บทที่ 198 ข้ามีลูกคนหนึ่ง – ตอนที่ต้องอ่านของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตอนนี้ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 198 ข้ามีลูกคนหนึ่ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
สีหน้าของอินสิงอวิ๋นเปลี่ยนไปทันที
“เจ้าว่าอะไรนะ”
อินชิงเสวียนผลักอินสิงอวิ๋นออกไป เกาะขอบหน้าต่างพยุงตัวขึ้น
“ข้า...มีลูกคนหนึ่ง”
อินสิงอวิ๋นถามด้วยความประหลาดใจ “ของใคร”
อินชิงเสวียนหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างจำใจ
“เป็น...ของเย่จิ่งอวี้”
ประกายโทสะพลุ่งพล่านในแววตาทั้งคู่ของอินสิงอวิ๋น แล้วครู่หนึ่งก็สงบลง
“เจ้า...เหตุใดเจ้าถึงต้องเข้าไปพัวพันกับตระกูลเย่ด้วย”
ยังไม่ทันที่อินชิงเสวียนจะเอ่ยปากพูด อินสิงอวิ๋นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ตัวเจ้าอยู่ในวัง ช่วยตัวเองไม่ได้ ในเมื่อเย่จิ่งอวี้ข่มเหงเจ้า เด็กคนนั้นจะไม่เอาก็ได้”
เสี่ยวหนานเฟิงคลอดออกมาได้เพราะการเสี่ยงชีวิตของเจ้าของร่างเดิม แล้วจะบอกว่าไม่ต้องการได้อย่างไร
“พี่ใหญ่ ข้าทิ้งเขาไว้ในวังไม่ได้”
อินสิงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ในเมื่อเจ้าตัดใจไม่ได้ เช่นนั้นก็พาเขาไปด้วย เด็กอยู่ที่ใด”
เมื่อได้ยินว่าอินสิงอวิ๋นรับปากว่าจะพาเด็กไปด้วย อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย
ถ้าสามารถออกไปจากต้าโจวได้จริงๆ บางทีอาจจะเป็นการเริ่มต้นใหม่
ถึงอย่างไรในตัวนางก็มีเงินหลายแสนตำลึง ทั้งยังมีมิติอยู่กับตัว ไปที่ไหนก็อยู่ได้
นางเป็นเพียงคนตัวเล็กธรรมดาๆ นางไม่เคยคิดถึงอำนาจหรือยศศักดิ์ที่ถูกแต่งตั้งเป็นสนม ตราบใดที่นางสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกควบคุมก็เพียงพอแล้ว
เย่จิ่งอวี้ใจดีกับนางก็จริงอยู่ แต่นางก็ทำหลายอย่างให้เขาเช่นกัน จึงนับว่าไม่ติดค้างกันแล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็ชี้ไปที่ห้องโถงด้านข้าง
“เด็กอยู่ตรงนั้น”
“ได้ รอข้า”
อินสิงอวิ๋นรีบมาที่ประตูอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านนอกตำหนัก
ร่างหนึ่งในเสื้อคลุมตัวยาวสีฟ้าเดินเข้ามาจากด้านนอกลาน ถามด้วยเสียงราบเรียบ “มาเยี่ยมตำหนักจินหวูในยามวิกาล มิทราบว่ามีจุดประสงค์ใด”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ อินชิงเสวียนก็เหงื่อออกทันที
เย่จิ่งอวี้ ทำไมเขามาเร็วขนาดนี้!
ในขณะที่พูด นักธนูหลายสิบคนวิ่งกรูเข้ามาจากด้านนอกประตู ง้างคันธนู และเล็งไปที่อินสิงอวิ๋นในชุดพรางตัว
อินสิงอวิ๋นก้าวถอยหลัง แววตาเย็นชา
“ลำพังเศษสวะเหล่านั้น จะสามารถรั้งข้าไว้ได้รึ!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู”
เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลัง พูดเอื่อยๆ ไม่เร็วไม่ช้า
มีนักธนูมากมายเพียงนั้น ไม่ว่าจะมีวรยุทธ์สูงส่งเพียงใดก็ต้องได้รับบาดเจ็บบ้าง
อินชิงเสวียนไม่อาจมองดูพี่ชายคนโตของเจ้าของร่างเดิมตายไปทั้งๆ แบบนี้ได้ กระซิบทันที “เก็บชีวิตไว้ยังมีความหวัง ไม่ต้องกังวลว่าหมดโอกาส พี่ใหญ่ ใช้ข้าเป็นตัวประกัน”
เย่จิ่งอวี้ค่อยๆ ยกมือขึ้น
จู่ๆ มือของอินสิงอวิ๋นที่จับมีดก็กระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย
ทหารองครักษ์ในวังหลวงเข้มงวดกว่าที่เขาคิดไว้มาก!
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันกลับมา แล้วรั้งคอของอินชิงเสวียนไป
กดเสียงต่ำพูดว่า “หลบไปให้พ้นทางเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะฆ่านาง”
อินชิงเสวียนร้องอุทานประสานเสียง “ฝ่าบาท ช่วยด้วย!”
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลง รู้สึกสับสนเล็กน้อย
สักพักเขาก็ค่อยๆ วางมือลง
“พวกเจ้าถอยออกไปก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
นักธนูถอนตัวออกจากลานทันที อินสิงอวิ๋นหมุนข้อมือ รั้งเอวของอินชิงเสวียน แล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังคาด้วยวิชาตัวเบา
อินชิงเสวียนตกใจ คว้าเสื้อผ้าของอินสิงอวิ๋นโดยไม่รู้ตัว
อินสิงอวิ๋นกระโดดลงไปที่ด้านหลัง แล้วพาอินชิงเสวียนวิ่งไปที่กำแพงวัง
อินชิงเสวียนเริ่มวิตกกังวลทันที
อวิ๋นฉ่ายถามด้วยสีหน้างุนงง
“เอ่อ ออกไปพร้อมกับฝ่าบาทในตอนหลังน่ะ”
อินชิงเสวียนไม่แน่ใจว่าเย่จิ่งอวี้เล่นอะไรอยู่กันแน่ แต่เมื่อเขาไม่พูด อินชิงเสวียนย่อมไม่บอกเช่นกัน
“ความสัมพันธ์ต้องค่อยๆ พัฒนา พระสนมออกไปเดินเล่นกับฝ่าบาทบ่อยๆ ก็ดี”
ยายหลี่ช่วยประคองอินชิงเสวียนขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้ หลี่เต๋อฝูเดินเข้ามาจากด้านนอก
“พระสนมเหยาเฟย ท่านยังต้องตามกระหม่อมไปที่ตำหนักจินหลวน”
อินชิงเสวียนถามว่า “อันผิงอ๋องเข้ามาในราชสำนักแล้วรึ”
หลี่เต๋อฝูเหลือบมองนางแล้วพูดว่า “พระสนมได้ข่าวเร็วจริง”
จากนั้นเขาก็พูดว่า “ฝ่าบาทคงบอกพระสนมตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วกระมัง พระสนมเพียงยืนกรานในตัวตนของตนเท่านั้นก็พอ ส่วนเรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องพูดอะไร”
“ได้”
อินชิงเสวียนไม่ต้องการที่จะพบเย่จิ่งอวี้ในตอนนี้ นางรู้สึกผิดจริงๆ แต่คำสั่งของฮ่องเต้นั้นยากจะฝ่าฝืน ดังนั้นนางจึงต้องติดตามหลี่เต๋อฝูออกจากตำหนัก
ระหว่างทาง หลี่เต๋อฝูถามขึ้นว่า “นักฆ่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้ทำให้พระสนมตกใจกระมัง”
“ไม่เป็นไร” หลี่เต๋อฝูคงรู้เรื่องแล้ว
อินชิงเสวียนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วแสร้งถามอย่างไม่ตั้งใจ “นักฆ่าถูกจับได้แล้วหรือ”
หลี่เต๋อฝูตวัดตามองอินชิงเสวียน และพูดด้วยรอยยิ้ม “ในวังหลวงของเราไม่ได้มีเพียงทหารรักษาพระองค์เท่านั้น แต่ยังมีหน่วยองครักษ์เงาจำนวนนับไม่ถ้วนอีกด้วย นักฆ่าจะหนีรอดจากเงื้อมมือฝ่ามือของฝ่าบาทได้อย่างไร ตอนนี้นักฆ่าถูกจองจำอยู่ในคุก แม้นมีปีกก็ยากที่จะบินออกไปได้ พระสนมโปรดวางใจเถิด”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วทันที
“แล้ว...ฝ่าบาทจะจัดการกับเขาอย่างไร”
หลี่เต๋อฝูเหลือบมองอินชิงเสวียนอย่างแฝงความนัย
“เรื่องนี้กระหม่อมก็ไม่ทราบ เมื่อฝ่าบาทมีเวลาว่าง พระสนมค่อยถามดู”
“ขอบคุณกงกงที่แจ้งให้ทราบ”
อินชิงเสวียนไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วสิบห้านาทีต่อมา ทั้งสองก็มาถึงตำหนักจินหลวน
อินชิงเสวียนสามารถมองเห็นเย่จิ่งเย่าที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางได้อย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...