สรุปเนื้อหา บทที่ 217 เจ้าจับปีศาจได้อีกแล้วรึ – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel
บท บทที่ 217 เจ้าจับปีศาจได้อีกแล้วรึ ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
หลังจากที่หานปิงเดินออกไป สวีจือย่วนก็จมอยู่ในห้วงความคิดลึกซึ้งอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจเบาๆ หยิบเข็มขึ้นมาแล้วเย็บเสื้อผ้าให้เสี่ยวหนานเฟิงต่อ...
ในเวลานี้ ซูฉ่ายเวยก็มีความรู้สึกผสมปนเปไปหมดเหมือนกัน
รู้สึกดีใจที่อินชิงเสวียนยังไม่ตาย ต่อไปยังสามารถซื้อของเพื่อเอาใจนางได้อีก แต่ก็รู้สึกกังวลที่นางยังไม่ตาย ได้ยินมาว่าฝ่าบาทได้อุ้มนางกลับไปที่ตำหนักจินหวูด้วยตัวเอง
เมื่อคิดว่าพวกนางทั้งสองต่างก็เป็นสนมขั้นเฟย ในขณะที่เหยาเฟยอาศัยอยู่ในตำหนักจินหวู แต่ตัวเองกลับยังคงอาศัยอยู่ในหอฉงฮวาเล็กๆ จู่ๆ ในใจก็คิดว่าไม่ยุติธรรม
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเซียงหลานพูดว่า “พระสนม นายหญิงฉู่และนายหญิงท่านอื่นๆ มาเพคะ”
ซูฉ่ายเวยกำลังจะหาคนคุยอยู่พอดี เมื่อได้ยินดังนี้จึงบอกว่า “ให้พวกนางเข้ามา”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉู่หลิงอวี้ที่สวมกระโปรงสีเขียวก็เดินนำทุกคนเข้ามา
แม้ว่าฉู่หลิงอวี้จะไม่มีตำแหน่ง แต่กลับมีนิสัยเจ้าเล่ห์แสนกลชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ จึงกลายเป็นผู้นำของเหล่าหญิงงามไปโดยปริยาย นอกจากนี้ฉู่หลิงอวี้ยังมีภูมิหลังตระกูลที่ดี ตระกูลฝ่ายแม่เป็นคนค้าขาย จึงมีเงินทองไม่ขาดมือ
ปกติมักจะใช้เงินเล็กๆ น้อยๆ กับหญิงงามเหล่านี้ จากนั้นทุกคนก็ค่อยๆ มารวมตัวกันที่หอปี้อวี้
หลังจากได้ยินข่าวของอินชิงเสวียน วันนี้จึงมาหาข้อมูลเพิ่มเติม
“น้อมทักทายพระสนมหลิงเฟย”
ทันทีที่เดินเข้าประตู ฉู่หลิงอวี้ก็ยอบกายคำนับทันที
ซูฉ่ายเวยนั่งบนเก้าอี้ พูดด้วยรอยยิ้ม “ล้วนเป็นพี่น้องกัน รีบตามสบายเถอะ”
“ขอบพระทัยพระสนม!”
ฉู่หลิงอวี้เข้ามาจับมือของซูฉ่ายเวย ยกกระโปรงขึ้นแล้วนั่งลง นายหญิงคนอื่นๆ ต่างก็ขอบคุณและนั่งบนตั่งที่นางกำนัลนำมาให้
“เหตุใดวันนี้พวกเจ้าจึงมีเวลาว่างมาได้รึ”
ฉู่หลิงอวี้หัวเราะแล้วพูดว่า “เราเห็นวันนี้อากาศดี จึงชวนกันมาคำนับพระสนมเพคะ ได้ยินมาว่าพระสนมจากตำหนักจินหวูเสด็จกลับมาแล้ว อีกทั้งฝ่าบาทก็ทรงอุ้มกลับมาด้วยตัวเอง ไม่ทราบว่าข่าวนี้จริงหรือไม่”
ใบหน้าของซูฉ่ายเวยดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย
“พวกเจ้าคงได้ยินมาบ้างแล้ว ย่อมเป็นเรื่องจริงเช่นนั้น”
นายหญิงคนหนึ่งถามอย่างไม่เข้าใจ “เสวียนเจินบอกว่าพระสนมแห่งตำหนักจินหวูเป็นปีศาจมิใช่หรือ ได้ยินมาว่าเสวียนเจินไต้ซือเป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง หรือว่าครั้งนี้เขามองพลาดไป”
ซูฉ่ายเวยกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่ทราบ เพียงแต่ได้ยินมาว่าวันนี้ไทเฮาและฝ่าบาทเสด็จไปที่หอสวดมนต์เท่านั้น”
ฉู่หลิงอวี้เยาะเย้ยพูดว่า “บางทีเสวียนเจินไต้ซืออาจไม่ได้มองพลาด เป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นปีศาจที่เก่งกว่า จึงทำให้ไต้ซือถูกควบคุมแทน”
ซูฉ่ายเวยเหลือบมองนางแล้วพูดว่า “ถ้าพระสนมแห่งตำหนักจินหวูเป็นปีศาจจริงๆ คงกินพวกเราไปและครอบงำฝ่าบาทแต่เพียงผู้เดียวไปนานแล้ว เรื่องนี้ไม่ควรพูดจาไร้สาระดีกว่า”
ฉู่หลิงอวี้พูดอย่างไม่เห็นด้วย “กลัวอะไร เมื่อก่อนตอนที่นางเป็นขันที ข้าก็รู้สึกว่านางมีลับลมคมใน ของที่นางขายยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน บางทีทั้งหมดนั้นอาจถูกสร้างขึ้นด้วยมนตราก็ได้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉู่หลิงอวี้พูด ทุกคนก็อดกลัวเสียมิได้
โดยเฉพาะซูฉ่ายเวยที่ซื้อของมากที่สุด
นางตัวสั่นสะท้าน พูดว่า “ไม่ใช่กระมัง พวกเจ้าเชื่อข่าวลือเขย่าขวัญเกินไปแล้ว”
ฉู่หลิงอวี้เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า “ใช่หรือไม่ใช่ ใครจะบอกชี้ชัดได้ล่ะ”
ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง...
ณ ห้องหนังสือ
เมื่อเย่จิ่งอวี้กลับมาถึงตำหนัก เขาก็จัดการสะสางฎีกาด่วนทันที จากนั้นก็ได้ยินคนมารายงานว่าพระสนมเหยาเฟยฟื้นแล้ว
“ไม่สบายที่ใดหรือไม่”
เย่จิ่งอวี้วางฎีกาลง
ขันทีน้อยตอบว่า “ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่อ่อนแรงเล็กน้อย ตอนนี้กำลังเล่นกับองค์ชายน้อยอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
อินชิงเสวียนรีบนอนลง พร้อมกับกอดเสี่ยวหนานเฟิงไว้ข้างตัว
เย่จิ่งอวี้เดินเข้ามาแล้ว เรียวตาหงส์คู่นั้นมองนางอย่างพินิจ แล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
อินชิงเสวียนแสร้งทำเป็นอ่อนแอ ตอบว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงห่วงใยเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นไร”
เย่จิ่งอวี้นั่งลงข้างๆ ยื่นแขนออกไปอุ้มเสี่ยวหนานเฟิง แต่ดวงตาลึกๆ ของเขากลับจ้องมองไปที่ใบหน้าของอินชิงเสวียน
เมื่อครู่ตอนที่นางทำร้ายคนอื่นนางดูมีชีวิตชีวามาก แถมยังทำให้เขาผงะไปตั้งหลายก้าว พละกำลังในตอนนั้นช่างเหลือเชื่อมาก แต่ไฉนตอนนี้นางถึงได้ดูอ่อนแอขนาดนี้
อินชิงเสวียนร้อนตัว ไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท หลวงจีนนั่นถึงจะเป็นปีศาจตัวจริง ฝ่าบาทห้ามปล่อยเขาไปเด็ดขาด หากหม่อมฉันไม่ฉลาดเฉลียวไปหลบซ่อนตัว คงถูกเขาฆ่าไปนานแล้ว”
เย่จิ่งอวี้จับมือเสี่ยวหนานเฟิงแล้วถามว่า “เจ้าบอกว่าเขาเป็นปีศาจ มีหลักฐานหรือไม่”
อินชิงเสวียนกลอกตา แสร้งทำท่าทางหวาดผวา กล่าวว่า “หม่อมฉันเคยเห็นดวงตาของเขามีรูม่านตาเป็นแนวตั้งเหมือนแมว แม้กระทั่งตอนที่ปิกปากก็ยังส่งเสียงร้องของสัตว์ออกมาได้”
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลง “จริงรึ”
อินชิงเสวียนพูดด้วยมั่นใจ “หม่อมฉันจะกล้าโกหกฝ่าบาทได้อย่างไร หม่อมฉันเห็นเองกับตา หากฝ่าบาทยอมส่งตัวปีศาจหลวงจีนให้หม่อมฉัน หม่อมฉันจะทำให้เขาเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมาได้อย่างแน่นอน”
เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้วพูดว่า “อย่าบอกนะว่าเจ้าสามารถจับปีศาจได้ด้วย”
อินชิงเสวียนกระแอมในลำคอ กล่าวว่า “อันที่จริงหม่อมฉันเคยอ่านตำราเล่มหนึ่ง ในนั้นได้เขียนบอกวิธีบางอย่างไว้ บางทีอาจลองดูก็ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ปีศาจ แต่การอาศัยอยู่กับแม่ชีในวังหลังก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้า
นี่เป็นการอนุญาตพิเศษของฮ่องเต้องค์ก่อน นับตั้งแต่เขาขึ้นครองบัลลังก์ เขาให้ความสำคัญกับกิจการบ้านเมือง จนลืมคนที่อาศัยอยู่ในหอสวดมนต์ไป
ในตอนนั้นเหตุการณ์นี้ถูกคำครหาจากราษฎรแล้ว บัดนี้เมื่อปีศาจหลวงจีนออกมาก่อเรื่องอีก เย่จิ่งอวี้ก็จะไม่ยอมทนอีกแล้ว
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชื่อคำพูดของอินชิงเสวียน ยายเด็กนี่คงมีความคิดอื่นอยู่ในใจแน่นอน เช่นนั้นตัวเองก็สามารถเข็นเรือไปตามน้ำได้พอดี...
เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เอาล่ะ เช่นนั้นข้าก็จะมอบเขาให้เจ้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...