สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 20

พูดยังไม่ทันจบดี นางก็ต้องรีบปิดปากแล้วหันไปมองยังอินชิงเสวียน

อินชิงเสวียนยักไหล่ให้เหมือนไม่ใส่ใจอะไร จะคล้ายใครเหมือนใคร ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่แล้ว ก็เธอไม่ใช่แม่นิ

แต่ว่าถ้าฝ่าบาทหน้าตาแบบนี้จริง ก็ออกจะดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหน่อยหรือเปล่า!

หน้าแบบนี้จะเอาอะไรไปสยบพวกขุนนางบุ๋นบู้ทั้งหลายล่ะ?

เมื่ออินชิงเสวียนจินตนาการไปถึงเจ้าหมาน้อยตอนโต ก็รู้สึกแอบขนลุกหน่อยๆ

เจ้าหมาน้อยยังคิดว่าอินชิงเสวียนแกล้งเขาเล่น จึงได้หัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา

ยายหลี่รีบพูดต่อว่า "องค์ชายน้อยไม่ได้เห็นหน้าพระสนมมาหลายวันแล้ว จะต้องคิดถึงมากแน่ๆ พระสนมรีบเข้าไปอุ้มองค์ชายสักหน่อยเถิดเพคะ"

ยายหลี่กลัวว่าอินชิงเสวียนจะไม่ชอบเด็ก ถึงแม้ฝ่าบาทจะเลวร้ายเพียงไร แต่เด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆ ของพระสนมเอง หากว่าแม่แท้ๆ เองยังไม่รัก ก็คงจะน่าสงสารมาก

อินชิงเสวียนยื่นมือออกไปข้างหน้าทันที ก่อนหน้านี้ที่เธอไม่ยอมอุ้ม ไม่ใช่เพราะเธอไม่ชอบเด็ก แต่ว่าเด็กน้อยยังตัวเล็กมากๆ เธอไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มอุ้มยังไง แต่ตอนนี้เด็กน้อยก็แข็งแรงขึ้นแล้ว แน่นอนว่าความกังวลเหล่านั้นก็ย่อมหายไป

เจ้าหมาน้อยใช้มือเล็กๆ กอดที่ลำคอของอินชิงเสวียนอย่างมีความสุขทันที ริมฝีปากเล็กๆ งับลงไปบนไปหน้าของเธอไม่หยุด

อินชิงเสวียนโดนเด็กน้อยงับหน้าจนรู้สึกคันไปหมด จนเธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เมื่อเจ้าหมาน้อยเห็นว่าแม่ของเขามีความสุข ก็ดีใจ ทั้งมือแล้วเท้าเล็กๆ ปัดป่ายไปมาไม่หยุด

อินชิงเสวียนเล่นเป็นเพื่อนเด็กน้อยสักพักหนึ่ง มะเขือก็เหมือนว่าจะได้ที่แล้ว

เมื่อเปิดฝาหม้อออก กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมาเตะจมูกทันที ยิ่งเมื่อใส่เม็ดพริกลงทุบหยาบๆ ลงไปแล้ว ยิ่งทำให้ดูน่าดึงดูดเข้าไปใหญ่ ไม่ต้องบอกเลยว่ากลิ่นจะหอมขึ้นขนาดไหน

อวิ๋นฉ่ายถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

เมื่อลองชิมไปคำหนึ่งเธอก็หันมาพูดอย่างตื่นเต้นว่า "พระสนมเพคะ ผัดมะเขือนี่อร่อยมากเพคะ กลิ่นหอมยิ่งกว่าเนื้อสัตว์เสียอีก"

"ถ้าอร่อยก็กินให้มากหน่อย"

อินชิงเสวียนเองก็นั่งลงบนเก้าอี้เก่าๆ

เจ้าหมาน้อยที่มองดูคนอื่นๆ กินอย่างเอร็ดอร่อยก็อยากกินด้วย เขาใช้ดวงตากลมๆ ส่งสายตาอย่างเว้าวอน ปากเล็กๆ ก็ทำท่าเหมือนจะกลืนน้ำลาย

เห็นท่าทางของเจ้าหมาน้อยน่าสงสารขนาดนี้ อินชิงเสวียนก็เลยคีบมะขือให้เขาชิ้นหนึ่ง

ยายหลี่ตกใจสะดุ้งโหยง รีบห้ามไว้อย่างรวดเร็ว

"ไม่ได้นะเพคะ องค์ชายยังเล็กมาก ยังย่อยอาหารพวกนี้ไม่ได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องให้ผ่านไปสักครึ่งปีก่อน"

อินชิงเสวียนไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องเด็กเล็กมาก่อน เลยทำได้แค่คีบมะเขือชิ้นนั้นกลับเข้าปากตัวเอง

เมื่อเจ้าหมาน้อยเห็นว่าอาหารของเขาหายไปแล้ว ก็โมโหจนร้องไห้ออกมาทันที

ยายหลี่รีบวิ่งเข้าไปอุ้มเด็กน้อย พร้อมกับหันไปบอกอวิ๋นฉ่ายว่า "รีบไปชงนมมาให้องค์ชายน้อยซะ ดูท่าน่าจะหิวอีกแล้ว"

หลังจากที่ทุกคนกุลีกุจอไปจัดการงานตามหน้าที่แล้ว ในที่สุดก็ปลอบเจ้าหมาน้อยให้หยุดร้องไห้ได้สักที

อินชิงเสวียนที่เพิ่งจะกลับมานั่งลงตรงที่ตัวเอง ได้แอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกไปที เจ้าหนูนี่พอโมโหทีก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เห็นทีคงจะได้นิสัยนี้มาจากพ่อชั่วๆ ของเขานั่นแหละ

ยายหลี่กับอวิ๋นฉ่ายเองก็วุ่นวายกันจนเหงื่อแตกพลั่ก อินชิงเสวียนก็รู้สึกผิดนิดๆ อยู่เหมือนกัน เป็นเพราะเธอเองแหละ ถ้าเธอไม่ไปแกล้ง เจ้าหมาน้อยก็คงจะไม่ร้อง เพื่อเป็นการไถ่โทษทั้งสองคน เธอจึงรีบไปเอาแตงโมมาปอก

เมื่อได้กินแตงโมที่ทั้งเย็นทั้งหวานแล้ว ยายหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า

"เห็นทีนี่คงจะเป็นผลไม้ที่มาจากสรวงสวรรค์กระมัง"

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะต้องหัวเราะออกมาดังๆ

ใบหน้าของอวิ๋นฉ่ายเองก็เต็มไปด้วยความสุขเช่นกัน

"เกรงว่าแม้กระทั่งฝ่าบาทเองก็คงยังไม่เคยได้เสวยของสิ่งนี้เป็นแน่ ได้รับใช้พระสนมช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ เพคะ"

ยายหลี่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วถามว่า "พระสนม วันนี้ครบสามวันอีกแล้วใช่หรือไม่เพคะ"

อินชิงเสวียนเช็ดปาก "ใช่แล้ว เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะออกไปหาเขา"

ยายหลี่ลังเลสักครู่ก่อนจะพูดว่า "สองวันมานี้ พี่น้องตระกูลหวังมาถามหม่อมฉันอยู่หลายครา หากว่าพวกเขาไม่ได้ของไป จะทำเราเสียการหรือไม่เพคะ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์