมายเช่นนี้ได้?”
“กงกงน้อยบอกว่า พวกเขาพบผงสีขาวในเสื้อผ้าของเด็กพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงเหลียงหยิบห่อผ้านั้นออกมา
เมื่อเห็นของที่ละเอียดยิบเหล่านั้น เย่จิ่งอวี้โมโหขึ้นในทันที
“ใครก็ได้ เรียกนางสนมที่ตัดเย็บเสื้อผ้าเหล่านี้มาที่ตำหนักจินหวูทั้งหมด”
อินชิงเสวียนดึงมือของเสี่ยวหนานเฟิงไว้ และไม่ได้พูดอะไร
คนเจตนาชั่วร้ายมีอยู่มากมายในวังหลวง ควรต้องให้เย่จิ่งอวี้จัดการเสียหน่อย
เพียงแต่มีอยู่ในเสื้อผ้าทุกชิ้น ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
หรือว่าการที่ทุกคนมารวมตัวอยู่ด้วยกัน ก็เพื่อต้องการทำร้ายเด็กงั้นหรือ?
อินชิงเสวียนยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน เมื่อมองดูใบหน้าเล็กๆ ของเสี่ยวหนานเฟิงที่แผดเผาจนแดงขึ้นมา จู่ๆ เหงื่อก็ไหลออกมาบนแผ่นหลัง
แม้จะสามารถแลกเปลี่ยนยาในมิติได้ แต่ทว่าไม่อาจเอาให้เด็กกินมั่วๆ ได้ อย่างน้อยต้องตรวจดูก่อนว่าเป็นโรคอะไร ตอนนี้ทำได้เพียงรอหมอหลวงเหลียงตรวจออกมาอย่างเร่งด่วนว่าสิ่งนั่นคืออะไร。
ไม่นานก็ผ่านไปสิบห้านาที หมอหลวงเหลียงรุดขึ้นไปดึงเข็มเงินออก
เสี่ยวหนานเฟิงตกใจตื่นทันที และอ้าปากเล็กๆ ร้องออกมา
อินชิงเสวียนยื่นมือไปอุ้มลูก แต่กลับถูกเย่จิ่งอวี้ที่เร็วกว่าอุ้มอยู่ในอ้อมแขนก่อน
พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “อย่าร้อนใจไปเลย ลูกจะต้องไม่เป็นอะไร ในเมื่อข้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่แท้จริง ต้องมีลมหายใจคุ้มครอง และข้าจะปกป้องเสี่ยวหนานเฟิงเพื่อเจ้า”
หมอหลวงเหลียงคุกเข่าลงบนพื้นและพูดว่า “ขอฝ่าบาทโปรดประทานเวลาให้กระหม่อมสักคืน กระหม่อมจะต้องตรวจรู้ถึงส่วนประกอบได้แน่นอน กระหม่อมขอทูลลาไปหาตัวยาสำหรับถอนพิษแก่ดาวมงคลก่อน เชื่อว่าทุกสิ่งจะได้รับการแก้ไขพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “อย่ามัวพูดพร่ำ รีบไปปรุงยา”
เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาแล้วคว้าเสื้อของเย่จิ่งอวี้ไว้ ร้องไห้จนริมฝีปากเริ่มเป็นสีม่วง
อินชิงเสวียนกลัวว่าลูกจะร้องจนเสียสติ จึงรีบหยิบของเล่นขึ้นมาหลอกล่อ แต่เสี่ยวหนานเฟิงแทบไม่สนใจ
อินชิงเสวียนร้อนใจจนไร้ซึ่งหนทาง และหยิบโทรศัพท์ออกมาจากใต้หมอน
เมื่อกดปุ่มเปิดปิด จู่ๆ ก็มีเสียงแม่เหล็กดังมาจากด้านใน
“อเมริกามีแอปเปิล ประเทศจีนมีสับปะรด ฉันคือสับปะรดที่รักของคุณ!”
เสียงดึงดูดเสี่ยวหนานเฟิงในทันที เขาหยุดร้องไห้ ยื่นมือเล็กๆ มาจับโทรศัพท์ แต่กดโดนกล้องถ่ายภาพอย่างไม่ตั้งใจ
ขณะนั้น เย่จิ่งอวี้หันหน้าไปพอดี เสี่ยวหนานเฟิงก็กดปุ่มถ่ายภาพ
มีเสียงแชะเบาๆ และใบหน้าของทั้งสามคนก็ถูกจัดอยู่ในกรอบไว้ และถ่ายรูปไว้ได้จริงๆ
เมื่อเห็นตัวเองอยู่ในโทรศัพท์ เย่จิ่งอวี้ตกใจถอยหลังหนึ่งก้าว
“นี่คืออะไร?”
“พระองค์สามารถเข้าใจได้ว่ามันคือกล้องถ่ายภาพ ก็คือสิ่งที่จะบันทึกภาพของผู้คนเอาไว้ เช่นเดียวกับภาพวาด เพียงแต่มีความคมชัดสูงมากกว่า”
แม้ว่าอินชิงเสวียนจิตใจสับสนวุ่นวาย แต่นางยังคงอดทนอธิบายออกมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...