สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 216

สรุปบท บทที่ 216 อับอายจนเหงื่อตก: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

สรุปเนื้อหา บทที่ 216 อับอายจนเหงื่อตก – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บท บทที่ 216 อับอายจนเหงื่อตก ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เขารีบไปเปิดประตูทันที แล้วก็เห็นฝ่าบาทอุ้มอินชิงเสวียนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วปานลมกรด

“ถวายบังคมฝ่าบาท!”

“ตามสบาย”

เย่จิ่งอวี้มาที่ห้องโถงด้านใน และวางอินชิงเสวียนที่กำลังแกล้งเป็นลมไว้บนเตียง

เสี่ยวหนานเฟิงเมื่อเห็นแม่เขาก็ถีบขาด้วยความดีใจ มือป้อมๆ ก็ไขว่คว้าไม่หยุด พยายามไปหาอินชิงเสวียน

ยายหลี่กอดเสี่ยวหนานเฟิงไว้แน่น พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันรับใช้พระสนมมาตั้งแต่เกิด หม่อมฉันกล้ารับประกันด้วยชีวิตว่าพระสนมไม่ใช่ปีศาจอย่างแน่นอน”

อวิ๋นฉ่ายก็คุกเข่าลงโขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า “หม่อมฉันก็ขอรับรองด้วยชีวิตเช่นกันเพคะ นายหญิงนางเป็นคนดี”

เสี่ยวอานจื่อก็พูดตามมาอีกว่า “ฝ่าบาท ปีศาจในตำราภาพวาดล้วนแต่เป็นคนจิตใจชั่วร้ายอย่างยิ่ง พระสนมจิตใจดี มักจะคิดถึงราษฎรและต้าโจวเสมอ จะเป็นปีศาจได้อย่างไร”

หลังจากได้ยินสิ่งที่คนเหล่านี้พูด อินชิงเสวียนก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ใบหน้าแดงเถือก

แม้ว่านางจะทำสิ่งดีๆ ให้กับราษฎร แต่ความตั้งใจเดิมของนางคือการหลอกลวงเย่จิ่งอวี้ ต้องการที่จะไปจากวังหลวง ไม่เหมาะกับคำว่า ‘คนดี’ สองคำนี้จริงๆ

เย่จิ่งอวี้พูดเบาๆ “พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้นเถิด ปีศาจร้ายอะไรนั่นก็เป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้นในตำราเท่านั้น ข้าไม่เชื่อหรอก”

ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที

ยายหลี่ถามอีกครั้ง “แล้ว...พระสนมเป็นอะไรหรือเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ยังดูมีชีวิตชีวาอยู่แท้ๆ แต่ในพริบตาก็หมดสติไป

“รอให้หมอหลวงมาถึง ก็คงทราบเอง”

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น หมอหลวงเหลียงหัวหน้าสำนักหมอหลวงก็ถือกล่องยาวิ่งหน้าตั้งเข้ามา

เย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ไม่ต้องพูดมาก รีบตรวจชีพจรของพระสนมเหยาเฟยเร็วเข้า”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงเหลียงที่กำลังจะคุกเข่า เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเปลี่ยนอิริยาบถทันที รีบเดินไปที่เตียง

เขาวางมือตรงจุดตรวจชีพจรที่ข้อมือของอินชิงเสวียน แล้วหลับตาลงครู่หนึ่ง

จากนั้นกล่าวด้วยความเคารพว่า “ชีพจรของพระสนมอ่อนแอ เหมือนว่าจะเกิดจากการขาดเรี่ยวแรง ประเดี๋ยวกระหม่อมจะเขียนใบสั่งยาให้ เมื่อพระสนมได้ดื่มยาอาการป่วยก็จะหายขาดพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนคิดในใจว่า ชายชราผู้นี้ก็มีมีความสามารถดีนี่ นางหมดแรงไปจริงๆ น่ะแหละ

เย่จิ่งอวี้พยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปสั่งยาเถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงเหลียงพยักหน้ารับคำสั่ง แล้วถามขึ้นอีกว่า “ไม่ทราบว่าต้องการให้ตรวจอาการองค์ชายน้อยด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ตรวจดูเถอะ”

เมื่อหลายวันก่อน หมอหลวงเหลียงแจ้งส่วนผสมของผงนั้นต่อเย่จิ่งอวี้แล้ว แต่เพราะเสี่ยวหนานเฟิงอาการดีขึ้น หลิวหมัวมัวก็ถูกจับขังในคุกหลวงแล้ว ดังนั้นเย่จิ่งอวี้จึงหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน

ยายหลี่รีบคุกเข่าลงทันที จับแขนของเสี่ยวหนานเฟิงให้หมอหลวงเหลียงตรวจชีพจร

หมอหลวงเหลียงตรวจดูเขาอยู่นาน จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “แม้ว่าเด็กทารกจะตรวจชีพจรได้ไม่ง่าย แต่ก็พอจะตรวจได้ว่าองค์ชายน้อยแข็งแรง เต็มไปด้วยกำลังวังชา ทุกอย่างเรียบร้อยดีพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้พยักหน้าแล้วพูดว่า “ดีแล้ว ไปสั่งยาให้พระสนมเถอะ”

“กระหม่อมขอทูลลา”

หลังจากที่หมอหลวงเหลียงออกไปแล้ว เย่จิ่งอวี้กล่าวขึ้นว่า “ข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกเจ้าดูแลพระสนมให้ดี หากมีอะไรเกิดขึ้นให้แจ้งทันที”

“เพคะ หม่อมฉันน้อมส่งฝ่าบาท”

เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงอืมรับ แล้วจากไปพร้อมกับหลี่เต๋อฝู

เสี่ยวหนานเฟิงอยากไปหาแม่จนใจแทบขาด ยายหลี่อุ้มเขาไม่ไหว จึงต้องวางเขาไว้บนเก้าอี้ตัวยาว

เสี่ยวหนานเฟิงรีบคลานไปหาอินชิงเสวียนทันที ปากเล็กๆ ก็พูดอ้อแอ้ไม่หยุด เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนยังไม่ลืมตา เขาจึงใช้นิ้วก้อยทิ่มไปที่ดวงตาของนาง

อินชิงเสวียนไม่อาจแกล้งทำเป็นหลับได้อีก จึงต้องแสร้งทำเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว

ทันใดนั้นทั้งสามคนก็ประหลาดใจ ทุกคนก็ตะโกนพร้อมกันว่า “พระสนม ท่านฟื้นแล้ว”

อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปอุ้มเสี่ยวหนานเฟิง พยักหน้าอย่างอ่อนแรง

“ฟื้นแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องห่วง”

แต่อวิ๋นฉ่ายได้คว่ำหน้าร้องไห้คร่ำครวญบนตัวนาง

“พระสนม ท่านทำให้หม่อมฉันตกใจจะแย่”

อินชิงเสวียนพยักหน้า ดวงตากลมฉายแววอำมหิต

ใช่แล้ว จะปล่อยให้เรื่องนี้จบลงแบบนี้ไม่ได้แน่นอน!

ณ ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮานั่งกุมท้องอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว สีหน้าซีดเผือด

“เกรงว่าอินชิงเสวียนคงบ้าไปแล้ว กล้าทำร้ายเสวียนเจินจนหมดสติได้”

ชุยไห่ที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “นางเตะกำแพงพังได้ด้วยซ้ำ บางทีนางอาจเป็นปีศาจจริงๆ”

ใบหน้าของไทเฮาบิดเบี้ยวยิ่งขึ้น

“ตอนนี้เสวียนเจินถูกขังไว้ในหอสวดมนต์ ข้าก็ไปพบเขาไม่ได้ด้วย ยามนี้เย่จิ่งอวี้คุมอำนาจส่วนใหญ่อยู่ในมือ ไม่เห็นข้าและฮ่องเต้องค์ก่อนอยู่ในสายตา อาจจะจัดการกับเสวียนเจินจริงๆ ก็ได้”

ตอนนี้โหวเหนือถูกส่งไปยังเจียงวูแล้ว แม้ว่าภายนอกเย่จั้นสัญญาว่าจะช่วยเย่จิ่งเย่า แต่ลึกๆ แล้วใจเขาฝักใฝ่ฮ่องเต้น้อยอยู่ ตอนนี้นางที่อยู่ในวังทำได้เพียงพึ่งพาเสวียนเจินเท่านั้น ยอมให้เขาถูกล้มล้างไม่ได้เด็ดขาด

“ชุยไห่ มานี่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ชุยไห่โค้งกายเดินมาหาไทเฮา ฟังเสียงกระซิบสั่ง แล้วก็รีบจากไป

และในเวลานี้ นายหญิงผู้อื่นในวังหลังก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

เมื่อรู้ว่าอินชิงเสวียนปลอดภัย สวีจือย่วนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก และใบหน้าที่ขาวโพลนมาสองวันก็เริ่มมีสีดอกกุหลาบในที่สุด

“พระสนมเป็นผู้มีสวรรค์คุ้มครองจริงๆ นางไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!”

หานปิงเหลือบมองสวีจือย่วน แล้วกระซิบ “นายหญิงปรารถนาดีต่อพระสนม แต่พระสนมอาจจะไม่รู้ หลายวันี้เราเสียเงินเพื่อสืบเรื่องนี้ไปมากมาย มันคุ้มค่าจริงหรือเจ้าคะ”

สวีจือย่วนยิ้มบางๆ พูดว่า “ข้าบอกว่ามันคุ้มค่าย่อมคุ้มค่าอยู่แล้ว”

หานปิงพูดอย่างจนใจ “นายหญิงคิดจริงๆ หรือว่าจะไปพบคุณชายใหญ่อินได้เจ้าคะ ฝ่าบาทก็ดูไม่เลวเลย ถ้าวันนั้นนายหญิงตีเหล็กตอนร้อน อาจจะ...”

ใบหน้าที่สวยงามของสวีจือย่วนเครียดขรึมลง

“พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เจ้าออกไปซะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์