ระหว่างเดินไปตามทางหินกรวด อินชิงเสวียนเดินซอยเท้าถี่ๆ มุ่งหน้าไปยังตำหนักจินหวู
ชุดสตรีนั้นดูดีจริงๆ แต่ก็ก็อึดอัดจนนางแทบเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ
แค่รวบมือตั้งศอกเพียงครู่เดียว อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าปวดไหล่ เมื่อยจนอาการปวดต้นคอกำเริบ
เมื่อปรายตามองเห็นขันทีน้อยสองคนที่ตามมาข้างหลัง อินชิงเสวียนก็วางมือลงเสียดื้อๆ แล้วเดินฉับๆ ออกไปอย่างใจถึง
เมื่อเห็นพระสนมใจถึงขนาดนี้ เหล่าขันทีน้อยก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และรีบก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองสิ่งที่ไม่เหมาะสม
สิบห้านาทีต่อมา ตำหนักจินหวูก็ปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้า มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนออกันอยู่ที่ประตู
อินชิงเสวียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เมื่อหรี่ตามองดูดีๆ ก็พบว่าแท้จริงแล้วพวกนางคือ ซูฉ่ายเวยและหญิงงามคนอื่นๆ
เมื่อนึกถึงตอนก่อหน้านี้ที่นางเคยขายของมากมายให้กับซูฉ่ายเวย แล้วตอนนี้ตัวเองกลับกลายเป็นหญิง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด
แต่พอนึกดูอีกที สิ่งของที่นางขายไปเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ พวกนางล้วนได้ความสวยงามไปไม่ใช่หรือ แถมยังบอกลาอกแฟบได้ด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อสตรีในวังหลวงแล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็เดินเชิดหน้าเชิดอกตรงเข้าไปทันที
คลี่ยิ้มบางๆ พูดว่า “พระสนมหลิงเฟย สบายดีหรือไม่”
ซูฉ่ายเวยอดไม่ได้ที่จะมองหน้าอินชิงเสวียน เมื่อเห็นว่าใบหน้านี้ขาวราวกับหยก งดงามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ แต่ยังสามารถเห็นโครงหน้าของเสี่ยวเสวียนจื่ออยู่รางๆ แต่ชุดสตรีที่ดูเรียบง่ายทว่าสง่างามนี้ กลับทำให้นางดูสูงศักดิ์มากขึ้น แม้ว่าจะเป็นสนมขั้นเฟยเหมือนกัน แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าแปลกๆ
นางหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดว่าเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงในวันวานจะกลายเป็นพระสนมเหยาเฟย ข้าตาบอดจริงๆ ที่ไม่รู้จักรูปลักษณ์ที่แท้จริงของพระสนม หวังว่าพี่หญิงจะยกโทษให้”
หากเสี่ยวเสวียนจื่อเป็นอนุชายาขององค์รัชทายาทจริง เช่นนั้นก็อาวุโสกว่านาง หากนางสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนางได้ อาจพลอยได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทไปด้วย จะทำความเคารพนางก็ไม่นับว่าเสียเปรียบ
หลังจากคิดได้แล้วก็ยอบการเคารพ ส่วนคนอื่นก็พูดพร้อมกันทันที “หม่อมฉันน้อมคำนับพระสนมเหยาเฟย”
“ล้วนเป็นพี่น้องกัน ลุกขึ้นเถิด”
เมื่อพวกนางแสดงกิริยาเช่นนี้ กลับเป็นอินชิงเสวียนเสียอีกที่รู้สึกขัดเขิน
ทุกคนพูดทันที “ขอบพระทัยพระสนม”
ท่ามกลางฝูงชน ฉู่หลิงอวี้อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
คิดในใจว่า ที่แท้ขันทีน้อยก็เป็นสตรี ตอนนี้นางสวมชุดสตรีแล้ว แต่ยังไม่เห็นว่าจะดูดีขึ้นเท่าใด อาศัยที่ว่ามีลูกชาย มารดาเรืองอำนาจเพราะบุตรเท่านั้นแหละ
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เรื่องราวของหลิวเสวียนแพร่กระจายไปทั่ววังหลัง ทุกคนต่างก็รู้ด้วยว่าดาวมงคลคือลูกชายของนางกับฮ่องเต้ ต่างอดไม่ได้ที่จะอิจฉา
หากตัวเองสามารถมีลูกกับฮ่องเต้ได้ คงจะได้ขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งสูงสุด ได้กลายเป็นผู้เป็นที่โปรดปรานที่สุดในวังหลังอย่างแน่นอน
ฉู่หลิงอวี้คนนี้หยิ่งผยอง ถือตนว่าสูงส่งกว่าผู้ใด แม้ว่าซูฉ่ายเวยได้รับการแต่งตั้งยศขึ้นเป็นสนมขั้นเฟย แต่นางก็ไม่ได้ให้ค่านัก ตอนนี้อินชิงเสวียนกลับมาสวมชุดสตรี นางยังคิดดูถูกเช่นกัน
ก็แค่รู้จักฮ่องเต้นานกว่าตัวเองหน่อย ตราบใดที่ตัวเองยังอยู่ในวัง ก็ไม่กลัวว่าจะไม่มีโอกาส
ขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินซูฉ่ายเวยเอ่ยถามว่า “ตอนนี้พี่หญิงได้รับแต่งตั้งยศขึ้นเป็นสนมขั้นเฟยแล้ว ไม่ทราบว่าต้องไปยังจะขายของเล็กๆ น้อยๆ ให้เราพี่น้องอีกรึไม่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าซูฉ่ายเวยใช้การได้ทีเดียว
ทันใดนั้นจึงก็พูดด้วยรอยยิ้มร่าดั่งดอกไม้ “ย่อมเป็นเช่นนั้น ข้าได้ดีแล้วจะไม่ลืมพวกเราพี่น้องเลย พี่สาว ช่วงนี้ลูกพี่ลูกน้องของข้าได้นำเครื่องประทินโฉมกลับมาบ้าง ไว้วันหน้าเมื่อมีเวลาว่าง ข้าจะเอาไปให้พวกเจ้าลองใช้ดู”
“เช่นนั้นก็ดีมากเลย ต้องขอบคุณพี่หญิงมากๆ”
แล้วซูฉ่ายเวยก็จับมืออินชิงเสวียน แล้วพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “เพียงแต่ตำหนักจินหวูได้รับการคุ้มกันแน่นหนา พวกเราเข้าไปไม่ได้เลย”
“เรื่องนี้ข้าจะไปคุยกับฝ่าบาทเอง ให้พวกเจ้าเข้าออกได้อย่างสะดวกสบาย”
มีคนเฝ้าอยู่ที่นี่มากมาย ซึ่งส่งผลต่อการหาเงินของนางจริงๆ
“เช่นนั้นก็ขอบคุณพี่หญิงมาก พี่หญิงไปพักผ่อนเถิด พวกเราไม่รบกวนแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...