เมื่อขันทีน้อยได้ยินว่าอินชิงเสวียนเป็นปีศาจร้าย พวกเขาก็เริ่มกลัว กลัวว่านางจะกลายเป็นสิ่งชั่วร้าย อ้าปากกัดกินพวกเขา แต่ก็ไม่กล้าปล่อย พวกเขาคว้าเสื้อผ้าของอินชิงเสวียน และผลักนางไปข้างหน้า
อินชิงเสวียนถูกผลักตัวเซ จึงอดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับ ขันทีน้อยหลายคนสะดุ้งทันที
เสวียนเจินดุทันที “มารร้ายจริงๆ กำลังจะตายแล้วยังไม่สำรวมอีก”
อินชิงเสวียนถุยปาก พูดว่า “เจ้าหัวโล้นโง่เง่า เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังถ่ายทำภาพยนตร์อยู่รึ สำคัญตัวจริงๆ ข้าอยากเห็นนักเชียว ว่าในสามวันนี้เจ้าจะทำอะไรกับข้าได้”
เสวียนเจินไม่ได้โต้เถียงกับนาง เขาตั้งมือขวาวางบนหน้าอก ท่าทางเคร่งขรึมราวกับผู้อยู่เหนือกว่าอันยากจะหยั่งถึง
เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นใจของเขา อินชิงเสวียนก็เรื่อมรู้สึกร้อนใจ
หลวงจีนบ้านี่คงไม่มีวิชาแปลงร่างได้จริงหรอกนะ ถ้าเสกให้นางกลายเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ อะไรสักตัวจริง ถึงตอนนั้นต่อให้นางอมพระมาพูดก็ไม่มีใครเชื่อ
อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งต่อ “นี่ เจ้าโล้นบ้า เจ้าเป็นบ้าอะไร”
ไม่ว่าอินชิงเสวียนจะตะโกนสาปแช่งมากแค่ไหน เสวียนเจินก็ไม่พูดอะไร และแล้วสามสิบนาทีต่อมา อินชิงเสวียนถูกนำตัวไปที่หอสวดมนต์
ขันทีน้อยผลักอินชิงเสวียนเข้าไปในหอ แล้วก็ออกวิ่งโดยไม่หันกลับมามอง
เสวียนเจินปรบมือ แล้วเดินไปหาแม่ชีอายุไม่มากสี่คนทันที โดยทุกคนสวมหมวกแบบแม่ชี แต่ละคนดูพริ้มเพรายิ่งนัก
เสวียนเจินเหลือบมองอินชิงเสวียน แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “พานางไปที่ห้องสารภาพบาปในเรือนด้านหลัง”
“เจ้าค่ะ”
พวกนางทั้งสี่คนพาอินชิงเสวียนไปที่ห้องที่เงียบสงบ แล้วผลักนางลงไปที่พื้น ผู้ที่ดูอายุมากที่สุดคนหนึ่งบีบแขนของอินชิงเสวียน
“ช่างงดงามเหมือนนางจิ้งจอกจริงๆ แต่ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีใบหน้าที่งดงาม แต่เมื่อเข้ามาในหอสวดมนต์ของเราแล้ว ก็อย่าคิดที่จะกลับออกไปในสภาพเดิมอีกเลย”
อินชิงเสวียนร้องโอยด้วยความเจ็บปวด พูดอย่างเคียดแค้น “เจ้าพวกปีศาจ หรอืเจ้าจะเสกให้ข้ากลายเป็นตัวอะไร”
แม่ชีที่เด็กกว่าคนหนึ่งหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “ร้อนใจทำไม หลังผ่านไปสามวันเจ้าก็จะรู้เอง”
หลังจากพูดจบ พวกนางก็ปิดประตูออกไปทันที
เมื่อได้ยินเสียงประตูลงกลอน อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสะท้าน
ในนี้จะต้องมีเรื่องลึกลับซ่อนเงื่อนอยู่แน่ๆ
ไม่นาน นางก็สงบลง
ต่อให้เขาจะมีพลังเหนือธรรมชาติจริงๆ ก็เถอะ ถึงอย่างไรตัวเองก็มีมิติอยู่ อย่างมากก็เข้าไปนอนในมิติสักสามวัน ดูว่าเขาจะทำอะไรตัวเองได้
เมื่อคิดได้ดังนี้ ความคิดของอินชิงเสวียนก็บรรเจิด แล้วเข้าไปในมิติทันที
กลิ่นหอมดอกไม้โชยมาแตะจมูก เมล็ดพืชที่ปลูกไว้ก่อนหน้านี้เริ่มเบ่งบานออกผลแล้ว
อินชิงเสวียนเดินไปรอบๆ ทุ่งนา ทันใดนั้นก็เห็นทุเรียนกองใหญ่ที่วางอยู่รวมกับผลไม้ชนิดอื่น
จึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองได้ปลูกทุเรียนไว้ก่อนหน้านี้ ต่อมาเมื่อเข้ามาครั้งใดก็อาบน้ำอย่างเดียว จึงลืมเรื่องนี้ไป
ในยุคปัจจุบัน ทุเรียนลูกหนึ่งมีราคามากกว่าหนึ่งร้อยหยวน อินชิงเสวียนตัดใจซื้อไม่ได้เลย
ตอนนี้ในที่สุดก็สามารถเพลิดเพลินได้อย่างเต็มที่แล้ว
นางนั่งลงกับพื้น แกะเปลือกทุเรียนด้วยมือเปล่า แล้วควักเนื้อออกมากิน
แค่ทุเรียนพูเดียวก็กินจนอิ่มได้ทันที
อินชิงเสวียนนอนบนพื้นหญ้า ยกขาไขว้กันอาบแดดอย่างสบายอารมณ์
อากาศในมิตินี้สบายมาก อบอุ่น แต่ไม่ร้อน และมีลมพัดเย็นสบายเล็กน้อย
เพียงแต่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไร
แล้วเย่จิ่งอวี้จะมาช่วยตัวเองหรือไม่
เดิมทีก็คิดไว้ดีแล้ว ว่าจะไม่คาดหวังกับฮ่องเต้น้อยมากเกินไป แต่เผชิญหน้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเขา
เห็นได้ชัดว่าเสวียนเจินในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเหล่าบรรดาขุนนาง แม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถปกป้องตัวเองได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...