สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 204

“กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้”

เสี่ยวอานจื่อตอบรับและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

อินชิงเสวียนนั่งอยู่ที่โต๊ะ ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

ทั้งกลัวว่าอินสิงอวิ๋นจะถูกทรมาน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาได้อย่างไร

หลังจากรอนานกว่าหนึ่งชั่วยามอย่างฟุ้งซ่าน เสี่ยวอานจื่อก็กลับมา

“พระสนม กระหม่อมไปสืบมาแล้ว ทั้งยังได้เดิมพันกับทหารรักษาพระองค์มาแล้วด้วย เมื่อคืนมีนักฆ่ามาจริง แต่ฝ่าบาทปล่อยเขาไปแล้ว ในคุกตอนนี้คุมขังไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น คือหลิวหมัวมัว ได้ยินผู้คุมคุกบอกว่ายายแม่มดเฒ่าคนนี้ปากแข็งมาก ไม่ยอมพูดอะไรเลย”

อินชิงเสวียนตกตะลึงเล็กน้อย

“โอ๊ะ? เจ้าถามดีแล้วหรือ”

เสี่ยวอานจื่อสาบานว่า “ถามดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ได้ไปสืบจากแค่หนึ่งคนหรือสองคนเท่านั้น ยังมีขันทีน้อยที่ดูแลในคุกที่เล่นลูกเต๋าด้วยกัน ยังมีหัวหน้าหน่วยทหารรักษาพระองค์อีก ยังมีเสี่ยวหลีจื่อที่ส่งอาหารให้พวกนักโทษด้วย พวกเขาต่างก็บอกว่าไม่มีนักฆ่าอยู่ข้างใน”

อินชิงเสวียนย่อมเชื่อเสี่ยวอานจื่ออยู่แล้ว เขาไม่กล้าโกหกตัวเองแน่นอน

ต้องเป็นเย่จิ่งอวี้ที่โกหกเพื่อหลอกนาง

ฮ่องเต้โฉดนี่ เจ้าแผนการจริงๆ!

หากนางเดินถือป้ายทองประจำพระองค์ไปที่นั่นอย่างโง่ๆ เขาคงจะเข้าใจว่าตอนนี้อินสิงอวิ๋นอยู่ในเมืองหลวงแล้ว

อินชิงเสวียนรีบแสร้งทำเป็นว่าหงุดหงิด ตบโต๊ะอย่างแรง

“จับไม่ได้ก็นับว่าเขาโชคดีแล้ว ถ้าคราวหน้ากล้ามาอีก ได้เห็นดีแน่”

เสี่ยวอานจื่อพูดสมทบอีกว่า “ใช่ ถ้ามีครั้งต่อไป จะจัดการเข้าให้ร้องไม่ออกเลย”

ขณะที่เพูด เขาก็หยิบเงินออกมาจากอกเสื้อ

“พระสนม เมื่อครู่กระหม่อมเดิมพันชนะมา ได้เงินเดิมพันกว่าหกสิบตำลึง เงินต้นนี้ขอส่งคืนพระสนม!”

“เจ้าเก็บไว้เถอะ แล้วไปมาหาสู่กับคนเหล่านี้มากๆ ด้วยล่ะ ต่อไปจะได้สืบเรื่องได้ ตอนนี้ข้าได้เป็นสนมในวังแล้ว คงมีคนอิจฉามากมายที่อยากใส่ร้ายข้า ถ้าได้สานสัมพันธ์กับคนไว้มากหน่อย พวกเราจะได้ข้อมูลมากขึ้น”

เมื่อได้ยินอินชิงเสวียนเปิดใจกับตัวเองถึงเพียงนี้ เสี่ยวอานจื่อก็อดซึ้งใจเสียมิได้ ตอนนี้ถือว่าเขาได้เป็นหัวหน้าขันทีของตำหนักจินหวูแล้ว ทั้งหมดนี้คือความไว้วางใจของเสี่ยวเสวียนจื่อที่มีต่อเขา

เขาพูดทันที “พระสนมไม่ต้องกังวล ข้าสัญญาว่าสานสันพันธ์กับคนเหล่านี้ไว้ ไม่ว่าข้อมูลใดๆ ก็จะไม่ยอมให้รอดพ้นสายตาไปได้”

อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดีมาก ข้าฝากตำหนักจินหวูไว้กับเจ้าได้ข้าก็วางใจ ไปทำงานของเจ้าเถอะ”

หลังจากเสี่ยวอานจื่อกล่าวขอตัวด้วยความซาบซึ้งใจ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา นางเริ่มมีความรู้สึกดีต่อเย่จิ่งอวี้ แต่ยังไม่ทันได้ซึ้งกับความรู้สึกนั้น ทุกอย่างก็หายไป

ตัวเองไร้เดียงสาเกินไป ทุกคนในวังล้วนมีแผนการร้อยแปดพันเก้า ถ้าขืนทำอะไรอย่างตรงไปตรงมมาเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้แล้ว

พอนึกถึงหัวสมองทึ่มๆ ของตัวเองที่ไม่ชอบแล่น อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะปวดหัว

ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตของตัวเองจริงๆ!

อินชิงเสวียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ไปเล่นกับเสี่ยวหนานเฟิง

ทันทีที่นางอุ้มลูกขึ้นมา เย่ไห่ถังก็เดินเข้ามาพร้อมกับอวิ๋นเฟิง

เมื่อเห็นอินชิงเสวียน อวิ๋นเฟิงก็ก้มศีรษะลงด้วยท่าทางที่ดูไม่เป็นปกติ

“เสด็จพี่สะใภ้!”

เย่ไห่ถังส่งเสียงใสเจื้อยแจ้วก่อนที่ตัวจะมาถึง

ทุกคนในตำหนักรีบไปถวายพระพรองค์หญิง แล้วเย่ไห่ถังก็โบกมือ

“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ”

จากนั้นนางก็จับมืออินชิงเสวียน ถามอย่างสนิทสนม “เสด็จพี่สะใภ้ ท่านมีของเล่นแปลกๆ และใช้งานได้จริงบ้างหรือไม่”

อินชิงเสวียนรู้สึกงุนงง

“เจ้าอยากเอาไปทำไมรึ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์