สีหน้าของอินสิงอวิ๋นเปลี่ยนไปทันที
“เจ้าว่าอะไรนะ”
อินชิงเสวียนผลักอินสิงอวิ๋นออกไป เกาะขอบหน้าต่างพยุงตัวขึ้น
“ข้า...มีลูกคนหนึ่ง”
อินสิงอวิ๋นถามด้วยความประหลาดใจ “ของใคร”
อินชิงเสวียนหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างจำใจ
“เป็น...ของเย่จิ่งอวี้”
ประกายโทสะพลุ่งพล่านในแววตาทั้งคู่ของอินสิงอวิ๋น แล้วครู่หนึ่งก็สงบลง
“เจ้า...เหตุใดเจ้าถึงต้องเข้าไปพัวพันกับตระกูลเย่ด้วย”
ยังไม่ทันที่อินชิงเสวียนจะเอ่ยปากพูด อินสิงอวิ๋นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ตัวเจ้าอยู่ในวัง ช่วยตัวเองไม่ได้ ในเมื่อเย่จิ่งอวี้ข่มเหงเจ้า เด็กคนนั้นจะไม่เอาก็ได้”
เสี่ยวหนานเฟิงคลอดออกมาได้เพราะการเสี่ยงชีวิตของเจ้าของร่างเดิม แล้วจะบอกว่าไม่ต้องการได้อย่างไร
“พี่ใหญ่ ข้าทิ้งเขาไว้ในวังไม่ได้”
อินสิงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ในเมื่อเจ้าตัดใจไม่ได้ เช่นนั้นก็พาเขาไปด้วย เด็กอยู่ที่ใด”
เมื่อได้ยินว่าอินสิงอวิ๋นรับปากว่าจะพาเด็กไปด้วย อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย
ถ้าสามารถออกไปจากต้าโจวได้จริงๆ บางทีอาจจะเป็นการเริ่มต้นใหม่
ถึงอย่างไรในตัวนางก็มีเงินหลายแสนตำลึง ทั้งยังมีมิติอยู่กับตัว ไปที่ไหนก็อยู่ได้
นางเป็นเพียงคนตัวเล็กธรรมดาๆ นางไม่เคยคิดถึงอำนาจหรือยศศักดิ์ที่ถูกแต่งตั้งเป็นสนม ตราบใดที่นางสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกควบคุมก็เพียงพอแล้ว
เย่จิ่งอวี้ใจดีกับนางก็จริงอยู่ แต่นางก็ทำหลายอย่างให้เขาเช่นกัน จึงนับว่าไม่ติดค้างกันแล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็ชี้ไปที่ห้องโถงด้านข้าง
“เด็กอยู่ตรงนั้น”
“ได้ รอข้า”
อินสิงอวิ๋นรีบมาที่ประตูอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านนอกตำหนัก
ร่างหนึ่งในเสื้อคลุมตัวยาวสีฟ้าเดินเข้ามาจากด้านนอกลาน ถามด้วยเสียงราบเรียบ “มาเยี่ยมตำหนักจินหวูในยามวิกาล มิทราบว่ามีจุดประสงค์ใด”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ อินชิงเสวียนก็เหงื่อออกทันที
เย่จิ่งอวี้ ทำไมเขามาเร็วขนาดนี้!
ในขณะที่พูด นักธนูหลายสิบคนวิ่งกรูเข้ามาจากด้านนอกประตู ง้างคันธนู และเล็งไปที่อินสิงอวิ๋นในชุดพรางตัว
อินสิงอวิ๋นก้าวถอยหลัง แววตาเย็นชา
“ลำพังเศษสวะเหล่านั้น จะสามารถรั้งข้าไว้ได้รึ!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู”
เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลัง พูดเอื่อยๆ ไม่เร็วไม่ช้า
มีนักธนูมากมายเพียงนั้น ไม่ว่าจะมีวรยุทธ์สูงส่งเพียงใดก็ต้องได้รับบาดเจ็บบ้าง
อินชิงเสวียนไม่อาจมองดูพี่ชายคนโตของเจ้าของร่างเดิมตายไปทั้งๆ แบบนี้ได้ กระซิบทันที “เก็บชีวิตไว้ยังมีความหวัง ไม่ต้องกังวลว่าหมดโอกาส พี่ใหญ่ ใช้ข้าเป็นตัวประกัน”
เย่จิ่งอวี้ค่อยๆ ยกมือขึ้น
จู่ๆ มือของอินสิงอวิ๋นที่จับมีดก็กระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย
ทหารองครักษ์ในวังหลวงเข้มงวดกว่าที่เขาคิดไว้มาก!
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันกลับมา แล้วรั้งคอของอินชิงเสวียนไป
กดเสียงต่ำพูดว่า “หลบไปให้พ้นทางเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะฆ่านาง”
อินชิงเสวียนร้องอุทานประสานเสียง “ฝ่าบาท ช่วยด้วย!”
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลง รู้สึกสับสนเล็กน้อย
สักพักเขาก็ค่อยๆ วางมือลง
“พวกเจ้าถอยออกไปก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
นักธนูถอนตัวออกจากลานทันที อินสิงอวิ๋นหมุนข้อมือ รั้งเอวของอินชิงเสวียน แล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังคาด้วยวิชาตัวเบา
อินชิงเสวียนตกใจ คว้าเสื้อผ้าของอินสิงอวิ๋นโดยไม่รู้ตัว
อินสิงอวิ๋นกระโดดลงไปที่ด้านหลัง แล้วพาอินชิงเสวียนวิ่งไปที่กำแพงวัง
อินชิงเสวียนเริ่มวิตกกังวลทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...