สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 193

สรุปบท บทที่ 193 คิดซับซ้อน: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่ 193 คิดซับซ้อน จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 193 คิดซับซ้อน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

องครักษ์หลายคนมาพาตัวไทเฮากลับไปส่งที่ตำหนักฉือหนิงทันที

เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงเย็นชา “เลิกประชุม!”

ภายใต้พระที่นั่งมังกร ความคิดของอินชิงเสวียนสลับซับซ้อน

เหตุใดเย่จิ่งอวี้ถึงช่วยนางขนาดนี้

เขาเกลียดตระกูลอินมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ

หรือว่าเขาชอบตัวเอง

ไม่ใช่ๆ นั่นดูไม่น่าเป็นไปได้

งั้นต้องเป็นเพราะเขาชื่นชอบเด็กแนน่ๆ

ดูท่าคำกล่าวที่ว่ามารดาเรืองอำนาจเพราะบุตร จะเป็นเรื่องจริง!

แต่จะทำอย่างไรต่อไปล่ะ

หลังจากคืนฐานะแล้ว ตัวนางก็นับว่าเป็นภรรยานางสนมของฮ่องเต้

หากไม่ปกปิดตัวตนด้วยฐานะขันที นางก็ไม่สามารถออกจากวังได้เลย ชั่วชีวิตนี้ของนางจะต้องเน่าตายอยู่ในวังไปตลอดอย่างนั้นหรือ

นอกจากเรื่องที่น่าหงุดหงิดเหล่านี้แล้ว อินชิงเสวียนยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางกลัว

นั่นคือเย่จิ่งเย่า

ถ้าเขาโผล่ออกมาชี้ตัวนางจริง นางจะทำเช่นไนดี

ตอนนี้เย่จิ่งอวี้และไทเฮากำลังแข็งข้อต่อกันอยู่ ยายแม่มดเฒ่าคงไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่

และแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยปรากฏว่ามีฮ่องเต้พระองค์ใดที่ลงโทษประหารชีวิตไทเฮาเลย บัดนี้เย่จิ่งอวี้งัดข้อกับยายแม่มดเฒ่าผู้นั้นเพื่อนาง เกรงว่าจะเป็นที่ครหาของผู้คน

เมื่อนึกถึงลูกระเบิดที่ไม่รู้ว่าจะระเบิดเมื่อใด อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเย่จิ่งอวี้

เขานั่งอยู่บนเกี้ยวพระที่นั่งมังกร ใบหน้านิ่งขึงประหนึ่งธารา เห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์

ดูเหมือนว่าเขาจะจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่ในนั้นต้องมีความยากลำบากอยู่ไม่น้อยแน่ๆ

เมื่อนึกถึงว่าตัวเองหลอกเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด

เห็นได้ชัดว่าเย่จิ่งอวี้เกลียดการโดนคนอื่นหลอกลวง แต่กลับต้องทนกับการหลอกลวงของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าหากว่าเขาไม่ใช่ราชา เขาจะต้องเป็นสุภาพบุรุษที่ยอดเยี่ยมแน่นอน

เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็สั่นศีรษะ

ในโลกนี้มี ‘ถ้าหากว่า’ เมื่อไหร่กัน เย่จิ่งอวี้คือฮ่องเต้ และสิ่งนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

ส่วนตัวนางถึงคิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ ทุกอย่างล้วนต้องคอยดูการเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็เดินมาถึงห้องหนังสือแล้ว

เย่จิ่งอวี้ลงจากเกี้ยวพระที่นั่งมังกร และเดินตรงเข้าไปในห้องหนังสือ

อินชิงเสวียนหยุดที่หน้าประตู หลังจากทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตเช่นนี้ คิดว่าเย่จิ่งอวี้คงต้องการเวลาเพื่อสงบสติอารมณ์ และใคร่ครวญว่าจะทำเช่นไรต่อไปกระมัง ดังนั้นตัวเองไม่ควรไปรบกวนเขาจะดีกว่า

จึงพูดกับหลี่เต๋อฝูว่า “ข้าจะกลับไปที่ตำหนักจินหวูก่อน ฝ่าบาทคงอยากไตร่ตรองเพียงลำพัง”

หลี่เต๋อฝูส่งเสียงอืมตอบรับ และพูดว่า “อีกไม่นาน เรื่องนี้จะแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ฝ่าบาทจำเป็นต้องคิดอย่างรอบคอบจริงๆ”

เขายืดคอมองดูเย่จิ่งอวี้แวบหนึ่ง แล้วกระซิบ “ฝ่าบาททรงเฉลียวฉลาดกว่าผู้ใด ย่อมคิดหาทางรับมือได้แน่นอน ตอนนี้ท่านเป็นหลิวฮูหยินแล้ว อย่าสวมชุดขันทีอีก เชื่อว่าจะอีกไม่นาน ท่านจะได้รับการแต่งตั้งเป็นสนม ในที่สุดท่านและองค์น้อยของเราก็สามารถแก้ไขสถานะให้ถูกต้องได้แล้ว”

อินชิงเสวียนคิดซับซ้อน ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยินดีหรือว่าควรเป็นกังวลดี

นางถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ขอบคุณหลี่กงกงที่คอยดูแลในช่วงนี้ ข้าจะออกไปก่อน”

หลี่เต๋อฝูผลิยิ้มร่า

“สมควรทำแล้ว เชิญกลับเถิด”

เมื่ออินชิงเสวียนกลับไปที่ตำหนักจินหวู ข่าวก็แพร่กระจายไปนอกวัง

เย่จิ่งเย่ากำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องโถง มีเด็กรับใช้ส่งจดหมายมาให้หนึ่งฉบับ

เมื่อเห็นเนื้อหาของจดหมาย เย่จิ่งเย่าก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้

หลิวเสวียน?

น่าสนใจ!

“เด็กๆ เตรียมม้า ตามข้าออกไปข้างนอก”

เสียงนั้นเป็นเสียงเย่จิ่งเย่า เมื่อพูดถึงอินชิงเสวียน เขาก็นึกถึงขนคิ้วของตัวเอง ใบหน้ายิ่งดูดุร้ายขึ้น

กวนเมิ่งถิงถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าอินจ้งจงกลับเมืองหลวง แผ่นดินต้องวุ่นวายแน่ วันนั้นข้าได้สอบปากคำลูกชายคนโตของเขาด้วยตัวเอง ต้องทำให้เขาคับแค้นใจอย่างแน่นอน”

เย่จิ่งเย่าตบโต๊ะแล้วพูดว่า “เป็นเช่นนั้นจริง ห้ามให้อินจ้งกลับมาสู่ราชสำนักไม่ได้เด็ดขาด”

กวนเมิ่งถิงส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ถ้าหลิวเสวียนคืออินชิงเสวียนจริงๆ นางจะต้องเป่าหูของฝ่าบาทอย่างแน่นอน แม้ว่าเราจะพูดเป็นร้อยคำ ก็ไม่เท่านางพูดคำเดียว”

เย่จิ่งเย่าผุดลุกขึ้นยืนทันที พูดอย่างเคียดแค้น “พรุ่งนี้ข้าจะไปที่ตำหนักจินหลวน ไปชี้ตัวอินชิงเสวียนด้วยตนเอง ทุกคนในแวดวงขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋ยฝ่ายบู๊ล้วนรู้ว่าข้ากับนางมีความสัมพันธ์ครั้งเก่าก่อนกัน อีกทั้งเหล่าคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ที่สนิทชิดเชื้อกับข้าล้วนเคยพบเจออินชิงเสวียนมาก่อน แม้ว่าเย่จิ่งอวี้จะมีร้อยปาก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้”

“เรื่องนี้...”

กวนเมิ่งถิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฮ่องเต้ไม่อนุญาตให้ท่านอ๋องเข้าไปในราชสำนัก เกรงว่าท่านอ๋องจะเข้าไปในวังมิได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตำหนักจินหลวนเลย”

เย่จิ่งเย่าแค่นเสียงและพูดว่า “ข้าไปขอร้องจิ้งอ๋องได้”

“จิ้งอ๋องสนิทชิดเชื้อกับฝ่าบาท...”

“ไม่มีปัญหา”

เย่จิ่งเย่าหยิบป้ายตราคำสั่งทองคำบริสุทธิ์ขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากอกเสื้อ

พูดด้วยสีหน้าเสียดาย “นี่คือสัญญาระหว่างฮ่องเต้องค์ก่อนกับเย่จั้น การถือป้ายตราคำสั่งนี้ทำให้เขาช่วยข้าได้สามข้อ ข้าไม่เคยใช้มันมาก่อน เดิมทีต้องการใช้ป้ายตราคำสั่งนี้ให้เขาช่วยส่งทหารไปโจมตีวังหลวงเพื่อข้า ตอนนี้เพื่อป้องกันไม่ให้อินจ้งกลับมาสู่ราชสำนัก จำต้องใช้ด้วยความเสียดายสักหนึ่งครั้ง หากสามารถบีบอินชิงเสวียนให้ไปสู่ความตายได้ อินจ้งจะต้องเกลียดเย่จิ่งอวี้เข้ากระดูกอย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะเต็มใจร่วมมือกับข้า”

กวนเมิ่งถิงกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะมีสิ่งนี้อยู่ในมือ บางทีอาจจะใช้ได้”

เย่จิ่งเย่าประกบมือคำนับ กล่าวว่า “งั้นข้ากลับก่อนนะ ในการประชุมเช้าวันพรุ่งนี้ ข้าหวังว่าท่านเสนาจะหาคนมาช่วยได้อีก”

ที่พูดมามากมาย ประโยคสุดท้ายถึงจะเป็นจุดประสงค์ของการที่เย่จิ่งเย่ามาที่นี่

การประชุมเช้าวันพรุ่งนี้ หากไร้ซึ่งผู้ช่วย คงยากที่จะทำสำเร็จ!

“กระหม่อมรับบัญชา ไม่ทำให้ท่านอ๋องผิดหวังแน่นอน!”

กวนเมิ่งถิงส่งเย่จิ่งเย่าออกไปด้วยความเคารพ

อาโฉ่วเหลือบมองด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นจู่ๆ ก็ก้าวไปข้างหน้าและถามด้วยสีหน้าประจบประแจง

“คุณชายขอรับ วันนี้อยากออกไปเล่นพนันหน่อยรึไม่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์