สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 195

ณ ตำหนักจินหวู

อินชิงเสวียนกอดเสี่ยวหนานเฟิง เอนตัวลงบนเตียงอย่างเหม่อๆ

เมื่อนึกถึงทุกสิ่งที่เย่จิ่งอวี้ทำเพื่อปกป้องนางในตำหนักจินหลวน ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็สะท้อนอยู่ในอก

ในความเจ็บปวดรวดร้าว กลับยังรู้สึกถึงความหวานอันไม่ทราบสาเหตุ!

เหตุใดบุรุษที่มีกำลังความสามารถมากเพียงนี้ จึงต้องเป็นฮ่องเต้ด้วย

แต่ถ้าเขาไม่ใช่ฮ่องเต้ เขาจะสามารถปกป้องนางได้งั้นหรือ

เมื่อนึกถึงความสุขุมเยือกเย็นยามที่เขาเผชิญหน้าต่อหน้าไทเฮาและเหล่าขุนนาง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

นี่เป็นการถอนหายใจครั้งที่ยี่สิบของนางแล้ว

ในเวลานี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกประตู

เย่ไห่ถังพาอวิ๋นเฟิงเดินเร็วๆ เข้ามา

ถามด้วยท่าทางกังวล “เสี่ยวเสวียนจื่อ ข้าได้ยินมาว่าเสี่ยวหนานเฟิงเป็นผื่นแถมยังตัวร้อนเพราะสวมชุดที่ข้านำมา เป็นเรื่องจริงหรือ”

อินชิงเสวียนรีบลุกขึ้นทันที แล้วคำนับถวายพระพรองค์หญิง

ดูท่าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในราชสำสักเมื่อเช้านี้ยังมาไม่ถึงวังหลัง ทุกคนจึงยังไม่ทราบว่านางได้กลายเป็นหลิวเสวียนแล้ว

“เป็นเช่นนั้นจริง แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว องค์หญิงไม่ต้องกังวล”

ทันใดนั้นเย่ไห่ถังก็ตาแดงก่ำ มองไปยังเสี่ยวหนานเฟิงด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ต้องโทษข้าทั้งหมด ถ้าข้าไม่มอบเสื้อผ้าให้เขาก็คงดี เช้านี้ข้าได้ยินจากนางกำนัลว่าเสี่ยวหนานเฟิงร้องไห้เกือบทั้งคืน หัวใจของข้าแทบแตกสลาย เสี่ยวเสวียนจื่อ เจ้าช่วยยกโทษให้ข้าได้หรือไม่”

อินชิงเสวียนอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “กระหม่อมจะกล้าตำหนิองค์หญิงได้อย่างไร องค์หญิงมีเจตนาดี เป็นเพราะกลอุบายอันไร้สิ้นสุดในวังหลังต่างหาก ไม่เกี่ยวข้องกับองค์หญิง”

เย่ไห่ถังกะพริบตาคู่โต พลางมองดูอินชิงเสวียน

“เจ้า...ไม่โทษข้าจริงๆ หรือ”

“แน่นอน”

แล้วเย่ไห่ถังก็มียินดีปรีดาในทันที

“ขอบคุณเจ้านะเสี่ยวเสวียนจื่อ เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าเสด็จพี่ใหญ่จะตำหนิข้าหรือไม่”

เย่ไห่ถังขยำผ้าเช็ดหน้า เห็นได้ชัดว่ากลัวเสด็จพี่ใหญ่ของนาง

ทันทีที่พูดจบ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ดังมาจากด้านนอก

“ราชโองการมาถึงแล้ว!”

เย่ไห่ถังสะดุ้ง

“เสี่ยวเสวียนจื่อ คงไม่ใช่ว่าเสด็จพี่ใหญ่จะลงโทษข้าหรอกกระมัง”

“คงมิใช่”

อินชิงเสวียนยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ ราชโองการนี้...อาจเกี่ยวข้องกับนางมากกว่า

“ออกไปดูกันเถอะ”

นางอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงไปที่ประตู โดยมียายหลี่ อวิ๋นฉ่าย เสี่ยวอานจื่อและคนอื่นๆ คุกเข่าเป็นทิวแถวอยู่แล้ว

หลี่เต๋อฝูเหลือบมองอินชิงเสวียนแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “หญิงตระกูลหลิวรับราชโองการ”

อินชิงเสวียนคิดในใจ มาแล้วจริงๆ

นางอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงคุกเข่าลงกับพื้น จากนั้นก็ได้ยินหลี่เต๋อฝูพูดด้วยน้ำเสียงเล็กแหลม”ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีบัญชา อนุชายาตระกูลหลิวแห่งจวนรัชทายาท เข้าวังมานานกว่าหนึ่งปี เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดมาทำร้าย ข้าจึงมีคำสั่งให้หญิงตระกูลหลิวปลอมตัวเป็นขันที พำนักอยู่ในวังหลวง บัดนี้ได้รับการแก้ไขสถานะให้ถูกต้องได้แล้ว จึงให้กลับไปแต่งชุดสตรี แต่งตั้งให้ขึ้นเป็นเหยาเฟย ส่วนบุตรชายประทานนามให้ว่าจ้าวเอ๋อร์ ให้แม่ลูกพำนักอยู่ในตำหนักจินหวู ด้วยประการฉะนี้แล โปรดน้อมรับพระเมตตา!”

ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด รวมถึงยายหลี่และอวิ๋นฉ่ายด้วย

ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงตระกูลหลิวปรากฏตัวมาจากที่ใด

มีเพียงเสี่ยวอานจื่อเท่านั้นที่เคยได้ยินอินชิงเสวียนบอกว่าตัวเองแซ่หลิว จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังนาง ขากรรไกรอ้าค้างจนแทบจะหล่นลงพื้น

เสี่ยวเสวียนจื่อกลับกลายเป็นอนุชายาขององค์รัชทายาท!

เมื่อก่อนตัวเองถึงกับจะลากนางไปอาบน้ำด้วย?

แถมยังใช้ให้นางทอดขนมเปี๊ยะให้กินอีก?

มิหนำซ้ำยังพักอยู่ในห้องเดียวกันกับนางด้วย

โอ้สวรรค์ทรงโปรด หัวของเขาจะคาออกจากคอแล้วใช่หรือไม่

องค์หญิงก็ดูงุนงงเช่นกัน

“หลี่เต๋อฝู เจ้าสับสนหรือเปล่า ที่นี่ไม่มีหญิงตระกูลหลิว ข้าไม่เคยได้ยินว่าเสด็จพี่ใหญ่มีอนุชายาในจวนรัชทายาทนี่? แล้วจ้าวเอ๋อร์คือผู้ใดอีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์