บทที่187 อย่ากลัวข้าอยู่นี่ – ตอนที่ต้องอ่านของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตอนนี้ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่187 อย่ากลัวข้าอยู่นี่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ไทเฮาตกใจอย่างมาก นางตบโต๊ะหนึ่งฉาดและพูดขึ้นด้วยความโมโห “บังอาจนัก พวกเจ้ากล้าลงไม้ลงมือในตำหนักฉือหนิง หรือว่ามองไม่เห็นหัวข้าแล้ว?”
ผู้เป็นหัวหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “นี่คือคำสั่งของฝ่าบาท เหล่ากระหม่อมเพียงทำตามพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ นำตัวไป!”
พวกเขาหิ้วตัวของหลิวหมัวมัวออกไปจากตำหนักฉือหนิงทันที
ไทเฮารีบตามออกมาในทันใด “บ่าวจอมโอหัง พวกเจ้าคิดก่อกบฏงั้นหรือ?”
ทหารองครักษ์แทบไม่สนใจนาง ลากตัวของหลิวหมัวมัวไปราวกับลากสุนัขที่ตายแล้ว
ไทเฮาตัวเซ และเกือบล้มลงกลางตำหนัก
ชุยไห่รีบเข้ามาพยุงนางไว้ “ไทเฮา ระวังพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮารีบพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “ยังต้องระวังอะไรอีก รีบตามข้าไปที่ตำหนักจินหวู”
หลิวหมัวมัวคอยติดตามรับใช้นางตั้งแต่ยังเล็ก เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปถึงสี่สิบปีแล้ว จะไม่สนใจได้อย่างไร
ฝีเท้าของเหล่าทหารองครักษ์ว่องไวมาก เมื่อไทเฮาเสด็จออกมาจากพระตำหนัก ก็ไม่พบเงาของผู้ใดเลย
ในตำหนักจินหวู เหล่านางสนมยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น
ดวงอาทิตย์ที่แผดเผากำลังสาดส่องพวกนาง แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ
ลู่จิ้งเสียนกลับยิ่งร้อนรนเป็นอย่างมาก นางออกแรงกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น
ขออย่าให้เรื่องสาวมาถึงตัวนางเลย!
ซูฉ่ายเวยอยู่ในตำแหน่งนางสนม คุกเข่าอยู่ด้านหน้าสุด ความกดดันที่เต็มเปี่ยมใต้เท้าของฮ่องเต้ นางรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นลม
เย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงไว้และยืนอยู่ในที่ร่ม จู่ๆ บนไล่ก็มีเพียงดังเพล้งออกมา
โทรศัพท์สับปะรดที่อยู่ในมือของเสี่ยวหนานเฟิงตกลงบนพื้น ทำให้ทุกคนตกใจกลัวจนตัวสั่นในทันที
อินชิงเสวียนรีบเก็บโทรศัพท์ขึ้นมา และพูดเสียงต่ำว่า “ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าเสี่ยวหนานเฟิงจะหลับแล้ว กระหม่อมอุ้มเขาเข้าบ้านก่อนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ดี”
เย่จิ่งอวี้ส่งตัวเสี่ยวหนานเฟิงออกไปอย่างระวัง
อินชิงเสวียนเอามืออังที่ใบหน้าของเขา ดูเหมือนว่าจะไม่ร้อนมากเท่าไหร่แล้ว จึงส่งให้กับยายหลี่
“อย่าห่มอะไรให้เขามาก เขาไม่ควรอุดอู้อยู่ในความร้อน”
“เจ้าค่ะ ข้ารู้แล้ว”
ยายหลี่เพิ่งพาเสี่ยวหนานเฟิงอุ้มเข้าบ้าน หลิวหมัวมัวก็ถูกทหารองครักษ์จับตัวมาถึงลานบ้านพอดี
หลิวหมัวมัวล้มลงด้วยอาการเวียนหัวตาลาย เมื่อคลานขึ้นมามองรอบๆ ก็พบเข้ากับเย่จิ่งอวี้ จึงพูดขึ้นในทันที “กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท ขอฝ่าบาทจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”
สายตาแหลมคมของเย่จิ่งอวี้เย็นเฉียบ เดินมาด้านหน้าของหลิวหมัวมัวที่ละก้าวๆ
เมื่อมองเห็นรองเท้าคู่นั้นที่ปักด้วยลายมังกรทอง หลิวหมัวมัว ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
เย่จิ่งอวี้ในตอนนี้แตกต่างไปจากเด็กหนุ่มก่อนที่เขาจะขึ้นครองบัลลังก์อย่างสิ้นเชิง การเคลื่อนไหวและท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามของผู้นำ แม้ว่าเขาจะไม่พูดและยืนนิ่งเช่นนี้ ก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนภูเขาบดขยี้ที่หน้าอก จนพวกเขาแทบหายใจไม่ออก
“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทเรียกหม่อมฉันมาด้วยเรื่องอันใดเพคะ?”
เมื่อนึกได้ว่าตัวเองมีไทเฮาหนุนหลัง หลิวหมัวมัวจึงถามขึ้นมาอย่างปากแข็ง
แต่กลับถูกเย่จิ่งอวี้เตะคว่ำ รองเท้าหุ้มพระบาทไม่มีแม้แต่ฝุ่นเหยียบลงบนคอของนาง
“ใครเป็นคนบงการเจ้า ให้เจ้าทำเรื่องไม่ดีบนเสื้อผ้าของดาวมงคล?”
หลิวหมัวมัวใจเต้นตกใจ รีบพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทใส่ความหม่อมฉันแล้วเพคะ หม่อมฉันจะกล้าทำไม่ดีใส่เสื้อผ้าของดาวมงคลได้อย่างไร”
ฉู่หลิงอวี้กลัวว่าเรื่องจะสาวมาถึงตัวเอง จึงรีบพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท นางเป็นคนหยิบดูทีละชิ้น ทุกครั้งที่นางดูเสื้อผ้า นางต่างก็ยื่นมือเข้าด้านในเพคะ”
“จริงด้วยเพคะ หมัวมัวคนนี้ถือเสื้อผ้าไว้เป็นเวลานาน จึงจะคืนให้พวกหม่อมฉัน”
“ฝ่าบาท นางต้องเป็นผู้ลงมือแน่นอนเพคะ”
ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นตำหนิ เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะบันดาลโทสะ
เขาใช้เท้าเหยียบลงที่หน้าอกของหลิวหมัวมัว เสียงกระดูกหักดังขึ้นมา หลิวหมัวมัวส่งเสียงร้องโอดครวญขึ้นมาทันที
ไทเฮาเดินมาถึงหน้าประตูพอดี เมื่อได้ยินเสียงร้องที่น่าเวทนา อดไม่ได้ที่จะวิ่งโซเซเข้ามา
พลางตะโกนเสียงดังว่า “ฝ่าบาท ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิตหลิวหมัวมัวด้วยเพคะ!”
ทุกคนก้มศีรษะลงทันที “เพคะ”
“ออกไปให้หมด”
“พวกหม่อมฉันขอทูลลา”
ซูฉ่ายเวยลุกขึ้นเป็นคนแรก และพาทุกคนค่อยๆ ทยอยออกไป พลางรู้สึกโล่งใจ
โชคดีที่ตัวเองใช้เสื้อผ้าของเสี่ยวเสวียนจื่อ ของที่เขาขายไม่เลวเลยจริงๆ
ลู่จิ้งเสียนกลับจ้องมองซูฉ่ายเวยด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม และนำสาวรับใช้ไปยังตำหนักฉือหนิง
คนที่เหลือต่างก็แยกย้ายกันเดินกลับไป ไปกันสองคนบ้าง สามคนบ้าง
อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว และหันกลับมาถามว่า “ฝ่าบาทคิดว่าหลิวหมัวมัวจะทำด้วยตัวเองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ใช่หรือไม่ก็คงต้องรอคำตอบก่อน ตอนนี้ไปดูเสี่ยวหนานเฟิงก่อน”
เย่จิ่งอวี้สะบัดชายแขนเสื้อ และเดินเข้าไปในตำหนักอย่างว่องไว
เสี่ยวหนานเฟิงหลับสนิทแล้ว ความร้อนบนใบหน้าก็ทุเลาลงไปมาก ตุ่มบนร่างกายกลับมีมากขึ้น บนน่องขาก็เช่นกัน
อินชิงเสวียนร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่มันเป็นพิษอะไรกันแน่ เมื่อไหร่ทางด้านหลิวหมัวมัวจะได้รับคำสารภาพ?”
ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวหนานเฟิงก็ตกใจตื่นทันที และร้องไห้แงๆ ออกมาอีกครั้ง
เย่จิ่งอวี้รีบอุ้มร่างกายอ้วนท้วนนั้นไว้ และพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ร้องนะ เด็กดี!”
กล่อมจนกระทั่งถึงเวลาเย็น เสี่ยวหนานเฟิงจึงค่อยๆ หลับไป
เมื่อมองเห็นจุดสีแดงบนตัวของลูก จมูกของอินชิงเสวียนก็หน่วงขึ้นมาอีกครั้ง
นางหันหน้าออกไปอีกด้าน และแอบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา
มือหนาที่อบอุ่นกดที่ไหล่ของอินชิงเสวียนไว้ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “อย่ากลัว มีข้าอยู่นี่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...