ไทเฮาตกใจอย่างมาก นางตบโต๊ะหนึ่งฉาดและพูดขึ้นด้วยความโมโห “บังอาจนัก พวกเจ้ากล้าลงไม้ลงมือในตำหนักฉือหนิง หรือว่ามองไม่เห็นหัวข้าแล้ว?”
ผู้เป็นหัวหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “นี่คือคำสั่งของฝ่าบาท เหล่ากระหม่อมเพียงทำตามพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ นำตัวไป!”
พวกเขาหิ้วตัวของหลิวหมัวมัวออกไปจากตำหนักฉือหนิงทันที
ไทเฮารีบตามออกมาในทันใด “บ่าวจอมโอหัง พวกเจ้าคิดก่อกบฏงั้นหรือ?”
ทหารองครักษ์แทบไม่สนใจนาง ลากตัวของหลิวหมัวมัวไปราวกับลากสุนัขที่ตายแล้ว
ไทเฮาตัวเซ และเกือบล้มลงกลางตำหนัก
ชุยไห่รีบเข้ามาพยุงนางไว้ “ไทเฮา ระวังพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮารีบพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “ยังต้องระวังอะไรอีก รีบตามข้าไปที่ตำหนักจินหวู”
หลิวหมัวมัวคอยติดตามรับใช้นางตั้งแต่ยังเล็ก เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปถึงสี่สิบปีแล้ว จะไม่สนใจได้อย่างไร
ฝีเท้าของเหล่าทหารองครักษ์ว่องไวมาก เมื่อไทเฮาเสด็จออกมาจากพระตำหนัก ก็ไม่พบเงาของผู้ใดเลย
ในตำหนักจินหวู เหล่านางสนมยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น
ดวงอาทิตย์ที่แผดเผากำลังสาดส่องพวกนาง แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ
ลู่จิ้งเสียนกลับยิ่งร้อนรนเป็นอย่างมาก นางออกแรงกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น
ขออย่าให้เรื่องสาวมาถึงตัวนางเลย!
ซูฉ่ายเวยอยู่ในตำแหน่งนางสนม คุกเข่าอยู่ด้านหน้าสุด ความกดดันที่เต็มเปี่ยมใต้เท้าของฮ่องเต้ นางรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นลม
เย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงไว้และยืนอยู่ในที่ร่ม จู่ๆ บนไล่ก็มีเพียงดังเพล้งออกมา
โทรศัพท์สับปะรดที่อยู่ในมือของเสี่ยวหนานเฟิงตกลงบนพื้น ทำให้ทุกคนตกใจกลัวจนตัวสั่นในทันที
อินชิงเสวียนรีบเก็บโทรศัพท์ขึ้นมา และพูดเสียงต่ำว่า “ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าเสี่ยวหนานเฟิงจะหลับแล้ว กระหม่อมอุ้มเขาเข้าบ้านก่อนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ดี”
เย่จิ่งอวี้ส่งตัวเสี่ยวหนานเฟิงออกไปอย่างระวัง
อินชิงเสวียนเอามืออังที่ใบหน้าของเขา ดูเหมือนว่าจะไม่ร้อนมากเท่าไหร่แล้ว จึงส่งให้กับยายหลี่
“อย่าห่มอะไรให้เขามาก เขาไม่ควรอุดอู้อยู่ในความร้อน”
“เจ้าค่ะ ข้ารู้แล้ว”
ยายหลี่เพิ่งพาเสี่ยวหนานเฟิงอุ้มเข้าบ้าน หลิวหมัวมัวก็ถูกทหารองครักษ์จับตัวมาถึงลานบ้านพอดี
หลิวหมัวมัวล้มลงด้วยอาการเวียนหัวตาลาย เมื่อคลานขึ้นมามองรอบๆ ก็พบเข้ากับเย่จิ่งอวี้ จึงพูดขึ้นในทันที “กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท ขอฝ่าบาทจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”
สายตาแหลมคมของเย่จิ่งอวี้เย็นเฉียบ เดินมาด้านหน้าของหลิวหมัวมัวที่ละก้าวๆ
เมื่อมองเห็นรองเท้าคู่นั้นที่ปักด้วยลายมังกรทอง หลิวหมัวมัว ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
เย่จิ่งอวี้ในตอนนี้แตกต่างไปจากเด็กหนุ่มก่อนที่เขาจะขึ้นครองบัลลังก์อย่างสิ้นเชิง การเคลื่อนไหวและท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามของผู้นำ แม้ว่าเขาจะไม่พูดและยืนนิ่งเช่นนี้ ก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนภูเขาบดขยี้ที่หน้าอก จนพวกเขาแทบหายใจไม่ออก
“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทเรียกหม่อมฉันมาด้วยเรื่องอันใดเพคะ?”
เมื่อนึกได้ว่าตัวเองมีไทเฮาหนุนหลัง หลิวหมัวมัวจึงถามขึ้นมาอย่างปากแข็ง
แต่กลับถูกเย่จิ่งอวี้เตะคว่ำ รองเท้าหุ้มพระบาทไม่มีแม้แต่ฝุ่นเหยียบลงบนคอของนาง
“ใครเป็นคนบงการเจ้า ให้เจ้าทำเรื่องไม่ดีบนเสื้อผ้าของดาวมงคล?”
หลิวหมัวมัวใจเต้นตกใจ รีบพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทใส่ความหม่อมฉันแล้วเพคะ หม่อมฉันจะกล้าทำไม่ดีใส่เสื้อผ้าของดาวมงคลได้อย่างไร”
ฉู่หลิงอวี้กลัวว่าเรื่องจะสาวมาถึงตัวเอง จึงรีบพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท นางเป็นคนหยิบดูทีละชิ้น ทุกครั้งที่นางดูเสื้อผ้า นางต่างก็ยื่นมือเข้าด้านในเพคะ”
“จริงด้วยเพคะ หมัวมัวคนนี้ถือเสื้อผ้าไว้เป็นเวลานาน จึงจะคืนให้พวกหม่อมฉัน”
“ฝ่าบาท นางต้องเป็นผู้ลงมือแน่นอนเพคะ”
ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นตำหนิ เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะบันดาลโทสะ
เขาใช้เท้าเหยียบลงที่หน้าอกของหลิวหมัวมัว เสียงกระดูกหักดังขึ้นมา หลิวหมัวมัวส่งเสียงร้องโอดครวญขึ้นมาทันที
ไทเฮาเดินมาถึงหน้าประตูพอดี เมื่อได้ยินเสียงร้องที่น่าเวทนา อดไม่ได้ที่จะวิ่งโซเซเข้ามา
พลางตะโกนเสียงดังว่า “ฝ่าบาท ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิตหลิวหมัวมัวด้วยเพคะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...